จ้าวเหวินเทาไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ ถ้าเขามีเวลาว่างก็จะช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ถ้าไม่มีเวลา ต่อให้พวกพี่ชายช่วยพ่อกับแม่ทำงานเขาก็ไม่ยื่นหน้าเข้าไปแสดงออกว่าตนเองต้องการส่วนแบ่งอยู่ดี

อีกอย่างตอนนี้เขาก็ยุ่งมาก วันนี้เพิ่งจะมีเวลาว่างนิดหน่อยก็เท่านั้น เขาไม่สนใจความใจแคบนั้นของพี่ชายและพี่สะใภ้หรอก

ขณะที่ช่วงเวลานี้ทุกคนต่างกำลังพูดคุยว่าจะขุดสุสาน เขาก็ขับรถเข้าเมืองกับเย่หมิงเป่ยพี่สามของภรรยาไปหลายรอบ

อุปกรณ์การเกษตร เมล็ดพันธุ์ เดินทางไปกลับก็ขนมาได้หลายเที่ยว

ยังมีปุ๋ยด้วย เพียงแต่เวลานี้ผู้คนยังไม่รู้จักปุ๋ย จึงทำให้มีคนซื้อน้อย

“ผมจะเก็บปุ๋ยยูเรียเอาไปลองใช้สักสองถุง” หลังจากกลับมาในวันนี้ จ้าวเหวินเทาก็พูดกับเย่หมิงเป่ย “พี่สามจะเก็บไว้มั่งไหมครับ?”

“ฉันได้ยินพี่สะใภ้สามของนายพูดว่าของแบบนี้ถ้าใส่ในดินมาก ๆ จะไม่ดี ทำให้ดินแข็งกระด้าง ทางที่ดีที่สุดคือใช้ปุ๋ยคอก” เย่หมิงเป่ยพูดขณะขับรถเข้ามาที่สถานีส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรในอำเภอ “ฉันจะโทรศัพท์ไปหาพี่สะใภ้สามของนาย นายไปคิดบัญชีเถอะ”

เป็นเพราะต้องโทรศัพท์หาภรรยา ดังนั้นน้ำเสียงของเขาจึงฟังดูร่าเริงเป็นอย่างมาก

จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สาม พี่กับพี่สะใภ้สามยังดูเหมือนกับพวกวัยรุ่นเลยนะ ผมจำได้ว่าเมื่อสามวันก่อนเพิ่งจะโทรคุยกันนะ คุยกันตั้งนาน ผมรอพี่เกือบชั่วโมงเลยล่ะ”

เย่หมิงเป่ยไม่ได้สนใจเขา เพียงแต่บอกให้เขาไปเก็บเงินที่สถานีส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตร

พวกเขาไม่ได้เก็บเงินทุกครั้งที่นำของมาส่งที่สถานีส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตร แต่รอจนกระทั่งของถูกขายออกไปจึงค่อยมาเก็บเงิน โดยพื้นฐานแล้วจะเป็นการคิดบัญชีครั้งถัดไปและเก็บเงินในครั้งที่แล้ว

จ้าวเหวินเทาได้รับมอบหมายให้ขนถ่ายสินค้า ลุงที่เฝ้าประตูก็เข้ามาช่วยจ้าวเหวินเทาด้วย

“ไม่ต้อง ๆ ลุงแค่ยืนดูก็พอแล้วครับ งานนี้เดี๋ยวผมทำเอง ผมยังหนุ่มยังแน่น” จ้าวเหวินเทารีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ลุงที่เป็นยามเฝ้าประตูของสถานีส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรชอบคุยกับเขามาก จึงพูดคุยกับเขาด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเหวินเทาเองก็คุยกับเขาเช่นกัน คนแบบนี้ไม่ว่าจะอยู่กับใครก็เข้ากันได้ดี แค่เขาต้องการ จะผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่หรือเด็กก็ถูกเขากวาดเรียบ ใครก็ชมว่าเขาดี ความสามารถนี้ไม่ใช่ว่าจะมีกันทุกคน

เย่หมิงเป่ยเดินมาที่ห้องจดหมายแล้ว

ทุกครั้งที่มาก็จะให้ลูกอมหนึ่งกำมือกับพี่สาวใหญ่ของห้องจดหมาย ทำให้ใช้โทรศัพท์ได้สะดวก ถ้าไม่ใช่ระยะไกลก็ไม่ต้องจ่ายเงิน

เย่หมิงเป่ยกดโทรศัพท์ไป หลังจากบอกทางฝั่งนั้นว่าโทรหาใคร

รอเพียงไม่นานโทรศัพท์ก็มีเสียงของโจวหมิ่นดังขึ้น “หมิงเป่ย”

น้ำเสียงที่นุ่มนวลของโจวหมิ่นทำให้เย่หมิงเป่ยที่ได้ยินถึงกับมุมปากยกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ภรรยา ผมเอง สบายดีไหม? ผมได้รับโทรเลขของคุณแล้วนะ วันนี้โทรศัพท์ของทีมใหญ่ใช้งานไม่ดี ตอนนี้ผมเลยโทรหาคุณจากสถานีส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรในอำเภอแทน”

เมื่อสามวันก่อนก็เพิ่งจะโทรหากัน เดิมทีไม่ต้องมาเพื่อโทรหาก็ได้ แต่เป็นเพราะภรรยาของเขาส่งโทรเลขมา เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องด่วน ดังนั้นจึงโทรหาอีกครั้ง

“ไปส่งของที่สถานีส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรสินะคะ? ค้าขายเป็นยังไงบ้าง?” โจวหมิ่นเอ่ยถามเสียงเบา

“ค้าขายดีมากเลย เหวินเทาสายตาเฉียบแหลมมาก เอาของอะไรเข้ามาก็ขายได้หมด แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องการขายด้วย จริงสิภรรยา จู่ ๆ คุณส่งโทรเลขมาหาผมนี่มีอะไรหรือเปล่า?” เย่หมิเป่ยแอบกังวลใจ

ทางฝั่งโจวหมิ่นเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า “หมิงเป่ย ฉันขอโทษนะ!”

สีหน้าของเย่หมิงเป่ยขาวซีดโดยพลัน เขาถือโทรศัพท์พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ภรรยา ทำไมพวกเราสองคนถึงได้พูดจาห่างเหินกันแบบนี้?”

ภรรยาพูดว่าขอโทษออกมา ในสมองของเย่หมิงเป่ยก็อดนึกไม่ได้ เขาไม่ได้ไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาแค่เพียงไม่นาน ภรรยาก็รับเพื่อนนักเรียนชายคนอื่นเข้ามาเสียแล้ว

ราวกับถูกภูเขาขนาดมหึมาลูกหนึ่งกดทับ ทำให้เขาเกือบหายใจไม่ออก

“ฉันเกือบทำให้ลูกของคุณหายไปแล้ว จะไม่ให้ฉันขอโทษคุณได้เหรอ?” ระหว่างที่โจวหมิ่นพูด เธอก็สะอึกสะอื้นขึ้นมา

เย่หมิงเป่ยชะงัก จากที่ตกนรกอยู่ก็กลับกลายเป็นขึ้นสวรรค์ ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้นี่เอง!

“ภรรยา คุณ…คุณพูดอะไร?” เย่หมิงเป่ยกำโทรศัพท์ในมือแน่น อดไม่ที่จะถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย

“หมิงเป่ย ฉันท้องแล้ว คุณกำลังจะกลายเป็นพ่อคนแล้วนะ ฉันเองก็จะกลายเป็นแม่แล้ว” โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เย่หมิงเป่ยฟังถึงตรงนี้ ภายในใจก็ปั่นป่วนอย่างรุนแรง เขาไม่รู้ว่าจะบรรยายความรู้สึกนั้นอย่างไร แต่ขอบตาของตนแอบแดงก่ำเล็กน้อย ความตื่นเต้นนี้ทำให้เขากลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้

“หมิงเป่ย ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ ได้ยินว่าฉันมีลูกตัวน้อยแล้ว คุณไม่ดีใจเลยเหรอ?” โจวหมิ่นทราบดีว่าเขารู้สึกอย่างไร หล่อนที่อยู่ปลายสายเผยมุมปากเจือรอยยิ้มบางขณะกล่าวเสียงเบา

“ภะ…ภรรยา ผมดีใจ ผมดีใจสิ” เย่หมิงเป่ยพูดติด ๆ ขัด ๆ

โจวหมิ่นยิ้ม

เย่หมิงเป่ยก็ไม่ได้ซื่อบื่อจนทำอะไรไม่ถูก รีบพูดว่า “ภรรยา เมื่อกี้คุณพูดว่าเกือบทำให้ลูกหายไป? เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรหรือเปล่า?”

โจวหมิ่นกล่าว “อื้อ ฉันไม่รู้ว่าฉันท้องแล้ว ฉันเป็นลม มีคนพาฉันมาส่งที่โรงพยาบาล หลังจากตรวจร่างกายถึงได้รู้ว่าตั้งครรภ์แล้ว แต่มันก็แค่เกือบ ตอนนี้ลูกปลอดภัยดีค่ะ”

หัวใจเย่หมิงเป่ยบีบรัดจนเจ็บปวด

เขาอยากถามภรรยาว่าอยากจะกลับมาไหม? แบบนี้เขาจะได้ดูแลหล่อนได้อย่างดี แต่คำพูดนี้เขาเองก็พูดไม่ออก ภรรยาเพิ่งจะเปิดเทอมไปได้แค่หนึ่งเดือนกว่า ๆ จะให้กลับมารอคลอดเหรอ?

ตัวเขาคิดว่าไม่เป็นความจริง

ทำอย่างไรดี? จะทำอย่างไรดี?

“หมิงเป่ย คุณไม่ต้องกังวลนะ ฉันอยู่ทางนี้ดูแลตัวเองและลูกได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา แน่นอนว่าฉันเองก็ไม่ได้ขอร้องให้คุณมาอยู่เป็นเพื่อนพวกเราสองคนแม่ลูกหรอก ฉันรู้ดีว่าคุณเองก็มีศักดิ์ศรี ฉันรู้ว่าคุณมีจิตใจเคารพตัวเอง และฉันก็รู้ว่า ตำแหน่งของฉันกับลูกที่อยู่ในใจของคุณ ไม่มีทางเทียบกับศักดิ์ศรีของคุณได้ ฉันรู้ตัวเองดี คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ หลังจากนี้ฉันจะดูแลตัวเองและลูกให้ดี จะไม่เกิดเรื่องเป็นลมล้มพับบนถนนสายหลักเหมือนครั้งนี้อีก เพียงแต่เรื่องแบบนี้ฉันเองก็ควบคุมไม่ได้ ถ้าเป็นลมหมดสติไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นเหมือนกับครั้งนี้ที่เจอคนใจดีมาส่งที่โรงพยาบาลอีกหรือเปล่า บางทีอาจจะเจอคนคิดไม่ดี พาพวกเราไปขายที่แอฟริกาก็ได้ใครจะไปรู้ เฮ้อ” ระหว่างที่โจวหมิ่นกำลังพูด หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

“ภรรยา ผมจะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณกับลูก ผมจะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณกับลูก ผมจะนั่งรถไฟไปหาพรุ่งนี้เลย!” เย่หมิงเป่ยจะรอไหวได้อย่างไรกัน ภรรยาตัวเองเป็นลมอยู่บนถนนสายหลักอย่างโดดเดี่ยว พอมาคิด ๆ ดูแล้วเขาเองก็รู้สึกกลัว!

โจวหมิ่นกล่าวว่า “คุณจะมาเหรอ? แน่ใจเหรอ? ฉันกับลูกไม่เป็นอะไร ฉันมีปัญญาเลี้ยงลูกเองได้ ตอนนี้ฉันเชิญให้คุณป้าคนหนึ่งมาช่วยดูแลแล้ว คุณจะมาหรือไม่มาอันที่จริงก็ไม่เป็นไรหรอก ถึงยังไงตั้งแต่ฉันมาเรียนหนังสือ ฉันก็ค่อย ๆ ชินกับชีวิตที่ไม่มีคุณอยู่ข้าง ๆ แล้ว ตอนนี้ฉันท้องแล้ว ถึงไม่มีคุณมาอยู่ข้าง ๆ ฉันก็สามารถเรียนรู้และค่อย ๆ ปรับตัวได้”

อะไรคือมีดอ่อน[1]เหรอ…ก็นี่แหละ!

ถึงน้ำเสียงอ่อนโยนจะเอ่ยประโยคอย่างอ่อนหวาน แต่คำพูดในนั้นกลับแทงเข้าจุดอ่อนของเย่หมิงเป่ยทุกคำ

เย่หมิงเป่ยเป็นกังวลแล้ว ภรรยาของเขาปรับตัวล่วงหน้า เพื่อหย่ากับเขาและใช้ชีวิตโดยไม่มีเขาแล้ว!

แบบนี้เขาจะรับไหวได้อย่างไรกัน!

“ภรรยา ผมพูดจริง ผมจะไปพรุ่งนี้เลย อีกเดี๋ยวผมจะกลับไปกับเหวินเทาเก็บของให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เช้าจะนั่งรถไปหานะ!” เย่หมิงเป่ยรีบกล่าว

“งั้นคุณคิดดีแล้วนะ มาทางนี้ยังต้องเช่าบ้าน หลังจากคุณมาที่นี่คุณจะไม่มีรายได้ ถึงเวลานั้นบางทีอาจจะต้องใช้เงินฉันด้วย ฉันรู้ว่าคุณเป็นผู้ชาย คุณมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง คุณไม่อยากเป็นไก่อ่อน ดังนั้นฉันจึงคิดว่าคุณอย่ามาดีกว่า อย่าให้ถึงเวลานั้นที่ยืนต่อหน้าฉันแล้วแม้แต่เงยหน้าก็ยังไม่กล้า” โจวหมิ่นพูดต่อไป

………………………………………………………………………………………………………………………

[1] มีดอ่อน (软刀子) หมายถึง วิธีทำร้ายผู้คนโดยไม่รู้ตัว

สารจากผู้แปล

หมินหมิ่นท้องแล้วค่ะ พี่หมิงเป่ยเอาไงดีคะ จะไปหาพรุ่งนี้เลยไหม

ไหหม่า(海馬)