บทที่436

บทที่436

เมื่อลูกธนูแตกหักออก มันก็ย่อมส่งผลให้ความรุนแรงของมันลดน้อยลงไปด้วย ทว่าถ้าหากใช้กับผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา พวกเขาก็คงจะตายไปแล้ว แต่กับหยวนยู่นั้น …เศษศรพวกนั้นไม่น่ากลัวแม้แต่น้อย !!!

เจี๋ยนฟานนึกวิชาอื่นที่จะมาต่อกรหยวนยู่ไม่ออกอีกแล้ว เขามองอีกฝ่ายก่อนจะถอยกลับมาที่ฝั่งของตนเองด้วยวิชาสับเปลี่ยนเงา จากนั้นจึงพูดว่า “ถอยก่อน !”

เมื่อสิ้นเสียง พวกทหารเปิงก็พากันรีบตามเจี๋ยนฟานกลับเข้าไปในเมืองทันที

“เฮ้ย จะรีบหนีไปไหนกัน ?” หยวนยู่ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไปอยู่แล้ว เขาไล่ตามไปติด ๆ ทว่าก็ต้องเจอกับห่าฝนธนูที่ถูกเทลงมาทำให้เขาต้องหยุดลง

“หึ ไอ้ขี้ขลาดเอ้ย !” หยวนยู่สบถด่าก่อนจะรีบกลับไปยังค่ายของเขา

พวกแม่ทัพที่เห็นว่าหยวนยู่กลับมาพร้อมกับลูกธนูที่ปักอยู่ตามร่างกายจำนวนมาก จึงได้รีบเข้าไปถามด้วยความเป็นกังวล “ท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บหรือ ?”

หยวนยู่หัวเราะออกมา “ไอ้ขี้ขลาดแบบนั้นจะทำอันตรายข้าได้ยังไงกัน ?” จากนั้นเขาก็เดินไปหาถังหยิน

“นายท่าน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจี๋ยนฟานมันหนีเร็วเกินไป ข้าคงจัดการมันไปแล้ว”

เมื่อเห็นว่าลูกน้องของเขาปลอดภัย ถังหยินก็พลันรู้สึกโล่งอกแล้วยิ้มให้ “เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว กลับไปพักเถอะ”

“พักหรือ ? ไม่ใช่ว่าเราต้องเข้าโจมตีเมืองอีกหรือ ?” หยวนยู่ว่าพลางปลดเกราะตัวเองออกมา

“กลับไปพักผ่อนก่อนค่อยว่ากัน” ตามแผนเดิมแล้วพวกเขาจะต้องโจมตีเมืองและทำลายขวัญกำลังใจของพวกเปิง แต่เพราะการต่อสู้กับฮ่าวจ้าวและเจี๋ยนฟาน จึงทำให้ถังหยินต้องเปลี่ยนแผนใหม่

หยวนยู่ไม่ยอมรับในจุดนี้ เขาส่ายหัวอย่างรุนแรง “ไม่ต้องกังวลหรอกนายท่าน ข้าจะเป็นคนนำทัพเอง”

ถังหยินยิ้มให้ “ไม่ต้องรีบหรอก เมืองจางหยูก็อยู่แค่นี้เอง ไม่ใช่ว่ามันจะหนีไปไหนได้เสียหน่อย จริงหรือไม่ ? เอาเถอะ ไว้เราค่อยกลับไปคิดแผนกันใหม่”

พูดจบเขาก็ออกคำสั่งให้ถอนกำลังกลับไป ส่วนหยวนยู่ที่ทำอะไรไม่ได้ก็จำต้องทำตามที่ผู้เป็นนายสั่ง

ตอนนี้ถังหยินไม่ได้มองโลกในแง่ดีแล้ว เขาไม่อาจประมาทกองทัพเปิงได้เลยในศึกครั้งนี้

ฮ่าวจ้าวและเจี๋ยนฟานถือเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจ ! ส่วนภายในนั้นก็ยังมีชุยหยุนเจียนและจ้านอู่ตี้ที่อยู่ในเมือง แถมจ้านหูเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ทำให้พวกเขาในตอนนี้ถือว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ !!

เมื่อกลับไปถึงค่าย ถังหยินก็พลันกวาดสายตามองพวกแม่ทัพทั้งหลาย ก่อนที่ชายหนุ่มจะหยุดนิ่งครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงหันมองไปที่มูฉิงและถามว่า “มูฉิง จีหยิง ถ้าหากส่งทหารเข้าโจมตีตอนนี้ …โอกาสชนะของพวกเราจะมีมากเท่าใด ?”

มูฉิงครุ่นคิดก่อนจะพูด “ในตอนนี้เมืองจางหยูนั้นถือว่าแข็งแกร่งยิ่ง ถ้าพวกเราเข้าโจมตีทั้งแบบนี้ ข้าเกรงว่าจะมีโอกาสสูงที่เดียวที่จะพ่ายแพ้”

จีหยิงพยักหน้าให้ “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันขอรับ กองทัพพวกเราไม่ควรเข้าโจมตีในตอนนี้ ….พวกเราควรรอกองทัพชานชุยกับกองทัพจี้เฟิงเสียก่อนน่าจะดีกว่า”

ถังหยินหันไปถามหลีเทียน “กองทัพชานชุยอยู่ที่ไหน ?”

“ได้ข่าวว่ามาถึงมณฑลเกาฉวนแล้ว อีกไม่นานพวกเขาน่าจะใกล้ถึงเมืองหลีชาน”

“กองทัพชานชุยและจี้เฟิงรวมกันจะมีทหารมากกว่า 3 แสนนาย เจ้าคิดว่าพวกเขาต้องใช้เวลาข้ามแม่น้ำนานขนาดไหนกัน ? พวกเราไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกนะ !!” ถังหยินถาม

“นายท่านพูดถูก พวกเราไม่อาจรอนานเช่นนั้นได้ !!” หยวนยู่พูดเสริม

มูฉิงกลอกตาก่อนยิ้มให้ “การรอเองก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันนะขอรับ !”

หยวนยู่ขมวดคิ้ว “หมายความว่าไง ?”

“หยวนยู่ ท่านต้องเข้าใจก่อนว่ากองทัพกบฏที่อยู่ในเมืองนั้นไม่อาจรอนานได้เท่าเราหรอก ถ้าพวกเขายังไม่อยากอดตาย …สักวันหนึ่งคนเหล่านี้ก็ย่อมต้องออกมาโจมตีพวกเราอยู่ดี !!”

หยวนยู่ที่ไม่เข้าใจจึงตะโกนออกมา “ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก็จงพูดมาให้มันชัดเจน !!”

“เอาง่าย ๆ ก็คือ ถ้าพวกเราถ่วงเวลาเอาไว้ พวกทหารกบฏในเมืองจางหยูจะต้องหาโอกาสเข้าโจมตีพวกเราแน่นอน”

ได้ยินแบบนี้หยวนยู่ก็พลันดวงตาลุกเป็นไฟ “แล้วมันจะโจมตีที่ไหนกัน ?”

“ถ้าข้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นที่นี่”

“ที่นี่ ?!”

“ใช่แล้ว ถ้าพวกเขาจะโจมตี ก็ย่อมต้องเลือกที่ที่อ่อนแอและเข้าโจมตีง่ายที่สุด”

หยวนยู่ครุ่นคิดอีกครั้งแล้วพูด “แต่พวกเราไม่มีทหารมากมายที่ค่ายหลักขนาดนั้นนะ”

ค่ายที่จีหยิงสร้างเอาไว้แท้จริงเป็นเพียงค่ายลวงที่มีแค่การปักธงเอาไว้ให้มันดูมีทหารเยอะ เพราะอันที่จริงแล้วที่แห่งนี้มีทหารเพียงน้อยนิดเท่านั้น

จีหยิงที่ได้ยินดังนั้นพลันขมวดคิ้วแล้วหันมองไปยังมูฉิง

“ข้าคิดว่าพวกมันจะดำเนินการตามแผนแบบที่ข้าบอก และค่ายหลักจะตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน ถ้าเราใช้จุดอ่อนนี้เป็นเป้าลวงให้พวกมันเข้ามา …เราจะต้องชนะแน่ !!”

จีหยิงยังคงสงสัยอยู่แต่เขาไม่คิดจะถามต่อ

ส่วนถังหยินสูดหายใจเข้าแล้วมองไปรอบ ๆ “มีใครจะคัดค้านไหม ?”

หยวนยู่เป็นคนที่เสนอคำพูดมาก่อนใคร “ข้าคิดว่าคำพูดของมูฉิงมีเหตุผล ถ้าพวกมันเข้าโจมตีจริง นี่ย่อมต้องเป็นประโยชน์ต่อพวกเราแน่ !!”

มูฉิงหัวเราะออกมาแปลก ๆ

ส่วนถังหยินทำสีหน้าไม่เข้าใจ แต่ก็ยังคงพยักหน้าให้ “ถ้างั้นเราจะรอตามที่มูฉิงบอก …ไว้ดูผลกันว่ามันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ !!”

ครั้งนี้ไม่มีใครคัดค้านเลยแม้แต่คนเดียว

หลังจากประชุมเสร็จแล้ว ถังหยินก็ทำการเรียกมูฉิงให้มาคุยเป็นการส่วนตัว “มูฉิง พวกมันจะออกมาโจมตีพวกเราจริง ๆ หรือ ?”

มูฉิงเป็นทหารเก่าที่ศึกษากลยุทธ์มานาน แม้จะไม่เก่งกาจเท่าเหลียงฉีและกุนซือคนอื่น ๆ แต่เขาก็ถือว่าฉลาดมาก

ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายได้ยินแบบนั้น เขาก็พลันหัวเราะออกมาก่อนจะบอกความจริงกับถังหยิน “มีแค่ความเป็นไปได้เท่านั้นขอรับ”

ถังหยินที่เห็นท่าทีเช่นนั้นจึงกลอกตามองด้วยความสงสัย ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงพูดกลับไปกลับมาแบบนี้กัน ?

เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของชายหนุ่ม มูฉิงก็จึงรีบอธิบาย “นายท่านก็น่าจะเห็นแล้วว่าเราไม่อาจเอาชนะพวกมันได้ง่าย ๆ ส่วนเหตุผลที่ข้าต้องพูดแบบนั้นออกไป มันก็เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้พวกทหารไว้ก่อนในระหว่างที่รอกำลังเสริม”

“อย่างนี้นี่เอง”ได้ยินแบบนี้ถังหยินก็เข้าใจทันทีและยอมรับในไหวพริบของมูฉิง ด้วยถ้าเป็นเขาคงไม่มีทางคิดอะไรแบบนี้ได้แน่ !!