การต่อสู้ในทะเลทรายที่ดุเดือด
หล่งตงที่สังหารเงาสีเขียวสองตัวไปได้อย่างดูไม่ค่อยเปลืองแรงนั้น สะบัดกระบี่โลหิตในมือเงียบๆ
ชั่วขณะนั้นกระบี่เล่มนั้นพลันละลายกลายเป็นโลหิตบริสุทธิ์สีแดงเข้มในชั่วพริบตา ย้อมฝ่ามือที่กุมกระบี่เอาไว้แล้วหายวับไป
เขาพ่นลมหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง ใบหน้าแดงระเรื่อ แต่ทันใดนั้นก็ซีดขาวอย่างหาที่เปรียบ ราวกับว่าสูญเสียโลหิตไปจำนวนมาก
หยิบขวดสีแดงสดออกมาจากกำไลเก็บของอย่างรวดเร็ว หลังจากเทยาลูกกลอนสีแดงเข้มเม็ดหนึ่งออกมาแล้วกินลงไปแล้ว หล่งตงก็ไม่กล้ารั้งรออยู่ที่นี่นานนัก ควบคุมลำแสงหลีกหนีพุ่งแหวกอากาศออกไปในทันที
อีกด้านของทะเลทราย หญิงสาวชุดขาวยืนนิ่งอยู่บนเนินทราย รอบๆ ห่างออกไปสองสามจั้ง มีซากศพที่เย็นเยียบนอนอยู่สี่ร่าง
บนซากศพเหล่านี้ไม่มีบาดแผลเลยสักนิด กลับนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ล้วนไร้ซึ่งพลังชีวิต
หญิงสาวใช้มือหนึ่งลูบไปบนขวดหยกสีขาวนวล ใบหน้าเผยรอยยิ้มหวานหยดย้อยออกมา ฉับพลันนั้นร่างกายพลันเคลื่อนไหว กลายเป็นลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็หายจากที่เดิมอย่างไร้ร่องรอย
ห่างออกไปแสนลี้ ฉับพลันนั้นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งพลันกะพริบวาบพุ่งออกมาจากกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ด้านหลังเขาห่างออกไปสองสามลี้ ไอสีดำกลุ่มหนึ่งลอยตามมา ดูเหมือนเชื่องช้า แต่หลังจากที่สำแดงความสามารถอะไรสักอย่างก็ไล่ตามเขามาติดๆ ได้ ไม่มีท่าทีจะถูกสลัดทิ้งได้เลยสักนิด
ทั้งสองที่อยู่ด้านหน้าหนึ่งและด้านหลังหนึ่งพุ่งออกไปเป็นระยะสองสามร้อยลี้ได้ภายในพริบตา ฉับพลันนั้นไอสีดำด้านหลังก็สั่นคลอน ฉับพลันนั้นก็หายวับไปจากด้านหลัง ครู่ต่อมาไอสีดำก็เปล่งแสงสว่างวาบกลางอากาศห่างออกไปสองสามลี้ แล้วไล่ตามไปติดๆ
ทันใดนั้นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวด้านหน้าก็ดีดออกไปเช่นกัน กลายเป็นเส้นไหมสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกไปสองสามลี้ แล้วดึงระยะห่างออกไปอีกครั้ง
ทั้งสองไล่ตามกันเช่นนี้ไปอย่างไม่ลดละ
ในประจุไฟฟ้าสีเขียวขาว มีเงาร่างคนติดปีกกะพริบวาบอยู่รางๆ นั่นก็คือหานลี่
เขาในครานี้กำลังขมวดคิ้วมุ่น แววตาเคร่งขรึมมาก
ก่อนหน้านี้ไม่นาน หลังจากที่เขาพบว่าไอสีดำของนักพรตชราไล่ตามมา ทันใดนั้นกระตุ้นพลังของปีกวายุอสนีและวิชาเก้าวายุแปรปรวนจนถึงขีดสุด
แต่ไม่รู้ว่าไอสีดำกลุ่มนั้นคือสิ่งใด ไม่เพียงจะรวดเร็ว และยิ่งไปกว่านั้นยังมีความสามารถเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาเช่นกัน
ทั้งสองไล่ตามกันมาไกลขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะยังไม่อาจดึงระยะห่างออกมาได้เลยสักนิด
ถึงแม้ว่าทะเลทรายจะยิ่งใหญ่ แต่ก็มีเผ่าประหลาดเคลื่อนไหวอยู่บ่อยๆ ภายใต้การไล่ตามเช่นนี้ หากไปรบกวนเผ่าประหลาดเผ่าอื่นเข้า คงจะยุ่งยากเข้าไปใหญ่
ส่วนการใช้เงาโลหิตหลีกหนีที่ต้องสูญเสียปราณแท้ไปจำนวนมากนัก ก่อนหน้านี้เขาได้ใช้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง หากไม่ถึงตาจน เขาก็ไม่ยอมสำแดงออกมาง่ายๆ ถึงอย่างไรเสียทะเลทรายผืนนี้ก็มีอันตรายอยู่รอบด้าน หลังจากนี้เข้ายังต้องเข้าไปในเส้นทางสวรรค์อีก จึงไม่ยอมเสียปราณแท้ของตัวเองมากเกินไปแน่
ดูแล้วมีเพียงต้องสู้รบกับคนของเผ่าเงาที่อยู่ด้านหลังดูสักตั้งแล้ว
อีกฝ่ายสิงอยู่ในร่างของผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาขั้นกลางได้ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายมีตำแหน่งไม่น้อยในเผ่าเงา กว่าครึ่งคงเป็นเงาชาดที่ทัดเทียมกับระดับหลอมสุญตา
ระดับสูงขนาดนี้ ถ้าหากเป็นเผ่าประหลาดคนอื่น หานลี่ก็อาจจะกลัว แต่หากเป็นเผ่าเงา เขาซึ่งเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาที่สามารถกักเผ่านี้ได้ จึงมั่นใจในการต่อสู้ครั้งนี้อยู่บ้าง
และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เขาเข้ามาในเมืองเทวะสวรรค์ สมบัติต่างๆ และเคล็ดวิชาที่ฝึกฝนขึ้นใหม่นั้น ก็ยังไม่เผยสำแดงออกมาให้ใครเห็น มันก็อานุภาพขนาดไหนนั้นตนเองก็ยังไม่แน่ใจ รู้เพียงว่าอานุภาพน่าจะยิ่งใหญ่มาก นำมาทดสอบกับเงาชาดก็น่าจะดี
ความคิดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่หานลี่สำแดงการเคลื่อนย้ายอีกครั้ง ปีกที่แผ่นหลังพลันกระพือ คนหยุดอยู่ที่เดิม
เช่นนั้นไอสีดำกลุ่มนี้ไล่ตามหานลี่มาอยู่ห่างออกไปร้อยกว่าจั้งภายในพริบตา ดูแล้วน่าจะไม่มีเจตนาจะหยุดพัก คิดจะกระโจนเข้ามาทันที
นั่นก็ไม่แปลกเลยสักนิด!
สิ่งที่เผ่าเงาเชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือการกลืนกินจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของผู้อื่น และควบคุมกายเนื้อของเผ่าอื่น ในเวลาเดียวกันก็เอาพลังของกายเนื้อมาได้ครึ่งหนึ่งด้วย
แต่หานลี่จะปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าประชิดตัวได้อย่างไร ทันใดนั้นก็ไม่พูดไม่จา ถูมือทั้งสองเข้าด้วยกัน แล้วชูขึ้น
เสียง “เปรี้ยงๆ” ดังอสนีฟ้าฟาดดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองขนาดความหนาเท่าปากชามสายหนึ่งระเบิดออกมาระหว่างฝ่ามือ สับลงมาที่ไอสีดำอย่างไม่ตั้งตัว
เสียงร้องอุทานดังขึ้น ไอสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ จมหายเข้าไปกลางอากาศ
หานลี่แค่นเสียงด้วยความเย็นชา หว่างคิ้วมีรอยโลหิตสายหนึ่งปรากฏขึ้น เนตรทำลายล้างปรากฏขึ้นในทันใด และเส้นไหมสีดำสายหนึ่งที่พุ่งออกมา ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไปเช่นกัน
หลังจากที่เสียงระเบิดอันเสียดแก้วหูดังขึ้น กลางอากาศห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง พลันมีเสียงปริแตกดังออกมา นักพรตชราที่อยู่ท่ามกลางไอสีดำ ร่างกายพลิ้วไหวและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ปากร้องตะโกนต่ำๆ ออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เนตรทำลายล้าง คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะฝึกฝนความสามารถชนิดนี้ด้วย!”
หานลี่หยักมุมปากไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่กลับร่ายอาคมอย่างเงียบๆ ประจุไฟฟ้าสีทองบิดพลิ้ว ปรากฏขึ้นด้านหลังนักพรตชราอย่างคาดไม่ถึง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมาอย่างรุนแรง
นักพรตชราร้องว่าแย่แล้ว ตอนที่คิดจะหลบหลีกในทันใดนั้น หานลี่ที่อยู่ไกลออกไปกลับมีลำแสงสีฟ้าสว่างวาบที่ดวงตา พลันสบถปากออกมา
เสียงไม่ดังนัก แต่เมื่อกระทบโสตประสาทหูกลับเหมือนกับตีระฆังยักษ์ นักพรตชรารู้สึกเพียงว่าสองหูอื้ออึง ชั่วขณะนั้นในหัวพลันเกิดความเจ็บปวดจากการถูกฉีกทึ้ง ร่างกายอดที่จะหยุดชะงักไม่ได้
หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองก็โจมตีไปบนไอสีดำ ลำแสงสีทองบางๆ จำนวนนับไม่ถ้วนดีดตัวสลับกัน ไอสีดำพวยพุ่งขึ้นมา
แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียงกบร้องดังสนั่นที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดพลันส่งออกมาจากไอสีดำ
ไอสีดำหมุนวนอย่างรวดเร็ว ชั่วครู่ก็รวมตัวกันอยู่ที่ใต้ฝ่าเท้าของนักพรตชรา สร้างภาพลวงตาเป็นรูปร่างกบที่มีหัวเป็นอสรพิษสองเขาประหลาดๆ ออกมา ดวงตาสีแดงสดสี่ข้างจ้องเขม็งมายังหานลี่ เต็มไปด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
หานลี่เห็นฉากนี้ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้
ไอสีดำที่ปกป้องร่างกายของอีกฝ่ายอยู่ คาดไม่ถึงว่าจะสร้างขึ้นจากอสูรประหลาดตัวนี้ ช่างอยู่นอกเหนือความคาดหมายจริงๆ
“เยี่ยม เยี่ยมมาก! ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงคนหนึ่งสามารถเขย่าจิตสัมผัสของข้าได้ ความสามารถเมื่อครู่ของเจ้าน่าสนใจจริงๆ ไหนลองสำแดงออกมาอีกครั้งซิ!” นักพรตชราต้านการโจมตีอสนีได้ ชั่วพริบตาที่ร่างกายกลับมามั่นคงอีกครั้ง ก็จ้องเขม็งไปยังหานลี่ด้วยความเคร่งขรึม
หานลี่ขมวดคิ้ว ดูแล้วการโจมตีด้วยอสนีเมื่อครู่คงถูกอสูรประหลาดใต้ฝ่าเท้าของเขารับเอาไว้ มิเช่นนั้นจากพลังอสนีที่มีผลต่อเผ่าเงา ต้านทานการโจมตีของอสนีหลีกหนีจำนวนมากขนาดนี้ ก็ไม่มีทางไม่เป็นอันตรายใดๆ ได้
ส่วนการโจมตีด้วยการทิ่มแทงจิตสัมผัสอีกครั้ง เขานั้นไม่มีทางโง่เขลาทำลงไปแน่ การโจมตีชนิดนี้มีผลแค่ตอนที่โจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น มิเช่นนั้นจากจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง ก็คงไม่อาจมีผลอะไรได้
หานลี่เองก็ไม่ได้พูดพร่ำทำเพลง ยกมือหนึ่งขึ้น เผยฝ่ามือสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกออกมา กดไปกลางอากาศทางนักพรต
ชั่วขณะนั้นเหนือศีรษะของนักพรตชราพลันมีคลื่นพายุปรากฏขึ้น ภูเขาน้อยๆ สีดำปรากฏขึ้น
ภูเขาลูกนี้แค่หมุนติ้วๆ ชั่วพริบตาก็ขยายใหญ่ขึ้นร้อยจั้ง ยอดเขาและตีนเขาเปล่งลำแสงสีเทาออกมา วงแหวนสีเทาเป็นชั้นๆ พุ่งลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว
นักพรตมีสีหน้าโหดเ**้ยม โบกสะบัดแขนเสื้อไปกลางอากาศ เผยมีดความยาวครึ่งฉื่อที่โปร่งแสงออกมา
มีดเล่มนี้แค่โบกสะบัดไปกลางอากาศ มีดลำแสงแวววาวสายหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับออกมา
เสียง “สวบ” ดังขึ้น ไม่รู้ว่ามีดเล่มเล็กคือสิ่งใด เมื่อมีดลำแสงและวงแหวนสีเทาสัมผัสกัน ลำแสงสีเทาก็ถูกโจมตีจนกระจายออก สับลงมาที่ตีนเขายักษ์อย่างแรง
เสียง “เคร๊ง” ราวกับเสียงระฆังดังสนั่นขึ้น
ยอดเขาไม่ขยับเขยื้อน มีดลำแสงกลับเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไป
นักพรตหน้าเปลี่ยนสี ยังไม่ทันได้ทำอย่างอื่น หานลี่ก็ใช้มือที่ขาวบริสุทธิ์ดุจหยกยื่นออกไปเช่นกัน กางนิ้วทั้งห้าออก ปรากฏหัวกะโหลกห้าหัวออกมา
ชั่วขณะนั้นรอบด้านของนักพรตชราก็มีหัวกะโหลกยักษ์ห้าหัวปรากฏขึ้น อ้าปากออกพร้อมกัน พ่นเปลวเพลิงเย็นเยียบห้ากลุ่ม ชั่วครู่ก็รวมตัวกันกลายเป็นเปลวเพลิงห้าสี ห่อหุ้มร่างของนักพรตชราไปในชั่วพริบตา
เดิมทีนักพรตชรายังคงฉีกยิ้มเย็นชา แต่ในเวลาเดียวกันที่เปลวเพลิงลำแสงห้าสีมาประชิดตัว ก็หน้าเปลี่ยนสี ข้างหายมีลำแสงสีแดงระเบิดออกไปหมื่นจั้ง กระบี่ลำแสงสีแดงสดจำนวนนับไม่ถ้วนสับออกมาจากรอบด้าน ชั่วพริบตาก็กลายเป็นดอกบัวยักษ์สีแดงดอกหนึ่ง
ฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น
ดอกบัวหมุนติ้วๆ เปลวเพลิงห้าสีทยอยกันถูกม้วนเข้าไป ไม่อาจออกห่างได้เลยสักนิด
หานลี่เห็นเช่นนั้น พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม สองมือพลันร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นหัวกะโหลกทั้งห้าก็เปล่งเสียงร้องคำรามออกมา ฉับพลันนั้นร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า กระโจนเข้าไปหาดอกบัวสีแดง
เสียงกรีดร้องแหลมสูงดัง “วี๊ดๆ” ดังขึ้น หัวกะโหลกห้าหัวกระโจนไปที่ด้านข้างดอกบัวสีแดง มีดลำแสงที่เปล่งประกายห้าสายพุ่งออกมาจากกลางดอกบัว หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็สับหัวกะโหลกทั้งห้าออกเป็นสองส่วนด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า
ทุกแห่งที่ลำแสงสีแดงกวาดผ่านไป เปลวเพลิงห้าสีก็จะแตกสลายออก เงาร่างของนักพรตชราปรากฏขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าราบเรียบ
เสียงร้องคร่ำครวญดังขึ้น หัวกะโหลกทั้งห้าผนึกตัวรวมกันอีกครั้ง
แต่ปากก็ยังคงเปล่งเสียงร้องครวญออกมาไม่หยุด ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวนักพรตชราเป็นอย่างมาก
หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง มือหนึ่งชี้ไปที่ภูเขายักษ์ที่อยู่ไกลออกไปอีกครั้ง
ภูเขายักษ์สั่นเทาแล้วลดระดับลงมา
เมื่อถูกสิ่งของมหึมาทับลงมาเช่นนี้ นักพรตชรากลับหน้าไม่เปลี่ยนสี แค่ใช้ปลายเท้าแตะที่อสูรยักษ์ใต้ร่าง
หัวอสรพิษทั้งสองของอสูรยักษ์อ้าปากออกพร้อมกัน พ่นเงาสีแดงหนาๆ สองสายออกมา โจมตีไปยังฐานของภูเขายักษ์อย่างรุนแรง
เสียงปริแตกดังสนั่นขึ้น ภูเขายักษ์พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะถูกเงาสีแดงโจมตีจนกระเด็นลอยออกไป
เมื่อเห็นฉากนี้ รูม่านตาของหานลี่พลันหดเล็กลง ในที่สุดสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้
สิ่งที่เรียกว่าเงาสีแดงคือแกนอสรพิษที่พ่นออกมาจากปากของอสรพิษทั้งสอง คาดไม่ถึงว่าจะพลังมหาศาลเช่นนี้ โจมตีลำแสงเทวะดูดปราณที่กลายเป็นยอดเขาจนกระเด็นไป
หานลี่ตะปบมือทั้งสองลงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ภูเขาน้อยสีดำและหัวกะโหลกทั้งห้าพลิ้วไหว แล้วหายวับไป
ฝ่ามือทั้งสองแยกสีดำขาวอย่างชัดเจน ชั่วพริบตาผิวก็ฟื้นฟูกลับมาปกติ ไม่มีความผิดปกติใดๆ
“หึๆ เด็กน้อยเอ๋ย เจ้ามีสมบัติไม่น้อยจริงๆ แต่จากลมปราณเพียงเล็กน้อยของเจ้าต่อกรกับข้า ก็เป็นเรื่องที่โง่เขลา ดูแล้วเจ้าก็ไม่ได้มีอะไรนัก เรียกร่างของเจ้าออกมาเถิด” นักพรตชราดูเหมือนว่าจะทนไม่ไหว ไม่สนใจการกระทำอื่นของเขา แต่หัวอสรพิษทั้งสองของอสูรยักษ์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าพลันเปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมา
คลื่นไร้รูปร่างแผ่ออกไปทั้งสี่ทิศ ชั่วพริบตาก็แผ่ออกไปเป็นระยะสองสามลี้
ลำแสงวิญญาณหลากสีสันเชื่อมต่อกันในบริเวณรอบ จากนั้นอสูรประหลาดขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศราวกับฟองสบู่ ตัวใหญ่ก็มีขนาดเท่าภูเขาย่อมๆ ตัวเล็กหน่อยก็มีขนาดสองสามจั้ง หน้าตาโหดเ**้ยม กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวล ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มร่างกายของหานลี่เอาไว้ และจ้องเขม็งมาด้วยแววตาอาฆาต