อสูรเซิ่น

 

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นชายหนุ่มคิ้วขาวของเผ่าปีศาจผู้นั้น

 

 

เขาในครานี้รอบกายเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ พยายามต้านทานการบีบรัดของเส้นไหมสีแดง แต่ไม่รู้ว่าเส้นไหมสีแดงเหล่านี้ทำมาจากสิ่งใด มันเอาแต่กะพริบลำแสงสีดำวิบวับไม่หยุด แต่ไม่อาจหนีออกได้เลยสักนิด

 

 

นักพรตชราเห็นเช่นนั้น ใบหน้าพลันเผยสีหน้าเ**้ยมโหดออกมาขณะเดินไปยังชายหนุ่มคิ้วขาว

 

 

ในตอนนั้นเองพลันมีเสียงกรีดร้องแหลมๆ สองสามสายดังมาจากในเมือง ลำแสงหลีกหนีหลากสีสันสองสามสายพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วพุ่งมาทางนี้

 

 

เมื่อเห็นฉากนี้ชายหนุ่มคิ้วขาวมีหรือจะไม่รู้ว่าคนของเผ่าเงามาถึงแล้ว ใบหน้าตกตะลึงระคนหวาดผวาฉายแวบผ่านไป ปากก็เปล่งเสียงร้องคำรามดังสนั่นออกมา ลำแสงสีดำบนร่างหมุนวนโคจรอย่างสุดแรง ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น ในเวลาเดียวกันปีกเหล็กสีดำสนิทคู่หนึ่งพลันปรากฏขึ้นที่แผ่นหลัง สองมือพลิ้วไหวกลายเป็นกรงเล็บเหล็กเปล่งแสงสีดำมะเมื่อม

 

 

เขาเห็นท่าไม่ดีแล้วจึงกลายร่างเป็นครึ่งปีศาจในทันที ท่าทางพร้อมสู้สุดชีวิต

 

 

สำหรับเผ่าปีศาจแล้ว สิ่งที่พึ่งพาได้มากที่สุดก็คือร่างกายที่แข็งแกร่งของตนเอง ในเมื่อเผ่าอินทรีทมิฬเป็นหนึ่งในเจ็ดเผ่าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าจึงไม่ปล่อยไปตามสบาย สะบัดกรงเล็บที่แหลมคม ฉับพลันนั้นลำแสงสีดำความยาวสองสามฉื่อพลันพุ่งออกมาจากปลายเล็บ ตะปบออกทั้งซ้ายและขวา เคล็ดวิชาที่ลำแสงสีดำกรีดผ่านไป เส้นไหมสีแดงรอบกายพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

 

 

คาดไม่ถึงว่าลำแสงสีดำเหล่านี้จะแหลมคมเป็นอย่างมาก

 

 

ชายหนุ่มคิ้วขาวเห็นเช่นนั้น แน่นอนว่าจึงรู้สึกดีอกดีใจอย่างบ้าคลั่ง

 

 

เขาเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า ขอแค่สับเส้นไหมสีแดงรอบกายทั้งหมดออกได้ ก็สามารถสำแดงเคล็ดวิชาจำเพาะของเผ่าอินทรีทมิฬหนีไปได้

 

 

แต่ไม่รอให้กรงเล็บคู่นั้นของเขาโบกสะบัดต่อ ฉากต่อมากลับทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสี จนซีดเผือด

 

 

เส้นไหมสีแดงที่ถูกสับออกเหล่านั้นทยอยกันเชื่อมต่อกัน แล้วกลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้ง

 

 

นักพรตชราเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา ร่างกายเลือนราง ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าชายหนุ่มคิ้วขาว

 

 

จากนั้นเขาพลันใช้มือหนึ่งลูบไปที่ท้ายทอย เงาสีแดงสดสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

 

 

“เงาชาด เจ้าคือคนของเผ่าเงาจริงๆ ด้วย!” เมื่อเห็นเงาชาด ชายหนุ่มคิ้วขาวพลันรู้สึกสิ้นหวัง

 

 

เงาชาดคือเผ่าเงาที่เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาในเผ่ามนุษย์ ปีศาจผู้บำเพ็ญเพียรแปลงกายตัวเล็กๆ ตนหนึ่งจะต้านทานได้อย่างไร

 

 

“เจ้ารู้แล้วก็ดี กายเนื้อของเจ้าไม่เลว ข้าจะขอรับไว้ วางใจ สหายร่วมทางของเจ้าไม่มีทางหนีไปได้แม้แต่คนเดียวแน่ หลังจากนั้นไม่นานก็จะตามเจ้าลงนรกไป” แววตาของนักพรตชราเปล่งแสงสีแดง เปล่งเสียงเล็กๆ บาดหูออกมา ทันใดนั้นเหนือศีรษะก็มีเงาสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบ กระโจนเข้าหาชายหนุ่มอย่างโหดเ**้ยม

 

 

ในเวลาเดียวกันเส้นไหมสีแดงที่รัดชายหนุ่มคิ้วขาวอยู่ก็ทะลุผ่านเกราะป้องกันลำแสงสีดำของชายหนุ่ม แล้วรัดชายหนุ่มเอาไว้อย่างแน่นหนา

 

 

ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะมีพลังที่ไร้ขีดจำกัด ครานี้ก็ไม่อาจขยับตัวได้ จึงทำได้เพียงมองเงาชาดกระโจนเข้ามาตาถลน

 

 

“เพ้อเจ้อ!”

 

 

จิตใจของชายหนุ่มคิ้วขาวหนักอึ้งไปจนตาตุ่ม หลังจากรู้ว่าไม่มีทางหลบหลีกได้ ชั่วขณะนั้นความบ้าคลั่งก็ทะลักออกมา ฉับพลันนั้นพลันกัดฟัน กัดลิ้นออกไปครึ่งหนึ่ง แล้วอ้าปากออกพ่นไข่มุกสีดำขนาดเท่าหัวแม่มือที่ย้อมไปด้วยโลหิตสีดำออกมา

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกันที่ไข่มุกเม็ดนี้ออกห่างจากร่าง ดวงตาของชายหนุ่มก็ไร้แสง ผิวรอบกายซูบผอมหดเล็กลง ชั่วพริบตาก็กลายเป็นชายชราผมขาวเต็มหัว

 

 

ไข่มุกเม็ดนี้คือแก่นอสูรที่ชายหนุ่มคิ้วขาวฝึกฝนอย่างหนักมาหลายปี

 

 

ไข่มุกกลมๆ แผ่กลิ่นอายบ้าคลั่งออกมาขณะอยู่ท่ามกลางโลหิตสีดำ หลังจากหดตัวเล็กลงและขยายตัวออกแล้วก็ระเบิดออก

 

 

นักพรตชรามีสีหน้าตะลึงงัน ไม่เพียงเอาชาดเหนือศีรษะจะดีดตัวกลับไปราวกับพบงูพิษ ขยับขาทั้งสองร่างกายพลิ้วไหวพุ่งกลับไป

 

 

เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น ลำแสงสีดำขนาดเท่ากำปั้นกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็ขยายอาณาเขตจนกว้างถึงสิบจั้งเศษ แล้วยังแผ่ออกไปทั้งสี่ด้านอย่างสุดชีวิต ทันใดนั้นวายุโหมกระหน่ำก็ซัดเข้ามา ฝุ่นทรายสีเหลืองที่รวมตัวกันจนเป็นหมอกทรายพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้ากลายเป็นมังกรวายุสีเหลืองสองสามตัว

 

 

เงาลวงตาพลิ้วไหว ร่างของนักพรตชราหยุดอยู่ห่างออกไปสิบจั้งเศษ สองตาหรี่ลงเล็กน้อย

 

 

ลำแสงสีกำไล่ตามมาติดๆ ราวกับชนักติดหลัง

 

 

นักพรตชรามีสีหน้าเคร่งขรึม ปากก็เปล่งเสียงร้องประหลาดๆ ที่ยากจะเข้าใจออกมา

 

 

เสียง “ฟิ้ว” ดังแหวกอากาศมา เงาสีแดงขนาดใหญ่สายหนึ่งดีดออกมาจากในบริเวณนั้นโดยไม่มีเค้าลางมาก่อน ชั่วครู่ก็พุ่งเข้าไปในหมอกลำแสงสีดำ จากนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหดเล็กลง

 

 

ฉากที่น่าตกตะลึงปรากฏขึ้น!

 

 

มังกรวายุสีเหลืองสลายหายไป ลำแสงสีดำแล้วชายหนุ่มคิ้วขาวหายไปจากที่เดิมอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อน

 

 

นักพรตชราถึงได้พ่นลมหายใจออกมา แต่ทันใดนั้นก็เผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวออกมา

 

 

ชายหนุ่มคิ้วขาวที่อยู่ภายใต้เขตอาคม คาดไม่ถึงว่าจะยังสามารถระเบิดแก่นอสูรออกมาได้ ช่างเหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ

 

 

แต่ในตอนนั้นหลังจากที่ลำแสงหลีกหนีหมุนวนรอบหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ เผยร่างของผู้บำเพ็ญเพียรชายหญิงแปดคนออกมา

 

 

“เกินความคาดหมาย พวกเขาไม่ติดกับ ดูแล้วคงยุ่งยากหน่อย ทว่ากลิ่นเงาของข้าที่แผ่ออกไป น่าจะย้อมไปบนร่างของพวกเขา เพียงพอจะอยู่ได้หนึ่งชั่วยาม ข้าจะพาอสูรเซิ่นไปสังหารเจ้าผู้ที่ทำลายเรื่องดีๆ ของข้าด้วยตนเอง พวกเจ้าออกเดินทาง สังหารที่เหลืออีกสามคนทิ้งซะ” นักพรตออกคำสั่งอย่างจริงจัง

 

 

“ขอรับ ท่านอาวุโส!” ผู้บำเพ็ญเพียรแปดคนที่อยู่กลางอากาศค้อมตัวลง ทันใดนั้นก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนีสามคลื่น พุ่งแหวกอากาศออกไปสามทาง

 

 

ส่วนนักพรตชรานั้นก็ไม่ได้รีบร้อนบินออกไปในทันที แต่อ้าปากออก เปล่งเสียงคำรามประหลาดๆ ออกมาไม่หยุด สั่นสะเทือนบรรยากาศบริเวณรอบจนทะลุขึ้นไปในชั้นเมฆ

 

 

ทันใดนั้นมือหนึ่งของเขาก็กวักไปทางประตูเมืองอีกครั้ง

 

 

ชั่วขณะนั้นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างปราณที่รักษาการณ์ที่ประตูเมืองเหล่านั้นพลันบินออกมาเป็นเงาสีเทาสิบกว่าสาย ล้วนเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่าง ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นก็ล้มลงกับพื้น

 

 

จากนั้นฉากที่น่าเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้น

 

 

ลูกเด็กเล็กแดงและคนธรรมดาที่เล่นหยอกล้อกันที่บึงน้ำพลันสลายหายไปราวกับฟองน้ำท่ามกลางเสียงคำราม จากนั้นเมืองทั้งเมืองก็สั่นคลอนราวกับเงาสะท้อนในน้ำ ไอสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นไป ไม่ว่าพื้นดินหรือว่ากำแพงเมือง ชั่วพริบตาก็ถูกห่อหุ้มด้วยไอสีดำ

 

 

เสียงกบร้องบาดหูดังออกมาจากไอสีดำ

 

 

นักพรตชราหยุดส่งเสียงคำรามประหลาดๆ สะบัดชุดคลุมยาวไปทางไอสีดำด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

 

 

พายุลูกใหญ่ปรากฏขึ้น ชั่วพริบตาก็ม้วนไอสีดำเข้าไปกลางอากาศ

 

 

เบื้องหน้ามีอสูรประหลาดสองเขาลำตัวยาวสิบจั้งเศษปรากฏขึ้น หัวอสรพิษสีทองเงินสองหัว ตัวกบสีเขียวมรกต ลูกตาสีแดงโลหิตสี่ดวงกลอกไปมา ให้ความรู้สึกที่น่าขนพองสยองเกล้า

 

 

เสียง “ฟู่” ดังขึ้น หัวอสรพิษสีทองอ้าปากออก พ่นโครงกระดูกโครงหนึ่งออกมาจากด้านใน

 

 

ชายหนุ่มคิ้วขาวที่เพิ่งระเบิดแก่นอสูรออกมาเมื่อครู่ คาดไม่ถึงว่าจะถูกอสูรตนนี้กลืนลงไป

 

 

เมืองเล็กๆ และผู้บำเพ็ญเพียร คนธรรมดาในเมืองล้วนเป็นภาพลวงตาที่อสูรประหลาดสร้างขึ้น

 

 

นักพรตชราร่างกายพลิ้วไหว ชั่วพริบตาก็สลายหายไป แต่ครู่ต่อมา ก็ปรากฏขึ้นบนหัวอสรพิษหัวหนึ่ง

 

 

“ไป” นักพรตชราออกคำสั่งด้วยความเย็นชา

 

 

อสูรยักษ์สองหัวเปล่งเสียงร้องของกบออกมาพร้อมกัน สองเท้ากระโจนขึ้นไปกลางอากาศ กลายเป็นไอสีดำกลุ่มหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งแหวกอากาศไป

 

 

ทิศทางที่เขาไล่ตามไปนั่นก็คือจุดที่หานลี่หนีไป

 

 

……

 

 

สายรุ้งสีแดงสายหนึ่งพุ่งออกไปกลางอากาศ ท่ามกลางลำแสงสีแดง สตรีผู้งดงามคนหนึ่งกำลังขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึมดุจสายธาร

 

 

ฉับพลันนั้นสตรีพลันหน้าเปลี่ยนสี สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นในมือพลันมีแผ่นหยกสีเขียวปรากฏขึ้น บนแผ่นหยักสลักไข่มุกกลมๆ สีขาวนวลเอาไว้ แต่ตอนนี้กลับแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ท่าทางเหมือนถูกทำลาย

 

 

สตรีสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่ง นิ้วเรียวยาวนิ้วหนึ่งดีดไปบนไข่มุก ชั่วขณะนั้นหลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น ไข่มุกเม็ดนี้ก็กลายเป็นผงสีขาวกลุ่มหนึ่ง แล้วหายวับไป

 

 

ทันใดนั้นนางพลันเก็บแผ่นหยก แผ่ลำแสงสีแดงออกมาทั่วเรือนร่าง ความเร็วเพิ่มขึ้นสามส่วน

 

 

แต่หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม นางก็หน้าเปลี่ยนสี ฉับพลันนั้นพลันหันหน้าไปทางด้านหลัง

 

 

เห็นเพียงตรงขอบฟ้าด้านหลังมีลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ เผยให้เห็นลำแสงหลีกหนีที่พุ่งไล่ตามกันมาติดๆ

 

 

ทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งความเร็วของมันมากกว่าสตรีผู้นี้กว่าครึ่ง

 

 

ฮูหยินมีสีหน้าเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส ด้านหลังยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แววตาเปล่งประกายเย็นชา คาดไม่ถึงว่าจะหยุดลำแสงหลีกหนีลง แล้วลอยตัวอยู่กลางอากาศที่เดิม

 

 

เช่นนั้นหลังจากที่ลำแสงหลีกหนีสองสามด้านหลังเปล่งแสงสว่างวาบสองสามครั้ง ก็มาปรากฏตัวอยู่ห่างจากสตรีไปยี่สิบสามสิบจั้ง ลำแสงเปล่งประกาย กลับเผยร่างของบุรุษและสตรีออกมา

 

 

ทั้งสองคนอายุไม่มากนัก บุรุษรูปร่างหล่อเหลาสูงสง่า หญิงสาวมีหน้าตางดงามดุจบุปผา และยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าก็ละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่ทั้งสองต่างมีสีหน้าแข็งทื่อ

 

 

ในเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคือหุ่นเชิดที่ถูกเผ่าเงาสิงร่าง สตรีก็ไม่สนใจหน้าตาของทั้งสองเลยสักนิด แค่กวาดมองไปแวบหนึ่งด้วยความเย็นชา สองมือพลันร่ายอาคมอย่างไม่ลังเล ฉับพลันนั้นเปลวเพลิงสีดำสองกลุ่มพลันพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากเปลี่ยนรูปร่างเล็กน้อย กลายเป็นวิหคเพลิงสองตัว พุ่งกระโจนไปหาทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้าม

 

 

บุรุษและสตรีที่อยู่ตรงข้ามเห็นเช่นกัน ก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาขึ้นจมูกออกมา ไหล่ทั้งสองสั่นไหว ชั่วขณะนั้นตรงแผ่นหลังพลันมีลำแสงสีเทาสองสามสายพุ่งออกมา กระโจนเข้าไปหาเปลวเพลิงสีดำอย่างไม่ยอมแสดงท่าทีอ่อนแอ

 

 

เสียงอึกทึกดังขึ้น ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเทาและเปลวเพลิงสีดำพลันตัดสลับกัน

 

 

สตรีเลิกคิ้วดำขลับ ร่างกายพุ่งไปลงบนพื้นดิน ชั่วขณะนั้นพลันแผ่ลำแสงสีดำออกมาจากร่างกาย มันเจิดจ้าจนแสบตา ทำให้ไม่อาจสบสายตาได้

 

 

จากนั้นเสียงวิหคร้องพลันดังขึ้น วิหคเพลิงขนาดยักษ์พุ่งออกมาจากลำแสงสีดำ หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ปีกทั้งสองก็สยายออกกระโจนไปหาทั้งสองที่อยู่ตรงข้าม

 

 

วิหคนี้มีลำตัวสีดำเป็นมันวาว บนหัวมีรัดเกล้าสีน้ำตาล ดวงตาทั้งสองเป็นสีเขียวมรกต เผยร่างหงส์สีดำความยาวสามสี่จั้งออกมา

 

 

บุรุษและสตรีที่อยู่ตรงข้ามเห็นเช่นนั้นพลันมีสีหน้าตกตะลึง แต่หลังจากมองสบตากันแวบหนึ่งแล้ว พลันลูบไปที่เหนือศีรษะ ชั่วขณะนั้นเงาสีเขียวสองสายก็พุ่งออกมา กระโจนเข้าหาหงส์สีดำ

 

 

ครานี้ไอวิญญาณเปล่งแสงเจิดจ้า เสียงร้องดังระงมไม่หยุด

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกัน อีกแห่งหนึ่ง หล่งตงถูกผู้บำเพ็ญเพียรสองคนไล่ตามมาเช่นกัน

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่สลัดกายเนื้อไปแล้ว จึงเผยเงาร่างสีเขียวสองสายออกมา เขากลับเผยสีหน้ายิ้มเยาะออกมา ลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบ เกราะสัมฤทธิ์สีเหลืองที่เคยใช้มาแล้วครั้งหนึ่งปรากฏขึ้น ทันใดนั้นแผ่นหลังก็มีปีกสัมฤทธิ์ขนาดสองสามจั้งสว่างวาบ สองมือถูเข้าด้วยกัน กระบี่ยาวประหลาดสีแดงสดดุจโลหิตปรากฏขึ้นในมือของเขา

 

 

กระบี่ยาวสามฉื่อ ตัวเป็นมังกรร่างเป็นหงส์ เรือนกายมีลำแสงโลหิตไหลเวียน คาดไม่ถึงว่าจะเหมือนกับก่อตัวขึ้นมาจากโลหิตสดๆ

 

 

ครานี้ไฝโลหิตตรงมุมปากของหล่งตงนั้นแดงสด สีหน้าเคร่งขรึม กระบี่ยาวโบกสะบัดไปทางเงาสีเขียวสองสายที่กระโจนเข้ามาเบาๆ

 

 

เงียบเชียบไร้สุ้มเสียง!

 

 

แต่เงาสีเขียวที่อยู่ตรงข้ามกลับเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา ผิวมีเส้นไหมสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ เงาสีเขียวสองสายแตกออกในชั่วพริบตา

 

 

ชายหนุ่มไฝโลหิตโบกสะบัดกระบี่ยาวในมืออีกครั้ง

 

 

เส้นไหมสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบอีกครั้ง เจ้าพวกที่แตกออกท่ามกลางเส้นไหมลำแสงสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย