เซิ่งอี่เจ๋อรู้สึกเหมือนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ “ไม่มีอะไรดีๆ จะพูดแล้วเหรอ อย่างเช่นการขอบคุณคนที่เพิ่งช่วยชีวิตเธอ…” 

 

 

อันซย่าซย่าเหมือนถูกความเศร้าประดังเข้าใส่ “แถวนี้ไม่มีใครเลย แล้วโทรศัพท์ฉันก็ไม่มีสัญญาณด้วย! เราไม่มีของกิน! พวกเราจะอดตาย หรือไม่ก็ถูกสัตว์ลากไปกินกลางดึก! พอที ฉันจะอัดคลิปสั่งเสียทิ้งไว้ให้พ่อกับพี่ชาย ฮือ…” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อมองดูด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกขณะที่อันซย่าซย่ากดเปิดแอปพลิเคชันอัดคลิปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “พ่อ พี่ หนูรักทั้งสองคน แต่หนูกำลังจะตายได้ทุกเมื่อ ฮือ… หนูเก็บเงินอั่งเปาทั้งหมดไว้ในบัตรเอทีเอ็ม รหัสผ่านคือวันเกิดพ่อนะคะ นั่นเป็นเงินเก็บทั้งหมดของหนู… เอาเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย… หนูซ่อนขนมกินเล่นสองห่อเอาไว้ในลิ้นชักลึกๆ หน่อย อย่าลืมหยิบออกมาให้ด้วยนะคะไม่งั้นเดี๋ยวมันจะหมดอายุ… รายละเอียดบัญชีในเกมออนไลน์ของหนูอยู่ในเครื่องโน้ตบุ๊ก เอาไปขายได้ราคาแพงอยู่นะคะ!”  

 

 

ขณะที่เธอสะอึกสะอื้นและพูดพร่ำไปเรื่อยเปื่อยนั้น เซิ่งอี่เจ๋อก็รู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่อยากจะจับเธอโยนกลับลงไปในลำธารเหมือนเดิม! เธอไปเอาความคิดที่น่าหัวเราะทั้งหมดพวกนี้มาจากไหนกันนะ! 

 

 

“และที่สำคัญที่สุดอย่าลืมเผาโปสเตอร์ของโอปป้าหรงเช่อกับอัลบั้มมาให้หนูด้วยนะ! ทางเดินไปสู่โลกหน้าจะได้ไม่น่ากลัวจนเกินไปนักถ้ามีเขาอยู่ข้างๆ …” 

 

 

เพียงแค่ได้ยินดังนั้น เซิ่งอี่เจ๋อก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เขาคว้าโทรศัพท์มาจากมือเธอแล้วแผดเสียงใส่ “ฝันไปเถอะ! เธออาจพร้อมที่จะตายแต่อย่ามาลากฉันไปด้วย!” 

 

 

“หา” อันซย่าซย่ากำลังร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ มิหนำซ้ำยังสะอึกสะอื้นเข้าให้อีกด้วย ซึ่งทำให้ความโมโหของเซิ่งอี่เจ๋อเหือดหายไปในทันที 

 

 

ชายหนุ่มถอนหายใจ… กลวิธีธรรมดาๆ คงใช้กับเธอไม่ได้สินะ! ใครก็ได้ช่วยบอกเขาทีว่าจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้ดี 

 

 

เขาชี้ไปจุดที่ห่างไกลออกไปด้วยนิ้วเรียวยาว “เธอตาบอดหรือไง มีควันกำลังลอยมาจากทางนั้นซึ่งหมายความว่า เราจะเจอคนที่นั่น เราก็แค่ไปที่นั่นแล้วขอความช่วยเหลือ!” 

 

 

อันซย่าซย่ามองตามอย่างสับสนไปยังทิศทางนั้นแล้วก็เห็นกลุ่มควันที่เซิ่งอี่เจ๋อกำลังพูดถึง 

 

 

เธอสะอื้นอีกครั้งก่อนพูดด้วยน้ำเสียงราวกับคนที่เพิ่งสำนึกผิด “ก็แล้วทำไมนายไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อร้องฮึ “ฉันละอยากรู้จริงๆ ว่าเธอซื่อบื้อได้ถึงขั้นไหน!” 

 

 

เขาเดินจากไปด้วยช่วงขายาวๆ ของเขาส่วนอันซย่าซย่าก็วิ่งเหยาะๆ ตามหลังเขาไป 

 

 

หลังจากไม่นาน อยู่ๆ เซิ่งอี่เจ๋อก็ยื่นเสื้อแจ็กเกตของเขาให้ซึ่งเธอก็รับมา แล้วก็บ่นงึมงำ “มันเปียกนี่ ให้ฉันมาทำไม” อย่างน้อยเขาก็น่าจะพยายามทำตัวโรแมนติกได้มากกว่านี้ ถ้าหากรู้จักเลียนแบบละครบ้างน่ะ! 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง “ถึงแม้ที่นี่จะมีเราแค่สองคน ฉันก็ไม่อยากจะฉวยโอกาสจากเธอหรอกนะ อันซย่าซย่า เพราะว่า…เธอไม่มีอะไรให้มองเลยจริงๆ” 

 

 

อันซย่าซย่ากอดเสื้อนอกเขาไว้ในอ้อมแขน แล้วจากนั้นพักใหญ่ก็เพิ่งคิดได้จึงก้มลมสำรวจตัวเอง 

 

 

ชุดเปียกๆ ของเธอแนบสนิทไปกับตัว… ซึ่งไม่ได้ปิดบังอะไรเลย 

 

 

อันซย่าซย่าคำรามก้องอยู่ภายในป่า “เซิ่งอี่เจ๋อ! คนเลว!” 

 

 

“ก็อย่างที่ฉันพูด ไม่มีอะไรให้มองเลยจริงๆ เธอคาดหวังว่าเห็นแล้วฉันจะตาลุกงั้นเหรอ” เขาพูดตอบอย่างไม่แยแสด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน 

 

 

หญิงสาวหน้ามุ่ยพลางเอาเสื้อแจ็คเก็ตของเขาคลุมไหล่ ปากก็พูดพึมพำ “นายก็ไม่มีอะไรให้ดูเหมือนกันแหละ!” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อหันกลับมาสีหน้าถมึงทึง “อันซย่าซย่า จะสั่งเสียอะไรไหม” 

 

 

เธอตกใจกลัวจนตัวแข็ง “นะ-นายจะทำอะไร…” 

 

 

“มีแค่เธอกับฉันลำพังสองคนในที่ห่างไกลอย่างนี้ เธอคิดว่าไงล่ะ” เซิ่งอี่เจ๋อจงใจแกล้งให้เธอกลัว 

 

 

เมื่อจวนตัว อันซย่าซย่าก็สวนหมัดออกไป 

 

 

ด้วยแรงกระแทก ร่างสูงๆ ของเซิ่งอี่เจ๋อทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ 

 

 

อันซย่าซย่ายืนงงอยู่ชั่วอึดใจ จากนั้นจึงร้องโหยหวนออกมา!