บทที่ 1289- ธงสวรรค์ปัญจธาตุ ธงตัวส่งและตัวรับงั้นหรือ? สมบัติ

 

ชิงสุ่ยยังคงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวผู้นี้ เขาได้เห็นถึงพลังของสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ ที่สำคัญที่สุดคือเกราะอสูรสำแดงบนร่างกายของเขานั่นก็คือหมีทะลายโลกา ถ้าเขาสามารถสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ หมีทะลายโลกาที่เขาเรียกออกมาย่อมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ในตอนนี้มันรู้สึกราวกับว่ามีน้ำเย็นๆlาดลงมาที่ศีรษะของเขา อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่ยอมแพ้ เขายังต้องการหาว่ามีวิธีใดที่จะช่วยเขาในเรื่องนี้ได้หรือไม่

 

“ 2 คุณสมบัติหลักที่เจ้าต้องมีในการฝึกฝนสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้นั่นก็คือ อย่างแรกเจ้าจะต้องมี สายเลือดแห่งสัตว์อสูร อย่างที่ 2 พลังของเจ้าจะต้องไม่ต่ำกว่า 7000 สุริยา”  เมื่อหญิงสาวผู้นี้เริ่มการขึ้น นางก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าชิงสุ่ย

 

กลิ่นหอมจางๆได้ไหลเข้าสู่จมูกของชิงสุ่ย นี่ไม่ใช่กลิ่นของเครื่องหอมใดๆ ในทางตรงกันข้ามมันเป็นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่มาจากร่างกายของหญิงสาวผู้นี้

 

เขาเหม่อลอยออกไปอย่างไม่รู้ตัว เขารู้สึกหลงใหลในกลิ่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามหญิงสาวก็ยังคงสังเกตเห็นมันได้ นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมา “เจ้าได้ยินสิ่งที่ข้าพูดหรือไม่? หรือเจ้าเพียงแต่พยายามดมกลิ่นของข้าเท่านั้น?”

 

ชิงสุ่ยลูบจมูกของเขาอย่างเก้ๆกังๆและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินที่ท่านกล่าว จะเกิดอะไรขึ้นกันหากผู้ที่ไม่มีสายเลือดแห่งสัตว์อสูรฝึกฝนมันไป?”

 

“ย่อมจบลงด้วยความตายจากการที่ร่างกายได้ระเบิดขึ้น” หญิงสาวกล่าวด้วยความสงบนิ่ง

 

ทุกๆสิ่งชัดเจนอย่างยิ่งสำหรับชิงสุ่ย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดหลี่ ซือไถจึงมอบสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เขา เห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนที่จะลอบสังหารด้วยวิธีเช่นนี้ เพราะผู้คนที่ไม่มีสายเลือดแห่งสัตว์อสูรย่อมไม่อาจหลุดพ้นมันได้ และถึงแม้ว่าเขาจะมีสายเลือดนั้นเขาก็ต้องมีพลังอย่างน้อย 7000 สุริยาจึงจะสามารถฝึกฝนมันได้ ผู้คนของทั้งนิกายปฐพีซ่อนเร้นและสายเลือดแห่งสัตว์อสูรต่างมีพลังเท่านี้นั้นหรือ?

 

ชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเท่าไหร่กับคำตอบนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าสายเลือดของเขานั้นจะเหมาะสมที่จะฝึกฝนคิดวิชานี้หรือไม่ เขาไม่รู้หากเขาไม่ได้ลองเสี่ยงดู แต่ผลที่ตามมานั้นมันแรงมากจนเกินไป อย่างไรก็ตามสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์แดนซ์ดึงดูดใจของเขาอย่างยิ่ง มันย่อมน่าเสียดายยิ่งนักค่ะเขาจะยอมแพ้ไปในตอนนี้

 

“ท่านผู้อาวุโส หลี่ ซือไถยังได้กล่าวกับข้าไว้ก่อนหน้านี้ว่าผู้คนของนิกายปฐพีซ่อนเร้นกำลังจะมาที่นี่ ข้าสงสัยว่าท่านก็ได้ยินมันด้วยหรือไม่?” ชิงสุ่ยถามขึ้นหลังจากคิดครู่หนึ่ง

 

“อย่ากังวลไปเลย พวกเขามาที่นี่เพียงเพื่ออยากรู้ความแข็งแกร่งของพวกเราเท่านั้น ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเขาคงจะถอยไปแล้ว หรือหากพวกเขาจะมีแผนการอื่นก็ควรจะต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ” หญิงสาวอธิบายด้วยรอยยิ้ม

 

“โอ้ เช่นนั้นก็ดี”

 

“ชิงสุ่ย เจ้ามีพลังมากเพียงใดกัน? เจ้าทำให้ข้ายอมรับในพลังของเจ้าได้ในตอนนี้” หญิงสาวกระพริบตาอันงดงามของนางขณะที่มองไปยังชิงสุ่ยด้วยความสงสัย

 

ชิงสุ่ยส่ายศีรษะของเขา “ยังคงมีความแตกต่างระหว่างท่านกับข้า ความจริงแล้วมันอาจจะมากยิ่งนัก ข้าเห็นว่าท่านนั้นเป็นคนที่ลึกลับยิ่งนักในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก”

 

“โอ้ เจ้าประเมินพลังของข้าไว้สูงยิ่งนัก” หญิงสาวยังคงมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของนาง

 

“ข้าพูดความจริงนะ!”

 

“เอาหละ พวกเขาน่าจะไปแล้ว เจ้าไม่พอใจที่ข้ามาที่นี่งั้นหรือ?”

 

ในตอนนี้ทั้งถานท่าย หยวนและอวี้ ลู่หยานก็ได้พุ่งทะยานมาจากระยะไกลๆ

 

“ท่านหมายความเช่นไรกัน? ข้ายินดีอย่างยิ่งที่ท่านนั้นมาที่นี่” เมื่อชิงสุ่ยกล่าวจบ พวกเขาทั้ง 2 ก็หันไปหาถานท่าย หยวนและอวี้ ลู่หยาน

 

เมื่อมีหญิงสาวมากมายคฤหาสน์แห่งนี้ช่างดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก พวกเขาก็ต้องระมัดระวังการกระทำของตนเองด้วยเช่นกัน เพราะด้วยเหล่าหญิงสาวที่อยู่ที่นี่ ชิงสุ่ยจะต้องคิดสักนิดก่อนจะพูดกับหญิงสาวพวกนี้

 

ถึงแม้ว่าถานท่าย หยวนและชิงสุ่ยได้สร้างความสัมพันธ์ที่ชัดเจนต่อกันและกันแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นถือว่าแน่นแฟ้นอย่างยิ่ง เหล่าหญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง ในช่วงเวลาสั้นๆนี้พวกนางเห็นได้จริงบรรยากาศโดยรอบของที่แห่งนี้

 

“อ๋า เจ้าเด็กน้อย เร็วเกินไปหรือไม่?” หญิงสาวมองไปยังถานท่าย หยวนและถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของนางนั้นช่างดูขี้เล่นอย่างยิ่งในตอนนี้

 

“ท่านอาจารย์ ท่านพูดอะไรกัน? ข้าไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย” ถานท่าย หยวนกล่าวด้วยความเขินอายเล็กน้อย

 

“ใช่ ข้ายังไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องของเจ้ากับเขาเลย เพียงแต่เห็นว่าเจ้าดูกังวลอย่างยิ่งราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่” หญิงสาวหัวเราะขึ้น

 

มันเป็นไปไม่ได้สำหรับถานท่าย หยวนที่จะตามเล่ห์เหลี่ยมของหญิงสาวผู้นี้ได้ทำ เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำนางก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าถานท่าย หยวนนั้นอยู่ในสถานะใด เพียงแค่มองก็รับรู้ได้ว่าระหว่างนางกับชิงสุ่ยนั้นมีอะไรบางอย่างอยู่

 

หญิงสาวไม่ได้เย้าหยอกถานท่าย หยวนอีกต่อไป แต่นางกลับยิ้มและกล่าวอะไรบางอย่างออกมา นี่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกสบายใจมากขึ้นอีกครั้ง

 

หญิงสาวทั้ง 2 คนก็กลับไปที่ห้องของพวกนาง ก่อนหน้านี้ถานท่าย หยวนได้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกที่เขินอายอย่างยิ่ง อวี้ ลู่หยานก็เดินไปพร้อมกับนาง

 

“ชิงสุ่ย เจ้าวางแผนจะทำอะไรต่อไป?” หญิงสาวถามชิงสุ่ย

 

“ข้ากำลังจะไปเยี่ยมเยียนประมุขอสูร ข้าจะถามนางว่าพอมีหนทางที่ข้าจะกลับไปยังทั้ง 5 มหาทวีปหรือไม่” ในตอนนี้ชิงสุ่ยอยากจะพบหญิงสาวผู้นี้จริงๆ ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับนางที่จะเดินทางไปมาระหว่างมหาทวีปทั้ง 9 นี้

 

“ประมุขอสูร? ดูเหมือนว่านางจะอยู่ที่วังประมุขอสูรในตอนนี้” ในตอนแรกหญิงสาวผู้นี้ดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามนางยังคงรักษาท่าทีที่เงียบสงบของตนเองเอาไว้ได้

 

“ข้าทราบดี เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ ไว้เรามาพูดเรื่องนี้กันใหม่เมื่อข้าได้ไปที่นั่นแล้ว” ชิงสุ่ยส่ายศีรษะของเขา ไม่ว่ายังไงทั้งชางห่าย หมิงเยวี่ยและหมิงเยวี่ย เก้อโหลวก็ไม่อาจมาที่นี่ได้เพราะนางต้องดูแลพวกเด็กๆ แต่ท่านแม่และท่านปู่ของเขาก็สามารถดูแลพวกเด็กๆได้ชั่วคราว เพียงแต่นี้จะเป็นการเพิ่มความลำบากให้แก่พวกท่าน ความจริงแล้วเขาก็คิดถึงพวกท่านเช่นกัน

 

“เจ้าอยากจะพบเจอผู้คนที่อยู่ใน 5 มหาทวีปงั้นหรือ? หรือเจ้าคิดจะพาคนจากที่แห่งนั้นมาที่นี่?” หญิงสาวถามขึ้นขณะที่นางมองมายังคิ้วที่ขมวดกันของชิงสุ่ย

 

“มันย่อมดีที่สุดหากข้าสามารถหาพวกนางมาที่นี่ได้ มันย่อมเป็นเรื่องที่ดีหากข้าสามารถพบเจอพวกนางได้บ่อยๆ” ชิงสุ่ยอธิบายช้าๆ เขารู้สึกเครียดทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้

 

“ข้ามีอะไรบางอย่างที่เจ้าอาจจะสนใจแต่มันเป็นสิ่งที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่ ธงสวรรค์ปัญจธาตุ ข้าหวังว่ามันจะสามารถช่วยเจ้าได้” หญิงสาวนำธงที่มี 5 สีออกมา มันมีขนาดประมาณนิ้วมือ ธงนี้มีสีของธาตุทั้ง 5 ความผันผวนทางจิตวิญญาณต่างๆสามารถรับรู้ได้จากมัน

 

ชิงสุ่ยมองไปยังหญิงสาวและหยิบเอาธงนี้มาโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว เขาตระหนักได้ว่ามันไม่ได้มีอะไรที่พิเศษเลย เขาพยายามจะใส่พลังวิญญาณและพลังศักดิ์สิทธิ์ลงไปแต่ก็ไม่มีประโยชน์ แต่ทันทีที่เขาใส่พลังลมปราณของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลลงไป เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังขึ้น จากนั้นมันก็เงียบลงเช่นเคย

 

ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ตระหนักได้ว่ามันเหมือนกับว่าเขาได้เข้าสู่ดินแดนที่เป็นอิสระ ดินแดนแห่งนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่นักแต่ก็มีพลังแปลกๆอยู่ที่นี่ พื้นที่โดยรอบที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกขาวจังๆ เขาไม่อาจจะก้าวไปข้างหน้าได้แม้ว่าเขาจะพยายามแล้วก็ตาม มีเพียงสิ่งเดียวอยู่ที่นี่นั่นก็คือแผนที่เล็กๆที่แกะสลักขึ้นจากก้อนหินขนาดมหึมา

 

แผนที่?

 

ชิงสุ่ยมองไปที่แผนที่นี้ทันที เมื่อเขาได้เห็นมันเขาก็ต้องตกตะลึงไปในทันทีเพราะนี่คือแผนที่ของโลก 9 มหาทวีป ยิ่งชิงสุ่ยมองไปยังสัดส่วนของขนาดของมหาทวีปเหล่านี้ เขาก็รู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้น ยิ่งเขาได้มองมันมากเท่าไรเขาก็ยิ่งตระหนักได้ว่ามหาทวีปพวกนี้นั้นกว้างใหญ่เพียงใด ที่สำคัญที่สุดคือชิงสุ่ยได้รู้ถึงการเดินทางไปยังทั้ง 5 มหาทวีป

 

หากชิงสุ่ยเดินทางต่อไปทางทิศตะวันออกหลังจากที่ได้ผ่านดินแดนเทือกเขาสันโดษและทะเลทิศทักษิณาจนกระทั่งเขาได้เป็นสิ่งดินแดนมหาสมุทรทิศประจิม เขาจะสามารถไปถึงทั้ง 5 มหาทวีปได้  99% ของการเดินทางครั้งนี้ล้วนเป็นพื้นที่มหาสมุทร เมื่อเขาไปถึงทะเลทิศทักษิณา หากเขามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ก็จะพบกับอีก 3 มหาทวีปที่เหลือ

 

ชิงสุ่ยมองไปยังแผนที่พวกนี้และคำนวณความเร็วของตนเอง เขาพบว่าหากเขาจะเดินทางไปทั้ง 5 มหาทวีปนั้นต้องใช้เวลาที่นานยิ่งนัก มันอาจจะใช้เวลายาวนานหลายปี ชิงสุ่ยนึกถึงประมุขอสูรขึ้นมาอีกครั้งและยังมี เต่าเฒ่าที่อยู่ข้างกายนาง เขารู้สึกว่านางพึ่งพาเต่าเฒ่าเพื่อเดินทางไปมาระหว่างมหาทวีป หากเขาเดาไม่ผิดเต่าเฒ่าจะต้องมีความสามารถโดดเด่นภายในน้ำ

 

หลังจากนั้นชิงสุ่ยตรวจสอบแผนที่ทั้ง 9 มหาทวีปของตัวเขาเองและเริ่มครุ่นคิด นี่น่าจะเป็นพื้นที่ภายในของธงสวรรค์ปัญจธาตุ มันถือว่าเป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง เขารู้สึกว่าสิ่งนี้มีอะไรที่คล้ายคลึงกันกับผู้ควบคุมระยะทาง

 

ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ถอนตัวออกมาจากมัน เขาไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่ว่ายังไงหญิงสาวผู้นี้ก็ยังคงจ้องมองเขาด้วยความสนใจ หลังจากนั้นเขาก็ตรวจสอบธงนี้ด้วยเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ของเขา

 

ธงสวรรค์ปัญจธาตุ!

 

มันไม่มีระดับ สำหรับตอนนี้ยังไม่มีแท่นหินเคลื่อนย้ายที่ได้วางลงบนแผนที่ จำนวนของแท่นหินเคลื่อนย้ายนั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่อมันยกระดับขึ้น ผู้ใช้สามารถเดินทางไปมาระหว่างตำแหน่งที่วางเอาไว้ได้ จำนวนครั้งในการเดินทางนั้นยังมีข้อจำกัดบางอย่าง

 

สถานะ: ยังไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของ

 

วิธีแสดงความเป็นเจ้าของ: สละโลหิตแก่นแท้ของผู้ที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของจนกว่ากระบวนการในการแสดงความเป็นเจ้าของจะเสร็จสิ้น

 

ต้องการโลหิตแก่นแท้ในการยกระดับขึ้น

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ เหตุผลนั่นก็คือตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันคืออะไร นี่คือธงจากการหลบหนีจากประตูวังวงบรรพกาล เมื่อคิดว่าสิ่งนี้จะสามารถทำให้เขาเดินทางไปทุกมหาทวีปได้

 

เขาใช้เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ของตนเองเพื่อศึกษาวิธีการใช้งานของมัน ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะไม่ทราบถึงการใช้งานของมันเช่นกัน

 

“ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้การใช้งานของ มันล้ำค่ามากจนเกินไป ให้ข้าบอกการใช้งานของมันให้แก่ท่าน” ชิงสุ่ยยื่นมันกลับไปให้นางหลังจากที่เขาได้คิดครู่หนึ่ง แม้ว่าเขาจะต้องการใช้งานมันจริงๆ

 

หญิงสาวยิ้มออกมา “การตัดสินใจของข้าไม่มีทางผิดพลาด หยุดเรียกข้าว่าผู้อาวุโสเสียที หากเจ้าไม่คิดอะไรมากจงเรียกข้าว่าท่านปรมจารย์ป้า” หญิงสาวไม่แม้แต่รับธงสวรรค์ปัญจธาตุกลับมา

 

“ท่านปรมจารย์ป้า!” ชิงสุ่ยเรียงนางด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาด

 

“สวัสดีศิษย์หลาน ข้าจะถือว่านี่เป็นของขวัญในการได้พบเจ้า เจ้าพอใจหรือไม่?”

 

“ข้าพอใจยิ่งนัก……” ชิงสุ่ยมีความรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นเหมือนสุนัขจิ้งจอก นางเป็นสุนัขจิ้งจอกที่สง่างามอย่างยิ่ง นางเป็นหญิงสาวที่เติบโตอย่างเต็มที่และมีเสน่ห์เย้ายวนใจยิ่งนัก

 

“แต่นี่มันล้ำค่าเกินไป” ชิงสุ่ยเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง

 

“ข้ายังมีอันนึงที่เหมือนกัน ของเจ้านั้นเป็นตัวส่ง ส่วนของข้านั้นเป็นตัวรับ……”

 

ชิงสุ่ย “…….”

 

หลังจากนั้นหญิงสาวก็นำธงสวรรค์ปัญจธาตุอีกอันหนึ่งออกมา เมื่อเทียบกับของชิงสุ่ยแล้วธงนี้มีขนาดเล็กกว่า ชิงสุ่ยตรวจสอบวันด้วยเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ของเขาอีกครั้งและสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชื่อของธงนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ดวงตาของชิงสุ่ยต้องเปิดกว้างขึ้น

 

ธงสวรรค์ปัญจธาตุ (ตัวรับ)……

 

อันที่ชิงสุ่ยได้ตรวจสอบนั้นมีขนาดเล็กกว่า กล่าวอีกนัยหนึ่งมันคือธงสวรรค์ปัญจธาตุที่หญิงสาวได้ถือไว้

 

ชิงสุ่ยเหงื่อออกเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘ตัวรับ’ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงอ่านต่อไปพร้อมกับส่ายศีรษะ

 

มันไม่มีระดับ สำหรับตอนนี้ยังไม่มีแท่นหินเคลื่อนย้ายที่ได้วางลงบนแผนที่ จำนวนของแท่นหินเคลื่อนย้ายนั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่อมันยกระดับขึ้น ผู้ใช้สามารถเดินทางไปมาระหว่างตำแหน่งที่วางเอาไว้ได้ จำนวนครั้งในการเดินทางนั้นยังมีข้อจำกัดบางอย่าง

 

สถานะ: ยังไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของ!

 

วิธีแสดงความเป็นเจ้าของ: สละโลหิตแก่นแท้ของผู้ที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของจนกว่ากระบวนการในการแสดงความเป็นเจ้าของจะเสร็จสิ้น

 

ต้องการโลหิตแก่นแท้ในการยกระดับขึ้น

 

มันสามารถเคลื่อนย้ายผู้ที่มีธงสวรรค์ปัญจธาตุ (ตัวส่ง) ไปอีกที่หนึ่งได้ ไม่มีข้อจำกัดในการใช้งานเพียงแต่ว่าผู้ใช้ทั้งคู่จะต้องมีธงนี้จึงจะสามารถใช้งานได้

 

ความสามารถของมันนั้นช่างทรงพลังอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น ผู้ที่กำลังหนีอะไรบางอย่างหรือผู้ที่กำลังกลับมาจากมหาทวีปอื่นรีบร้อนเพื่อขอช่วยเหลือ แต่นี้เป็นเรื่องยากเล็กน้อย เหตุผลนั่นก็คือเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นประสบอันตรายแบบไหนกัน ดังนั้นส่วนใหญ่จึงใช้เพื่อการหนีมากกว่า

 

“นี่คือธงสวรรค์ปัญจธาตุตัวส่งและตัวรับ มันไม่เหมาะสำหรับข้าที่จะครอบครองมันเอาไว้ เจ้าควรส่งตัวเองกลับไปด้วยตัวส่งอันนี้” ชิงสุ่ยรู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อยเมื่อเขาก็มันกลับไปให้กับหญิงสาวผู้นี้

 

“ข้าไม่มีตัวส่งและก็ไม่ได้คิดที่จะตามหามัน รับมันไป เจ้าได้เรียกข้าว่าท่านปรมจารย์ป้า แม้มันดูจะไม่เต็มใจเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าออกมาจากปากเจ้า” ปฏิกิริยาของหญิงสาวทำให้ชิงสุ่ยรีบเก็บธงนี้เข้าไปทันที

 

“ธงนี้สามารถช่วยให้เจ้าของ 2 คนเคลื่อนย้ายตัวเองไปหากันได้ ไม่มีข้อจำกัดใดๆ มันจะดียิ่งนักหากท่านใช้มันหนีตอนที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย” ชิงสุ่ยอธิบายเรื่องของธงสวรรค์ปัญจธาตุให้แก่หญิงสาว

 

“เช่นนั้นมันก็ถือว่าไม่เลวนะ มันดียิ่งนักที่จะทำให้ตัวเองนั้นรอดชีวิต ตัวอย่างเช่น มันง่ายยิ่งนักหากเจ้าต้องการที่จะเดินทางกลับไปยังทั้ง 5 มหาทวีป.” หญิงสาวอธิบายด้วยรอยยิ้ม

 

“การใช้ประโยชน์ของธงสวรรค์ปัญจธาตุมันคือการเคลื่อนย้ายตัวของท่านไปยังสถานที่ต่างๆมากมาย ท่านปรมจารย์ป้า ในการใช้งานมันท่านจะต้องแสดงความเป็นเจ้าของมันช่วยโลหิตแก่นแท้”

 

“ข้าเคยหยดโลหิตแก่นแท้ของข้าลงไปแล้วแต่มันก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ” หญิงสาวอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง