บทที่ 85 นัดกันที่แม่น้ำดารา

ท่องภพสยบหล้า

ผ่านไปนาน คนตระกูลหลินที่อยู่ใกล้ๆ ซุ้มประตูล้วนเงียบงันราวจักจั่นเหมันต์ ไม่มีใครกล้าส่งเสียง และไม่มีใครกล้าขยับเช่นกัน

บรรยากาศอึมครึมจนน่ากลัว

“หรือจะให้พวกมันจากไปแบบนี้” หลินเจิ้งหลี่เอ่ย “ให้ไอ้คนระดับเก้าขอบเขตเคลื่อนชีพจรคนหนึ่งวางท่าที่ตระกูลหลินแบบนี้รึ”

“ทุกคน” หลินเจิ้งเหรินหมุนตัว เอ่ยเสียงราบเรียบ “แยกย้ายกันไปได้แล้ว”

ทุกคนพากันจากไป แม้แต่หลินตวนสิงบิดาของหลินเจิ้งเหรินก็ไม่ลังเล เห็นได้ถึงอำนาจบารมีของหลินเจิ้งเหรินในตระกูลเป็นอย่างดี

ปู่หลินมองหลินเจิ้งหลี่แวบหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “เจิ้งหลี่ มานี่ มาพยุงปู่กลับห้อง”

หลินเจิ้งหลี่ฉีกรอยยิ้ม “ท่านปู่ ท่านให้บ่าวไพร่พยุงท่านกลับไปเถิด ข้ายังมีเรื่องบางเรื่องคุยกับท่านพี่”

ปู่หลินอยากจะพูดอะไรแต่ก็เงียบ สุดท้ายก็แค่ส่ายหน้า จากไปโดยการประคองจากคนบ่าวไพร่

ไม่นานคนแถวๆ ซุ้มประตูก็ไปกันจนหมดเเกลี้ยง มีเพียงใบไม้ร่วงในยามฤดูใบไม้ผลิไม่กี่ใบเท่านั้นที่ยังลอยวนอยู่ในสายลม

“พี่!” หลินเจิ้งหลี่เดือดดาลอัดอั้นยากสงบ “พวกเราจะปล่อยไปเช่นนี้อย่างนั้นรึ”

หลินเจิ้งเหรินปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “ไม่อย่างนั้นเล่า เจ้าจะไล่ตามไปฆ่ามันรึ”

“ใช่ว่าพวกเราจะไม่มียอดฝีมือขั้นวัฏจักรดาราสักหน่อย!”

“นั่นเป็นคนของสกุลหลิน ยังไม่ใช่ของเจ้า”

“ข้าไม่ได้ทำเพื่อตัวเองสักหน่อย! ข้าไม่ได้คำนึงถึงชื่อเสียงของตระกูลหลินพวกเราหรือไร”

“เพื่อสกุลหลินรึ” หลินเจิ้งเหรินมองเขาอย่างเย็นชาผิดปกติ “เจ้าทำอะไรไปบ้างคิดว่าข้าไม่รู้อย่างนั้นรึ”

“เจ้าแย่งการค้าของหลินเจิ้งหลุน แต่ดูแลจัดการไม่ได้ ท่านปู่ให้เจ้าไปเชิญเขากลับมา เจ้ากลับไปหยามหมิ่นเขา ทั้งยังฉวยโอกาสข่มขืนภรรยาของเขาอีก! เจ้าขาดผู้หญิงถึงเพียงนั้นเชียว ควบคุมเป้ากางเกงตัวเองไม่ได้ขนาดนั้นเลยรึ”

“ข้าก็แค่อยากให้มันรู้ตัวเอง ให้มันเข้าใจว่ามันเป็นตัวอะไร!” หลินเจิ้งหลี่เอ่ยอย่างร้อนรน “คนแบบนี้เทินทูนเอาไว้มีประโยชน์หรือ ท่านดูวันนี้สิ ท่านปู่พูดกับมันดีๆ แต่ท่าทีของมันเป็นอย่างไร ไม่ได้อ้าปากก็แว้งกัดอย่างนั้นหรือ มันเลี้ยงเชื่องหรือ การค้าของตระกูลหลินต่อให้ล้มเหลวก็ใช้มันไม่ได้!”

หลินเจิ้งเหรินชี้หลินเจิ้งหลี่ ไม่พูดอะไรไปชั่วขณะ

“ท่านพี่ ฟังคำข้า ส่งคนไปฆ่าพวกมันระหว่างทางเสีย!” หลินเจิ้งหลี่พูดขึ้นอีก “เจียงวั่งไม่ตาย หน้าของเราตระกูลหลินจะเอาไปไว้ที่ไหน”

เพี๊ยะ!

หลินเจิ้งเหรินพลิกมือตบไปหนึ่งฉาดจนหลินเจิ้งหลี่ล้มไปกับพื้น

“หน้าตาของตระกูลหลินไม่สำคัญ หน้าตาของข้าหลินเจิ้งเหรินคนนี้ต่างหากที่สำคัญ!”

หลินเจิ้งเหรินชี้หน้าหลินเจิ้งหลี่บนพื้นที่มองเขาอย่างโกรธแค้น “แต่เพราะเจ้า ทำให้ข้าขายหน้า”

หลินเจิ้งหลี่นอนกองอยู่บนพื้น ทีแรกก็ไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็เดือดดาล เขาแทบจะเต้นผาง “ท่านสู้จู้เหวยหว่อไม่ได้ก็มาโทษข้าหรือไร ก็ได้! ท่านมัดข้าไปเมืองเฟิงหลิน ขอโทษจู้เหวยหว่อ ให้คนแซ่เจียงฆ่าข้า! ข้าจะได้ไม่ทำให้ท่านต้องพลอยขายหน้าไปด้วย!”

เขาพุ่งไปข้างหน้าหลินเจิ้งเหริน ตะโกนคอแข็ง “ท่านส่งข้าไปสิ!”

“ข้าขอเตือนเจ้า!” หลินเจิ้งเหรินบีบคอของเขา ยกเขาขึ้นมา “ข้าขอเตือนเจ้าแค่ครั้งนี้เท่านั้นนะน้องชายที่รักของข้า”

เขามองหลินเจิ้งหลี่ที่หน้าค่อยๆ แดงก่ำเพราะหายใจลำบาก เอ่ยขึ้นอย่างช้าเนิบว่า “เจ้าไม่ต้องแกล้งแสดงให้ดูตื้นเขิน สายตาสั้นแคบ ฉุนเฉียวแบบนี้เลย ไม่ต้องแกล้งแสดงความไร้สาระไร้ความสามารถต่อหน้าข้า ตระกูลหลินในเมื่อข้าถอยให้เจ้าก็ไม่ต้องการเอากลับมาอีกแล้ว กิจการที่ใหญ่จนไร้ขอบเขตในสายตาของเจ้า สำหรับข้าไม่ใช่อะไรทั้งนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องซ่อนคม กังวลว่าข้าจะระแวงเจ้า!”

มือของเขายกขึ้น จวบจนหลินเจิ้งหลี่เริ่มตาเหลือกถึงได้พูดขึ้นว่า “ฟังเข้าใจแล้วหรือยัง”

พูดจบก็ไม่รอเขาตอบกลับก็ปล่อยมือ หมุนตัวจากไปทันที

ทิ้งไว้เพียงหลินเจิ้งหลี่ที่คุกเข่าข้างเดียว ไอไม่หยุดอยู่บนพื้นเท่านั้น

……

ในตอนที่กลับมาถึงเมืองเฟิงหลินก็เป็นเวลาดึกแล้ว

หวงอาจ้านกำลังรอพวกเขาอยู่ที่หน้าประตู ในอ้อมแขนอุ้มเจียงอันอันที่หลับไปแล้วเอาไว้

“พวกเจ้ากลับมาเสียที!” หวงอาจ้านกดเเสียงต่ำพูดขึ้น “บรรพชนตัวน้อยร้องไห้ทั้งวัน ปากข้าแทบจะเปื่อยแล้ว ปลอบอย่างไรก็ไม่สำเร็จ จะรอเจ้าให้ได้ จนกลางดึกร้องไห้จนเหนื่อยแล้วถึงได้หลับไป”

เจียงวั่งรับเจียงอันอันมาอย่างระมัดระวัง พูดกับคนทั้งหลายว่า “พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิด เรื่องอื่นๆ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

คนทั้งหลายสลายตัวไป เจียงวั่งอุ้มเจียงอันอันกลับมายังบ้านที่ตรอกอาชาเหิน

เขาไม่ได้ตรงเข้าไปในห้อง แต่กระโดดขึ้นมาบนหลังคา เท้าทั้งสองห้อยลงไปจากหลังคา ก็นั่งลงไปแบบนั้น

ราตรีเย็นเยียบดุจวารี อันอันสวมเสื้อนวมผ้าฝ้าย หลับลึกอยู่ในอ้อมแขน ดวงตาบวมปูด แม้แต่ในความฝัน ปากเล็กๆ ก็ยังเม้มอย่างเจ็บปวด

เด็กอายุห้าขวบไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น แม้โลกของพวกเขาจะค่อนข้างง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นบางครั้งก็ยิ่งบริสุทธิ์ยิ่งกว่า

คืนนี้เจียงวั่งไม่ได้ฝึกบำเพ็ญอย่างหาได้ยาก มองไปทางตำบลเฟิ่งซีแล้วเหม่อลอย

ในหัวมีภาพเยอะแยะมากมายผุดขึ้นอย่างแปลกประหลาด

เขาไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวเป็นครั้งแรก แต่เสี้ยวขณะนี้ก็ตระหนักได้อย่างแท้จริงว่า บนโลกใบนี้เหลือเพียงเขากับอันอันพึ่งพิงอาศัยอยู่ร่วมกันเท่านั้นแล้ว

พวกเขาไม่มีพ่อแล้ว และก็ไม่มีแม่แล้วเช่นกัน

“พี่…” อันอันไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร นางลืมตาที่บวมเล็กน้อยมองคางของเจียงวั่งพูดขึ้นว่า “ท่านไปหาแม่ข้าหรือ”

เจียงวั่งเงียบไปเล็กน้อย “เจ้าจำดาวที่ข้าเคยพูดให้ฟังได้ไหม ท่านพ่ออยู่ที่นั่น น้าซ่งก็ไปที่นั่นแล้วเหมือนกัน”

อันอันถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ราวเกรงว่าจะทำอะไรแหลกสลาย “ไกลจังเลย”

เจียงวั่งพลันมีความรู้สึกน้ำตาจะไหลขึ้นมา “ใช่แล้ว ไกลมาก”

“พี่ วันข้างหน้าท่านจะเก็บดาวมาได้หรือไม่” ในดวงตาเจียงอันอันราวมีแสงพุ่งออกมา “ท่านแม่บอกว่า วันข้างหน้าท่านอาจจะเป็นเทพเซียน”

เทพเซียนหรือ…

มองใบหน้าดวงเล็กของเจียงอันอัน เจียงวั่งใจไม่แข็งพอจะบอกนาง ระยะห่างที่เขาเดินไปถึงขั้นเทพเซียนไกลกว่าระยะทางตอนนี้ไปถึงดวงดาวเสียอีก

บางทีนางอาจจะรู้สึกว่าวันที่เก็บดวงดาวได้วันนั้น นางก็จะได้พบพ่อกับแม่อีกครั้ง นางยังไม่รู้ว่าการแยกจากกันบางอย่างคือชั่วนิรันดร์จริงๆ

ไม่ว่าจะบินได้สูงเพียงไร ไม่ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน ก็ไม่อาจได้พบกับ ‘ชั่วนิรันดร์’ คำนั้นตลอดไป

“ในยุคบรรพกาล ในยามที่มนุษย์เงยหน้าครั้งแรกมองดวงดาวก็เริ่มเข้าใกล้มัน” เจียงวั่งสุดท้ายเอ่ยขึ้นเช่นนี้ “ผ่านแม่น้ำที่ลึกที่สุด ปีนขึ้นเขาที่สูงที่สุด หลังจากที่ไร้ซึ่งเส้นทางโดยสิ้นเชิงแล้ว ก็สร้างบันไดขึ้นเอง…นี่ก็คือฝึกบำเพ็ญ”

“พี่ก็ไม่รู้ว่าเส้นทางฝึกบำเพ็ญเดินจนถึงสุดทางแล้วคืออะไร แต่ข้าคิดว่าเก็บดวงดาวคว้าดวงจันทร์ไม่ใช่ปลายทาง”

“เช่นนั้นข้า…” เจียงอันอันกัดริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างแผ่วเบา “ฝึกบำเพ็ญได้เหมือนกันหรือไม่”

“แน่นอนอยู่แล้ว!” เจียงวั่งลูบหัวเล็กๆ ของนาง

“ข้าก็บินได้เหมือนกันหรือ”

“แน่นอน!”

“ข้าก็เก็บดวงดาวได้เหมือนกันใช่ไหม”

“อืมๆ!”

“ข้าก็จะไปรับท่านพ่อท่านแม่ได้แล้วใช่หรือไม่”

“…อืม!”

นี่เป็นคำโกหกที่งดงาม แม้แต่ตัวเจียงวั่งเองก็อยากถูกมันหลอกเช่นกัน

“เช่นนั้น นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป นอกจากเจ้าจะต้องร่ำเรียนเขียนอ่านแล้ว ยังต้องท่องคัมภีร์เต๋าอีกด้วย…”

“ไม่มีปัญหา!” เจียงอันอันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

“ทั้งยังต้องดึงเวลาออกมาครึ่งชั่วยามฝึกยุทธ์สร้างรากฐาน จะต้องเหนื่อยอย่างมากเชียวหนา…”

“อันอันไม่กลัวเหนื่อย!”

“ดี เช่นนั้นพวกเราสัญญากัน รอเมื่อวันที่เจ้าเก็บดาวคว้าจันทร์ได้ พวกเราวิ่งไล่ตามดวงดาวไปด้วยกัน”

เจียงอันอันท่าทางมุ่งมั่น “ไล่ตามดวงดาว!”

………………………………………………………