เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1059 อึสุนัขแบ่งโชค

แปลโดย iPAT

 

ทะเลทรายตะวันตก

 

“ฆ่าพวกเขา สมบัติทั้งหมดต้องเป็นของพวกเรา!”

 

“ปล้น!”

 

“ป้องกัน หากสินค้าสูญหาย ตระกูลจะไม่ปล่อยพวกเราไป!”

 

เสียงการต่อสู้ดังขึ้นรอบๆเนินทราย กลุ่มโจรและสมาชิกขบวนสินค้ากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

 

โจรกลุ่มนี้เป็นกองโจรทะเลทรายที่ดุร้ายและค่อนข้างแข็งแกร่ง

 

ด้านขบวนสินค้า มีมนุษย์ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์วิหค

 

ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์วิหคบางส่วนปกป้องสินค้าอยู่บนพื้นขณะที่บางส่วนบินอยู่บนท้องฟ้าและต่อสู้กับกลุ่มโจร

 

คลื่นเพลิงทำให้อุณหภูมิของทะเลทรายยิ่งร้อนแรงมากขึ้น บางครั้งดาบสายลมก็ถูกส่งออกมาและตัดร่างกายของผู้คนที่อยู่ตรงหน้าทำให้เกิดฉากนองเลือด

 

ผู้ใช้วิญญาณส่วนใหญ่ของทะเลทรายตะวันตกมักบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไฟหรือเส้นทางแห่งวายุ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะใช้การโจมตีบนเส้นทางทั้งสองสาย

 

หลังจากชั่วระยะเวลาหนึ่งฝ่ายกองโจรสามารถชิงความได้เปรียบ พวกเขาพบกับความสูญเสียเพียงเล็กน้อยขณะที่สมาชิกของขบวนสินค้าได้รับบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก

 

ฮันหลี่นอนอยู่บนกองสินค้าด้วยใบหน้าที่ไหม้เกรียมและร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยเลือด

 

‘บัดซบ! วันนี้เป็นวันตายของข้างั้นหรือ?’ ฮันหลี่รู้สึกสิ้นหวัง

 

ชีวิตของเขาเริ่มต้นด้วยความยากลำบากก่อนจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณโดยบังเอิญ เขาถูกไล่ออกจากหมู่บ้านและกลายเป็นคนเร่ร่อน

 

เพื่อความอยู่รอด เขาต้องเข้าร่วมกับขบวนสินค้าแต่เขาไม่เคยคิดว่าขบวนสินค้าขบวนนี้จะตกเป็นเป้าหมายของกองโจรที่แข็งแกร่ง

 

“วิ่ง!”

 

“ขบวนสินค้าขบวนนี้จบสิ้นแล้วแต่ข้าจะไม่ตายไปพร้อมกับพวกเขา!”

 

“คนฉลาดต้องหนีไปกับข้า มนุษย์วิหคกลุ่มนี้จบสิ้นแล้ว แม้พวกเขาจะรอดชีวิต แต่พวกเขาก็จะถูกประหารโดยตระกูล!”

 

สมาชิกบางส่วนของขบวนสินค้าเริ่มหลบหนี

 

พวกเขาล้วนเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ที่ถูกว่าจ้างมาเป็นผู้รักษาความปลอดภัย

 

“เจ้าพวกนี้!”

 

“อย่าสนใจพวกเขา แม้ต้องตาย พวกเราก็จะต่อสู้จนถึงที่สุด!”

 

ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์วิหคกัดฟันกล่าวด้วยความโกรธ

 

‘เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?’ ฮันหลี่รู้สึกงุนงง เขายังเด็กและขาดประสบการณ์ เขาไม่สามารถตอบสนองต่อความจริงที่เกิดขึ้น

 

“เหตุใดเจ้าไม่หนีไป?” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์วิหคผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาฮันหลี่

 

ฮันหลี่อ้าปากค้าง เขาไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร เขารู้จักผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์วิหคผู้นี้เพราะนี่ก็คือผู้นำขบวนสินค้า

 

“แม้ระดับการบ่มเพาะของเจ้าจะต่ำ แต่ในบางแง่มุม เจ้าก็ยังเหนือกว่ามนุษย์ที่หลบหนีการต่อสู้เหล่านั้น!” ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคถอนหายใจก่อนจะตบไหล่ฮันหลี่พร้อมกับแสงที่ส่องประกายขึ้น

 

‘โอ้ น่าทึ่ง! นี่คือความสามารถของผู้ใช้วิญญาณระดับสี่งั้นหรือ?’ ฮันหลี่ตกใจเมื่ออาการบาดเจ็บของเขาได้รับการรักษา เขาต้องการขอบคุณแต่ผู้นำขบวนสินค้ากลับพุ่งเข้าสู่สนามรบเรียบร้อยแล้ว

 

แนวหน้าอยู่ในสถานการณ์คับขัน ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคจึงต้องเข้าร่วมการต่อสู้

 

เมื่อผู้ใช้วิญญาณระดับสี่โจมตี ฝ่ายกองโจรเริ่มพบกับความสูญเสีย

 

กลุ่มโจรมีผู้ใช้วิญญาณระดับสี่เช่นกัน แต่ตอนนี้พวกเขานั่งมองอยู่ด้านหลังด้วยรอยยิ้มเย็นชา

 

ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคควบคุมสนามรบได้อย่างรวดเร็ว เขาสังหารศัตรูจำนวนมากขณะที่ฮันหลี่เฝ้าดูด้วยความกระตือรือร้น

 

แต่ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคกลับไม่มีความสุข

 

เขารู้ว่านี่เป็นกลยุทธ์ลดพลังวิญญาณของศัตรู เมื่อผู้เชี่ยวชาญตัวจริงของฝ่ายกองโจรปรากฏตัว เขาจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

 

“ฟิ้ว…”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงลมดังมาจากระยะไกล

 

มันราวกับเสียงโหยหวนของสัตว์ป่า

 

ทุกคนมองไปยังต้นกำเนิดเสียงและตะโกน “โอ้ ไม่ มันคือพายุหมุนไหมทอง!”

 

พายุหมุนในทะเลทรายตะวันออกมีหลายประเภท ตัวอย่างเช่น พายุหมุนไหมทอง พายุหมุนไหมเงิน พายุหมุนไหมทองแดง และอื่นๆ พายุหมุนไหมทองคือพายุหมุนที่ทรงพลังที่สุด กระทั่งผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ก็ยังไม่สามารถรักษาชีวิตหากติดอยู่ภายใน

 

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของมนุษย์วิหคหรือฝ่ายกองโจร พวกเขาต่างตื่นตกใจ

 

ฝ่ายกองโจรพุ่งเข้าหาขบวนสินค้าและต้องการนำสินค้าไปก่อนที่พายุหมุนไหมทองจะมาถึง

 

สำหรับมนุษย์วิหค พวกเขาสามารถบินได้ตามธรรมชาติ สถานการณ์ของพวกเขาจึงค่อนข้างดีกว่า

 

การต่อสู้บรรลุถึงจุดสำคัญ

 

ทุกวินาทีมีผู้เสียชีวิต

 

ฮันหลี่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างขบวนสินค้าและซุ่มโจมตีฝ่ายตรงข้าม

 

การบ่มเพาะของเขาค่อนข้างต่ำและไม่ใช่เป้าหมายสำคัญ กลุ่มโจรไม่คิดว่าเขาเป็นภัยคุกคาม

 

กลุ่มโจรไม่ต้องการสร้างความเสียหายให้กับสินค้า ดังนั้นฮันหลี่ที่ซ่อนตัวอยู่จึงค่อนข้างปลอดภัย

 

สายลมพัดมากระทบร่างกายของฮันหลี่และทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด

 

“ถอย!” แม้จะไม่เต็มใจ แต่ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหลบหนี

 

ฝ่ายกองโจรตัดสินใจล่าถอยเช่นกัน

 

“เร็ว! ย้ายสินค้า!” ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขายังให้ความสำคัญกับสินต้า

 

ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์วิหครีบร้อนเคลื่อนย้ายสินค้าโดยไม่มีผู้ใดสนใจฮันหลี่

 

ฮันหลี่ถูกดูดเข้าไปในพายุหมุนไหมทองพร้อมกับมนุษย์วิหคและสินค้าจำนวนมาก

 

เขาหมุนไปรอบๆก่อนจะชนกับหินหรือสินค้าบางอย่างและเป็นลมไปทันที

 

หลังจากไม่นานเขาค่อยๆตื่นขึ้น

 

“เด็กน้อย ในที่สุดเจ้าก็ตื่น” ชายชราผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ด้านข้างกล่าวอย่างแผ่วเบา

 

“ท่านคือผู้ใด?” ฮันหลี่ยังงุงงง เขามองไปรอบๆและตระหนักว่าเขานอนอยู่บนพื้นทรายที่เต็มไปด้วยซากศพและกองสินค้า

 

“พายุหมุนหยุดแล้วและข้ารอดชีวิตงั้นหรือ?” ฮันหลี่ตะลึงก่อนจะแสดงออกอย่างมีความสุข

 

“หากข้าไม่ช่วยเจ้า เจ้าจะรอดมาได้อย่างไร?” ชายชรายิ้ม

 

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิต!” ฮันหลี่แสดงความขอบคุณด้วยความจริงใจ

 

ขายชราพยักหน้า “ย้อนกลับไปก่อนที่ข้าจะกลายเป็นผู้อมตะ ข้าก็ไม่ต่างจากเจ้า พายุหมุนที่นำเจ้ามาที่นี่เกิดจากข้า ข้าแพ้เดิมพันของเทียนจิน ก่อนตาย ข้าจะมอบมรดกที่แท้จริงของข้าให้เจ้า”

 

…..

 

ภาคกลาง

 

หุบเขาดาบหัก

 

“วิญญาณปราณดาบอยู่ที่ใด?”

 

“ตามหามัน!”

 

“วิญญาณปราณดาบเป็นของข้า ผู้ใดก็อย่าคิดจะฉกชิง!”

 

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณตะโกนและพุ่งเข้าไปในหุบเขา

 

“เจ้าบ้า! อย่าขวางทางข้า!”

 

“ผู้ใดกีดขวางข้าต้องตาย!”

 

หงอี้อยู่นอกหุบเขาเมื่อกลุ่มผู้ใช้วิญญาณที่บ้าคลั่งพุ่งผ่านเขาไป

 

ใบหน้าของหงอี้กลายเป็นซีดขาวและรีบหลบหนี

 

ผู้ใช้วิญญาณกลุ่มหนึ่งวิ่งแซงหงอี้ไป

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” หัวใจของหงอี้แทบกระโดดออกมาจากหน้าอก

 

บางคนอธิบายสถานการณ์ให้เขาฟัง

 

“ข้าได้ยินมาว่ามีวิญญาณปราณดาบระดับสี่”

 

“ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนมากมายพยายามไล่ล่ามัน”

 

“บางทีอาจเป็นพวกเราที่พบวิญญาณปราณดาบระดับสี่”

 

“นานเท่าใดตั้งแต่หุบเขาดาบหักแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น? มีวิญญาณปราณดาบระดับสี่อยู่เพียงดวงเดียว อย่าหวังสูงเกินไป”

 

“วิญญาณปราณดาบ…ระดับสี่?” หงอี้ตกใจ

 

เขาวิ่งไปในหุบเขาอย่างรวดเร็ว

 

เขาเคยสำรวจหุบเขาแห่งนี้มาก่อนแต่ก่อนหน้ามันไม่เหมือนตอนนี้

 

เมื่อโป้ชิงตื่นขึ้น หนึ่งในดาบแสงของเขาตกลงมาที่นี่และตัดภูเขาออกเป็นสองลูก

 

นี่คือต้นกำเนิดของหุบเขาดาบหัก

 

เดิมทีผู้คนไม่ได้สนใจมันแต่ในไม่ช้าผู้ใช้วิญญาณภาคกลางก็ตระหนักว่าหุบเขาแห่งนี้ให้กำเนิดวิญญาณบนเส้นทางแห่งดาบขึ้นมาโดยไม่คาดคิด

 

ดาบแสงของโป้ชิงเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า มันไม่แปลกที่หุบเขาแห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่พิเศษและสามารถให้กำเนิดวิญญาณบนเส้นทางแห่งดาบ

 

ความจริงเรื่องนี้ไม่สามารถปกปิด ดังนั้นผู้ใช้วิญญาณจึงเดินทางมาที่เพื่อค้นหาสมบัติมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ก่อนหน้านี้บางคนพบวิญญาณปราณดาบระดับสี่ มันสร้างความปั่นป่วนขึ้นทันที

 

‘วิญญาณปราณดาบระดับสี่หายากมาก แม้ข้าจะเจอมันแต่ข้าก็ไม่สามารถจับมัน มันอันตรายเกินไป’ หงอี้คิดขณะสำรวจพื้นที่รอบๆ

 

เขาเดินเข้าไปในสถานที่ที่ดูธรมดามากแต่เขากลับเห็นบางสิ่งที่น่าตกใจ

 

มันเป็นวิญญาณแรกกำเนิด

 

หงอี้ตกตะลึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นดีใจ “ข้าช่างโชคดีนักที่พบวิญญาณที่พึ่งถือกำเนิด กลิ่นอายของมัน…แข็งแกร่งมาก! มันคือวิญญาณระดับสี่หรืออาจจะระดับห้า?”

 

หงอี้ไม่าสามารถอดทนรอและรีบคว้ามันมาไว้ในมือ

 

เขาเร่งไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยมากขึ้นและเริ่มปรับแต่งมันทันที

 

ครู่ต่อมา เขาประสบความสำเร็จในการปรับแต่งและกลายเป็นเจ้าของวิญญาณระดับห้าบนเส้นทางแห่งดาบ! มันมีรูปร่างเหมือนฝักดาบที่ทำจากเหล็กขนาดเล็ก

 

วิญญาณฝักดาบระดับห้า!

 

“วิญญาณดวงนี้ใช้งานอย่างไร? มันเป็นวิญญาณระดับห้า พลังวิญญาณของข้าไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นใช้งานมัน” หงอี้ถอนหายใจแต่ในจังหวะนี้วิญญาณบนเส้นทางแห่งดาบที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ใกล้ๆกลับบินมาหาเขาและเข้าไปในฝักดาบที่อยู่บนมือของหงอี้โดยไม่คาดคิด

 

หงอี้ตกใจและรู้สึกพูดไม่ออก

 

…..

 

ภาคใต้ ภูเขาไร้นามแห่งหนึ่ง

 

มันเป็นเวลาเที่ยงคืนที่พายุฝนกำลังโหมกระหน่ำ

 

“เฉิงซินซื่อ ชีวิตของเจ้าจะจบลงวันนี้” ชายมัดกล้ามเดินไปยังจุดสูงสุดของยอดเขาด้วยมือไพล่หลัง

 

มีผู้ใช้วิญญาณสามคนอยู่ที่นี่

 

หนึ่งชาย สองหญิง

 

ผู้ใช้วิญญาณหญิงผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส นางคือสาวใช้ของเฉิงซินซื่อ เสี่ยวหลาน

 

ผู้ใช้วิญญาณหญิงอีกคนมีเส้นผมสีดำที่ทิ้งตัวลงมาราวกับน้ำตก นางมีผิวขาวราวหิมะและมีรูปโฉมที่งดงามมาก นางก็คือเฉิงซินซื่อ

 

เห็นคนที่กำลังเดินเข้ามา เฉิงซินซื่อเผยรอยยิ้มขมขื่น “เฉิงไป่ซื่อ เป็นเจ้าจริงๆ เหตุใดเจ้าต้องสังหารข้า?”

 

เฉิงไป่ซื่อหัวเราะเสียงดัง “ท่านพ่อตาย พี่ใหญ่ตาย จ้าวเฟิงก็ตาย ตราบเท่าที่ข้าฆ่าเจ้า พี่แปดจะได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล ดังนั้นวันนี้เจ้าต้องตาย!”

 

ร่างของเฉิงซินซื่อสั่นสะท้านและแทบจะล้มลงบนพื้นราวกับมีพลังงานที่มองไม่เห็นผลักนาง

 

นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โศกเศร้า “เพื่อตำแหน่งผู้นำตระกูล เฉิงปู้เหลาช่างโหดเหี้ยมนัก”

 

เฉิงไป่ซื่อหัวเราะเสียงเย็น “ถูกต้อง เจ้าช่วยชีวิตพี่แปดเอาไว้ แต่แล้วอย่างไร? เจ้าต้องการให้เขาตอบแทนความเมตตาและมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้เจ้างั้นหรือ? ฮืม ผู้นำตระกูลเฉิงคือเจ้าเหนือหัวของเมือง เจ้าเป็นคนใจอ่อน เจ้าจะแข่งขันกับพี่แปดได้อย่างไร?”

 

เฉิงซินซื่อส่ายศีรษะ “เมื่อข้าช่วยเขา ข้าไม่เคยคิดที่จะแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลกับเขา”

 

“แน่นอน นั่นคือเหตุผลที่เจ้ามาอยู่ในสภาพนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า” เฉิงไป่ซื่อกล่าว

 

“ท่านหญิงซินซื่อ ยังมีสิ่งใดต้องพูดคุยกับคนเลวผู้นี้!” เย่ฟานขมวดคิ้วกล่าวด้วยความรังเกียจที่มีต่อเฉิงไป่ซื่อ

 

“คุณชายเย่ ท่านควรจากไป เขาไม่ต้องการชีวิตของท่าน ท่านไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่าเข้ามายุ่ง รีบไป!” เฉิงซินซื่อกระตุ้นให้เย่ฟานจากไป

 

“ข้าไม่ไป!” เย่ฟานตะโกน “ท่านหญิงซินซื่อ ท่านช่วยข้าไว้ ข้าต้องตอบแทนความเมตตา แล้วข้าจะทอดทิ้งท่านได้อย่างไร?”

 

“ฮืม ไร้สาระ แม้เจ้าจะต้องการจากไป เจ้าก็ไม่สามารถจากไป วันนี้พวกเจ้าทั้งสามต้องตายที่นี่!” เฉิงไป่ซื่อกล่าว

 

เย่ฟานกัดฟันแน่น แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขาก็ยังยืนอยู่ด้านหน้าเฉิงซินซื่อ

 

“หือ วีรบุรุษปกป้องหญิงงามงั้นหรือ?” เฉิงไป่ซื่อหัวเราะก่อนจะผลักเย่ฟานให้ล้มลง

 

“หากเจ้าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ข้าอาจต้องระวังเจ้า แต่ตอนนี้พลังวิญญาณของเจ้าหมดแล้ว เจ้าไม่ใช่ภัยคุกคามของข้าอีกต่อไป ฮ่าฮ่าฮ่า” เฉิงไป่ซื่อหัวเราะและเดินตรงเข้าไปหาเฉิงซินซื่อ

 

เฉิงซินซื่อปิดเปลือกตาลงและไม่ต่อต้าน

 

แต่ก่อนที่นางจะถูกสังหาร ภาพของชายผู้หนึ่งกลับปรากฏขึ้นในใจของนาง

 

นางคิด ‘หากข้าได้พบเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตายก็คงดี’

 

อย่างไรก็ตามหลังจากชั่วครู่นางกลับไม่รู้สึกถึงการโจมตีของเฉิงไป่ซื่อ

 

เฉิงซินซื่อเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความสับสน นางเห็นเพียงเฉิงไป่ซื่อที่ไม่ขยับเขยื้อน

 

ร่างกายของเขาแข็งค้างราวกับรูปปั้น

 

“ฮืม เพื่ออำนาจ เจ้าไม่สนใจเครือญาติ เจ้าคือความอัปยศของตระกูลเฉิงอย่างแท้จริง!” ผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งปรากฎตัวขึ้น

 

“ท่านคือ?” เฉิงซินซื่อตกใจ

 

ผู้อมตะหญิงมองเฉิงซินซื่อและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “อย่ากังวล ข้าคือบรรพชนของตระกูลเฉิง เฉิงซินซื่อ ข้าตัดสินใจแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นผู้นำตระกูลเฉิง”