ตอนที่ 961 ไม่อย่างนั้นผมจะช่วยทำให้เขาหายไป

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“สิ่งที่ฉันกำลังจะบอกคือตั้งแต่เหตุการณ์ของสวี่ซิน เธอก็ถอนตัวจากงานแสดงเป็นการถาวร เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่าคะ มีบางอย่างทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่าคะ”

 

 

“คุณนี่รู้จักขุดเรื่องเก่าขึ้นมาพูดดีนะ” โม่ถิงเอ่ยชมก่อนตอบ “การปฏิเสธงานแสดงของเธอไม่ได้ไปขวางทางใครสักหน่อยครับ เธอจึงไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่อยากทำมัน และผมก็ไม่คิดว่าเรื่องนั้นจะเป็นปัญหาเลยครับ”

 

 

อีกความหมายหนึ่งคือเขาไม่ได้ห้ามความคิดเห็นของคนอื่น

 

 

“แต่ฉันรู้สึกว่าถึงถังหนิงจะแสดงท่าทีต่อต้านวงการภาพยนตร์แต่เธอก็มีความสามารถมากเลยนะคะ แต่เธอก็ยังไม่ได้ยืนหยัดในแวดวงนี้ ฉันค่อนข้างรู้สึกเสียดาย ฉันเลยคิดว่ามีบางอย่างทำให้เธอไม่สบายใจอยู่”

 

 

ไม่มีใครคาดคิดว่าพิธีกรจะถามคำถามเชิงลึกขนาดนี้ ที่สำคัญที่สุดคือเธอรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่รบกวนจิตใจถังหนิงอยู่จริงๆ

 

 

“ไม่ว่าจะในฐานะนางแบบ นักแสดง หรือผู้จัดการ ภรรยาผมก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่ เธอยังทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและดูแลคนรอบตัวเธอ เธอดูเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแต่เธอก็เป็นคนที่รู้คุณคนอย่างถึงที่สุดแม้แต่กับความใจดีเล็กๆ น้อยๆ ที่มอบให้เช่นกันครับ

 

 

“เธอกลายมาเป็นนักแสดงในตอนที่เธอเกือบจะได้เป็นสุดยอดนางแบบระดับโลก แต่เพราะโง่ เธอเต็มใจที่จะเริ่มต้นใหม่เพื่อผม ตั้งแต่ที่เธอแจ้งเกิดมาเป็นสิบปีหรือมากกว่านั้น เธอไม่เคยทำผิดกับใคร เธอไม่ใช่คนที่กลัวความล้มเหลว ไม่ได้สนใจว่าคนภายนอกจะคิดกับเธอยังไงด้วย

 

 

“อย่างที่คุณพูดเอาไว้แหละครับ การกระทำอย่างนั้นของเธอเหมือนกับเด็กที่ไม่ยอมแพ้ จู้ซิงมีเดียถึงถูกก่อตั้งขึ้นและเธอถึงได้ตัดสินใจช่วยศิลปินที่เคยผ่านประสบการณ์ทั้งดีร้ายในวงการไงครับ

 

 

“และจุดเปลี่ยนของมันก็คือการฆ่าตัวตายของสวี่ซิน”

 

 

“ทำไมล่ะคะ เพราะว่าคำกล่าวหาของสาธารณชนเหรอคะ” พิธีกรเอ่ยถาม “เราต่างรู้ดีว่าการฆ่าตัวตายของสวี่ซินเป็นการตัดสินใจของเธอเองทั้งหมด ต่อให้เธออ้างว่าถังหนิงบีบบังคับให้เธอทำ และคนที่เชื่อก็เข้ามาโจมตีถังหนิงอยู่พักใหญ่เพราะเรื่องนี้ เรื่องมันผ่านไปแล้วและตอนนี้คนส่วนใหญ่ก็รู้ความจริงแล้ว พวกเขาแค่ไม่ต้องการยอมรับว่าถังหนิงไม่ได้เกี่ยวข้องตั้งแต่แรกเท่านั้นแหละค่ะ”

 

 

หลังได้ยินคำพูดของพิธีกร โม่ถิงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้น ทำไมการเสียชีวิตของเฉียวเซินถึงเป็นความผิดของภรรยาของผมล่ะครับ”

 

 

อีกฝ่ายถึงกับนิ่งงันไป

 

 

“อีกอย่าง คนภายนอกก็กำลังพูดว่าภรรยาของผมรับผิดชอบกับสองชีวิตที่สูญเสียไป นั่นไม่ได้หมายความว่าเรื่องของสวี่ซินไม่เคยจบลงเลยเหรอครับ

 

 

“เรื่องฉาวเก่าๆ ยังถูกเอามารวมจนกระทั่งเกิดเรื่องใหม่ขึ้นมา ทั้งหมดนี้เพียงเป็นการย้ำให้ทุกคนนึกถึงเรื่องของถังหนิงในอดีตและทำให้เธอถูกเกลียดชังมากขึ้นเท่านั้น ไม่มีใครสนใจความจริง พวกเขาก็แค่ต้องการซุบซิบนินทา

 

 

“ภรรยาผมไม่เคยร้องไห้เพราะรู้สึกผิด ไม่เคยเสียเวลาในการพยายามออกมาแก้ตัว ในเมื่อผู้คนเอาแต่บอกให้เธอออกไปและไม่ทำร้ายคนอื่น เธอจึงตัดสินใจเลิกเป็นนักแสดง เธออาจไม่ได้พูดมันออกมาแต่ผมมั่นใจว่าเธอได้สัญญากับตัวเองไว้แล้วล่ะครับ”

 

 

“ถ้าอย่างนั้น…ประธานโม่คิดว่าเราสามารถกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองได้ไหมคะ”

 

 

โม่ถิงส่ายหน้าด้วยความหนักแน่น

 

 

“เธอรู้ว่าคนภายนอกไม่ได้มองเธอในแง่ดีนัก แต่เธอก็ยังมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง”

 

 

การสัมภาษณ์ยาวนานกว่าสี่สิบนาที ไม่น้อยไปกว่านี้ และระหว่างช่วงเวลานั้น โม่ถิงได้ตอบทุกคำถามอย่างจริงจัง

 

 

มีคำถามที่ตอบได้ยากและสร้างความกดดันอยู่บ้าง ถึงแม้โม่ถิงจะตอบหลายคำถามอย่างอ้อมๆ แต่พิธีกรก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าถังหนิงเป็นคนอ่อนไหวและน่าสนใจคนหนึ่ง

 

 

เป็นการสัมภาษณ์ที่ทั้งพิธีกรและผู้ชมไม่สามารถนำมาสร้างกระแสได้ แม้ว่าทุกคำถามของพิธีกรจะตอบได้ยาก ทุกชนวนที่เธอจุดประกายขึ้นกลับถูกคำตอบของโม่ถิงดับลงทันที

 

 

คนที่ชมการสัมภาษณ์อยู่ไม่อาจหาช่องโหว่หรือจุดที่จะเอามาใช้วิพากษ์วิจารณ์ได้ อย่างไรเสียโม่ถิงก็ถนัดในการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงเขาได้เปิดเผยหลายสิ่งออกไปต่างหาก

 

 

อย่างเช่นความกังวลของถังหนิงหลังจากการฆ่าตัวตายของสวี่ซินและท่าทีต่อต้านของเธอ

 

 

ถังหนิงถูกยกเรื่องนี้มาใส่ร้ายอยู่ตลอด ทว่าอยู่ๆ หลังจากชมการสัมภาษณ์จบ คนภายนอกกลับเข้าใจความรู้สึกของถังหนิงขึ้นมาก

 

 

เหมือนกับว่าพวกเขาได้มองเห็นลึกเข้าไปในใจของเธอในท้ายที่สุด

 

 

หลังการสัมภาษณ์จบลง พิธีกรลุกขึ้นยืนและเอ่ยกับโม่ถิง “ประธานโม่คะ ฉันยอมรับว่าแพ้คุณราบคาบเลยค่ะ”

 

 

เขาลุกขึ้นเช่นกัน หลังจากที่จัดสูทของเขาจึงเอ่ยกับเธอ “บอกผู้กำกับของคุณให้หายตัวไปจากวงการนี้ซะ ไม่อย่างนั้นผมจะช่วยทำให้เขาหายไปเอง”

 

 

ว่าแล้วโม่ถิงก็เดินจากไปด้วยท่าทีเหนือกว่า

 

 

ระหว่างทางกับบ้าน ลู่เช่อบอกกับโม่ถิงผ่านทางกระจกมองหลัง “ท่านประธานครับ พรุ่งนี้เป็นพิธีรำลึกของเฉียวเซิน คุณผู้หญิงคงต้องเจ็บปวดใจแน่ครับ เราควรเตรียมอะไรไว้หรือเปล่าครับ”

 

 

“ดูแลความปลอดภัยให้ดี ที่เหลือฉันจะจัดการเอง” โม่ถิงไม่มีคำสั่งใดนอกจากบอกให้ลู่เช่อดูแลความปลอดภัยในพิธีรำลึก

 

 

อย่างไรก็ตาม ลูเช่อไม่ได้คาดคิดถึงความสำคัญของความปลอดภัย แม้ว่าเขาจะทุ่มเทจัดการสุดความสามารถก็ตาม

 

 

 

 

เวลาสามทุ่ม โม่ถิงกลับมาถึงบ้านก็พบว่าถังหนิงกำลังนั่งดูโทรทัศน์บนโซฟาอยู่ เขาจึงเข้าไปหาเธออย่างเงียบๆ

 

 

ถังหนิงถือโอกาสโอบเอวเขาไว้พร้อมน้ำตาเธอเริ่มเปียกชื้นเสื้อของเขา

 

 

“ฉันคิดเรื่องการตายของสวี่ซินมานานตอนที่อ่านความเห็นออนไลน์และเกือบจะเชื่อว่าฉันเป็นต้นเหตุจริงๆ แล้วค่ะ

 

 

“ฉันเลยเลิกทำงานแสดงเพราะเรื่องของสวี่ซินจริงๆ

 

 

“ความกลัวแฟนๆ ของฉันเริ่มก่อตัวขึ้น

 

 

“พวกเขาอาจสนับสนุนฉันวันหนึ่งแล้วทิ้งฉันไว้ที่ก้นบ่อในวันถัดไปเพียงเพราะข่าวลือก็ได้ ถึงฉันจะรู้มาตลอดว่าเอาแน่เอานอนกับแฟนๆ ไม่ได้ แต่พวกเขาก็ทำให้เจ็บปวดค่ะ เรื่องของสวี่ซินถึงทำให้ฉันสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่ทำงานแสดงอีก”

 

 

ต่อให้ถังหนิงไม่ได้บอกเรื่องนี้ โม่ถิงก็รู้ดีอยู่แล้ว

 

 

หลังจากแต่งานกันมานาน เขาจะไม่เข้าใจต้นเหตุความคิดต่อต้านของเธอได้อย่างไร

 

 

“พอแล้วล่ะครับ คุณยังต้องไปส่งเฉียวเซินพรุ่งนี้ คุณจะไปร่วมพิธีทั้งสภาพแย่ๆ ไม่ได้นะครับ ไปอาบน้ำแล้วเข้านอนกันเถอะ”

 

 

ทว่าเพราะการเข้าร่วมพิธีของประธานฟ่านในวันถัดมา ถังหนิงจึงกำลังจะดูแย่ต่อให้เธอไม่ได้ต้องการก็ตาม…