ทั้งจู้ซิงมีเดียไปร่วมพิธีของรำลึกของเฉียวเซิน
ในขณะที่หลินเฉี่ยนกำลังเตรียมชุด คุณนายหลี่ก็เดินผ่านมาจึงแวะเข้าไปในห้องของลูกสะใภ้ของเธอ ก่อนเอ่ย “จู้ซิงมีเดียเต็มไปด้วยคนที่ซื่อตรงและจิตใจดีจริงๆ ”
หลินเฉี่ยนได้ยินดังนั้นก็ระบายยิ้ม
“พักผ่อนสักหน่อยเถอะ เฉี่ยนเฉี่ยน”
หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับ จากนั้นจึงต่อสายหาหลี่จิ่น
“ฉันจะรอคุณหน้าบ้านตอนแปดโมงเช้าครับ เราไปด้วยกันนะ”
หลินเฉี่ยนไม่ได้ขัดคำของหลี่จิ่น แม้ว่าเขาจะอยู่ที่ฐานทัพและไม่อาจกลับมาถึงบ้านในคืนนั้น แต่อย่างน้อยเขาก็ใช้ทุกๆ โอกาสที่มีในการอยู่เคียงข้างภรรยาของเขา
เช้าวันถัดมา ในขณะที่หลินเฉี่ยนก้าวเท้าออกมาจากบ้าน ก็เห็นรถทหารของสามีเธอและรีบวิ่งไปหา
“ไปกันเถอะครับ ผมจะไปส่งเฉียวเซินกับคุณเอง”
แม้ว่าเฉียวเซินจะไม่ได้สร้างชื่อในวงการมากนัก แต่เขาก็ยังมีเพื่อนที่ดีหลายคนที่เข้าร่วมพิธีรำลึก ทุกคนต่างมาเข้าร่วมอย่างไม่รั้งรอด้วยความเต็มใจ
กองทัพนักข่าวและแฟนๆ รอกันอยู่บริเวณทางเข้า ทุกครั้งที่แขกร่วมงานมาถึง พวกเขาทำตามกฎเกณฑ์และกล่าวทักทายพวกเขาเท่านั้น ทว่าสายตาของพวกเขากลับเฝ้ารอการมาที่จู้ซิงมีเดียและถังหนิง
ในครั้งนี้หน้าม้าบางคนที่ถูกใครบางคนจ้างมาเข้ามาปะปนในฝูงชนพร้อมกับไข่ดิบและหินกำลังรอการมาถึงของถังหนิง
เวลาเก้าโมงเช้า ทีมงานจากจู้ซิงมีเดียมาถึง ทุกคนอยู่ในชุดสีดำ ทันทีที่นักข่าวเห็นถังหนิง ก็เริ่มถ่ายเก็บภาพอย่างบ้าคลั่ง
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าระวังขึ้นมาทันที หากแต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าอยู่ๆ แฟนๆ บางคนที่อยู่ด้านหลังนักข่าวจะคว้าไข่และหินออกมาจากกระเป๋าเป้และปาใส่ถังหนิง
แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขวางเอาไว้ได้ทันและพวกมันได้ตกลงข้างๆ เท้าของเธอ
“นังฆาตกร!”
เมื่อถังหนิงได้ยินดังนั้น ก็ชะงักฝีเท้าและมองด้วยสายตากรุ่นโกรธไปยังทางกลุ่มแฟนๆ
โม่ถิงเข้ามากันเธอไว้ทันที เดิมทีเขาต้องการพาเธอตรงเข้าไปในห้องโถงไว้ทุกข์ ทว่าเธอกลับดันเขาไปด้านข้างคล้ายบอกว่าเธอต้องการจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
โม่ถิงเป็นห่วงเล็กน้อยแต่เขาก็ยอมในท้ายที่สุด พร้อมคอยสนับสนุนเธออยู่ข้างๆ ในขณะที่ทุกคนในจู้ซิงมีเดียเดินตรงไปยังกลุ่มแฟนๆ ที่ปาไข่มา
ไม่มีใครเคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ทั้งยังไม่เคยได้สัมผัสอำนาจของจู้ซิงมีเดีย
นักข่าวรีบหลีกทางให้ด้วยความหวาดกลัวเพื่อให้ถังหนิงสามารถเข้าไปถึงตัวแฟนๆ ด้านหลังพวกเขา
ถังหนิงก้าวเข้าไปคว้ามือผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในกระเป๋าเป้อย่างไม่รั้งรอ “ใครบอกเธอว่าฉันเป็นฆาตกรกัน”
ผู้หญิงคนนั้นนิ่งค้างไปด้วยความกลัวขณะมองหน้าถังหนิง
“ฉันว่าเธอต้องรับผิดชอบกับคำพูดของเธอเองนะ ว่าไหมล่ะ”
“ฉันคิดว่าคุณฆ่าเฉียวเซิน…และสวี่ซิน…”
“มีหลักฐานไหมคะ” ถังหนิงถาม “ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นล่ะ เห็นกับตาตัวเองเหรอคะ แล้วได้ยินมากับหูตัวเองเหรอ”
“ฉันเห็นในอินเทอร์เน็ต…”
“อินเทอร์เน็ตเหรอ” ถังหนิงถามย้ำพลางจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “เธอก็ดูโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่การศึกษาของเธอมันหายไปหมดแล้วเหรอ ทำไมเธอถึงเชื่อข่าวผิดๆ อย่างนั้นล่ะ หรือเธอมีปัญหาทางจิตกัน ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่เข้าใจว่าคนที่อายุป่านนี้ยังแยกแยะถูกผิดไม่เป็นอีก
“เธอรู้ไหมว่าถ้าหินก้อนหนึ่งของเธอโดนใครสักคนที่นี่ เธออาจจะได้กลายเป็นสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดซะเอง ฆาตกรยังไงล่ะ!
“เธอ…และพวกเธอทุกคน ฉันจะเตือนไว้ให้ว่าถ้าใครกล้าปาไข่หรือหินใส่ฉันอีก ฉันจะไปตรวจภาพกล้องวงจรปิดและตามล่าเธอซะ ดูเหมือนว่าฉันจะก้าวขาออกจากบ้านโดยไม่ใช่กฎหมายเป็นอาวุธไม่ได้อีกแล้วล่ะ
“ฉันมั่นใจว่าเธอจัดการสู้คดีในข้อหาทำร้ายร่างกายได้ใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่ได้อย่างนั้นก็แย่หน่อยนะ ตามกฎหมายแล้ว ข้อหานี้โทษจำคุกมากกว่าสองปี ต้องอาญาหรืออยู่ในความควบคุมของทางตำรวจ แล้วมาดูกันว่าใครจะถูกแก้แค้นก่อนกัน”
พูดจบ ถังหนิงก็หันกลับไปด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง จังหวะนั้นเองที่แฟนที่ตกอยู่ในความหวาดกลัวพุ่งตัวออกมาจากฝูงชนและคว้าแขนถังหนิงไว้ “อย่าเรียกตำรวจมาจับฉันเลยนะ ฉันทำลงไปเพราะมีคนจ้างฉันมา ฉันไม่รู้เรื่องข่าวของคุณเลยนะ มีคนบอกฉันว่าจะให้เงินหนึ่งพันหยวนให้มาปาหินใส่คุณ”
หลังจากได้ยินดังนั้น ทุกคนถึงกับตกตะลึงโดยเฉพาะนักข่าว
ถังหนิงสะพัดแขนออกจากมือของอีกฝ่ายก่อนถาม “ใครล่ะคะ”
“ฉันก็ไม่มั่นใจ ฉันรู้แค่ทุกคนเรียกเขาว่าพี่เว่ย ฉันยังได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับประธานฟ่านและบอกว่าเขาจะใช้งานในวันนี้เพื่อแก้แค้นคุณด้วยค่ะ”
คำตอบของเธอทำให้ถังหนิงหลุดขำออกมาและพูดกับนักข่าว “วันนี้เป็นวันสำคัญของเฉียวเซิน ฉันจะไปเคารพศพเป็นครั้งสุดท้ายและให้โอกาสคนร้ายกลับตัวกลับใจหนึ่งชั่วโมง… ถ้าเขาไม่ยอมแพ้ภายในหนึ่งชั่วโมง อย่ามาโทษว่าฉันใจดำแล้วกันค่ะ…”
ไม่มีใครคิดว่าจะมีใครบางคนใช้วิธีเช่นนี้ในการโจมตีถังหนิง
ความจริงแล้วเหล่านักข่าวก็อึ้งจนลืมสัมภาษณ์ถังหนิงไปเช่นกัน
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาอยู่ในพิธีรำลึก นักข่าวไม่ได้ตามถังหนิงเข้าไปด้านใน จนกว่าเธอจะกลับออกมาในอีกชั่วโมง นักข่าวเฝ้ารออย่างใจเย็นเพื่อชมการแสดงสนุกๆ ภายในอีกชั่วโมง
แต่ทว่าก่อนที่ถังหนิงจะเข้าไปในห้องโถงจัดงานเพื่อเคารพศพของเฉียวเซิน เธอหันไปบอกลู่เช่อ “มีบางอย่างที่ฉันต้องให้นายช่วย เรามีเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
“สั่งมาเลยครับ”
ในเมื่อประธานฟ่านต้องการทำร้ายเธอ เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตอบโต้กลับอย่างสมน้ำสมเนื้อ เป็นของขวัญตอบแทน
หลังออกปากสั่ง ถังหนิงก็ก้าวเข้าไปในห้องโถงไว้ทุกข์
ในขณะที่เธอมองไปที่ร่างของเฉียวเซินที่นอนนิ่งในโลง ดวงตาของถังหนิงพลันแดงก่ำ
“เฉียวเซิน ฉันจะไม่มีทางลืมทุกอย่างที่คุณทำเพื่อมดราชินีและวันคืนที่เราฝ่าฟันมาด้วยกันเลยค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ต่อให้ฉันต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดฉันก็สัญญาว่ามดราชินีจะต้องได้ปรากฏสู่สายตาทุกคน ฉันหวังเพียงแค่ฉันจะได้ทำตามเจตนารมณ์ของคุณค่ะ…
“จู้ซิงมีเดียจะดูแลครอบครัวของคุณแทนคุณเองค่ะ…
“ลาก่อนนะคะ เพื่อนของฉัน ฉันหวังว่าตอนนี้คุณจะไปสบายและได้อยู่บนสรวงสวรรค์นะคะ”
ถังหนิงยืนอยู่ข้างโลงศพในขณะที่เธอกล่าวคำร่ำลากับเฉียวเซิน ชายผู้ที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อความหลงใหลในภาพยนตร์ไซไฟได้จากโลกใบนี้ไปอย่างสงบเสียแล้ว
โม่ถิงโอบไหล่ถังหนิงและช่วยเธอปาดน้ำตาพลางทัดผมข้างหูของเธอก่อนเอ่ยปลอบโยน “การจากลาเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมมั่นใจว่าเฉียวเซินจะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจจริงของคุณครับ”