วันรุ่งขึ้นจ้าวเหวินเทาขับรถจักรยานยนต์สามล้อมารับพี่สามของภรรยา

จากนั้นก็มาธนาคารเพื่อกดเงินให้พี่สามด้วย ทั้งหมดถูกรวมเข้าด้วยกัน เป็นจำนวนเงิน 740 หยวน ไม่ขาดแม้แต่เฟินเดียว

“เหวินเทา นายให้เงินฉันเยอะแยะขนาดนี้ทำไมเนี่ย?” เย่หมิงเป่ยอดไม่ได้ที่จะถาม

“พี่สาม เงินสี่สิบหยวนนี้เป็นเงินค่าของที่ยังไม่ได้จ่ายเมื่อวาน ผมคำนวณให้พี่ไว้ก่อน หลังจากนี้ค่อยไปคิดบัญชีกับทางสถานีส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรเอง ส่วนเงินเจ็ดร้อยหยวนนี้เป็นเงินค่ารถ ให้ราคาหกร้อยหยวนถือว่าเอาเปรียบพี่เกินไป เจ็ดร้อยนี่แหละกำลังดี” จ้าวเหวินเทากล่าว

เย่หมิงเป่ยกล่าว “บอกไปแล้วไงว่าหกร้อยก็หกร้อยสิ”

“เรื่องนี้ภรรยาผมเป็นคนพูดว่าต้องเจ็ดร้อย พี่สามเอาไปเถอะ พี่อย่าทำให้ผมต้องลำบากตอนกลับไปอธิบายเลย” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม

เป็นเพราะหลังจากนี้จ้าวเหวินเทายังต้องขนของอีกสองเที่ยว ดังนั้นจึงบอกเย่หมิงเป่ยว่าเมื่อไปถึงปักกิ่งแล้ว ให้โทรศัพท์ไปที่ห้องจดหมายของสถานีส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตร

จากนั้นเย่หมิงเป่ยก็นั่งรถเข้าไปในตัวจังหวัด และต่อรถไฟจากในจังหวัดไปที่เมืองหลวง

แม้เย่หมิงเป่ยจะนั่งรถไฟเดินทางไกลไปยังเมืองหลวงที่เป็นสถานที่แบบนั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อเย่หรือคุณแม่เย่ ต่างก็ไม่มีใครเป็นกังวลเขา

โตขนาดนั้นแล้วยังมีอะไรต้องกังวลอีก อีกอย่างเงินก็เตรียมไปพอแล้ว ลูกสาวกลับมาบอกแล้วว่าให้เงินกับพี่สามไปเจ็ดร้อยหยวน ไม่ได้เอาเปรียบอะไร

นอกจากนี้พวกเขาทั้งสองยังให้เงินไปสองร้อยหยวน แถมตัวเขาเองก็ยังต้องมีเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกสองสามร้อยหยวนด้วย

ถ้าเป็นแบบนี้แล้วจะเกิดเรื่องอะไรได้อีก เจ้าเด็กคนนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นคนในบ้านแล้ว หลังจากนี้แก่ตัวไปยังจะหวังอะไรได้อีก?

ยังดีที่หลังจากนั้นสองวัน ลูกชายก็ส่งโทรเลขกลับมาบอกว่าถึงอย่างปลอดภัย

เมื่อทราบว่าเขาและภรรยาได้เจอกันแล้ว จึงรู้สึกโล่งอก

คุณแม่เย่อยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรต้องทำ จึงมานั่งพูดคุยกับลูกสาวที่บ้านตระกูลจ้าว

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่คะ ตอนนี้ก็สบายใจได้แล้วสินะ? ลูกสะใภ้ของแม่คนนี้หนีไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างมีหล่อนอยู่ หลังจากนี้หลานชายหลานสาวของแม่คงได้ถูกอบรมสั่งสอนจนกลายเป็นนักศึกษา จะต้องเป็นคนที่โดดเด่นเชียวล่ะค่ะ”

คุณแม่เย่ตำหนิด้วยรอยยิ้ม “แม่ไม่ได้ขออย่างอื่นหรอก ขอแค่พวกเขาสองสามีภรรยาได้ใช้ชีวิตดี ๆ ก็พอแล้ว” ระหว่างที่พูดก็ถอนหายใจออกมา นางพูดตามความจริง “พูดจริง ๆ นะ ที่พี่สะใภ้สามของแกกลับมาเมื่อปีที่แล้วมันเหนือความคาดหมายของแม่จริง ๆ ตั้งแต่พี่สามของแกปกป้องหล่อนแบบหัวเด็ดตีนขาดเพื่อให้หล่อนไปเรียนมหาวิทยาลัย แม่ก็คิดว่าชะตากรรมแม่สามีลูกสะใภ้กับลูกสะใภ้คนนี้คงได้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว”

เย่ฉูฉู่เองก็ยิ้ม “แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าแม่คิดผิด พี่สะใภ้สามกับพี่สามก็ยังรักกันดีนะคะ”

“ดีมันก็ดีอยู่หรอก แต่ก่อนหน้านี้ ในใจของแม่ก็เอาแต่แอบไม่เข้าใจอยู่เหมือนกัน” คุณแม่เย่กล่าว

“คุณแม่ไม่เข้าใจอะไรคะ?” เย่ฉูฉู่เอ่ยถาม

คุณแม่เย่กล่าว “พี่สะใภ้สามของแกหน้าตาเป็นยังไงล่ะ? ในกลุ่มยุวปัญญาชนหญิงกลุ่มแรก หล่อนน่ะน่าดึงดูดที่สุด หลังจากนั้นก็เกือบจะถูกคนอื่นเอาเปรียบ ดีที่พี่สามของแกไปช่วยหล่อนได้ทันเวลา จากนั้นหล่อนก็แต่งงานกับพี่สามของแก ตอนนั้นแม่คัดค้านที่พี่ชายของแกจะแต่งงานกับหล่อน แกเองก็รู้ดี แต่ก็เปลี่ยนใจพี่สามของแกไม่ได้ จึงได้แค่พยักหน้ายอมรับ แต่หลังจากแต่งงานหล่อนก็ยังเป็นเหมือนเดิม แทบจะไม่ได้เห็นตระกูลเย่ของเราเป็นคนในครอบครัวเลย ทำท่าทางเหมือนกับเป็นแขกอย่างนั้นแหละ”

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นก็เป็นเพราะยังแต่งเข้าบ้านมาไม่นานไม่ใช่เหรอคะ”

“จะเป็นเพราะแต่งเข้าบ้านมาไม่นานหรือเปล่า มีเหรอที่แม่จะไม่รู้อยู่ในใจ?” คุณแม่เย่กล่าว

“พี่สะใภ้สามคนนั้นก็ชอบพี่สาม ไม่งั้นจากนิสัยของหล่อนแล้ว จะแต่งงานกับพี่สามได้ยังไงกันล่ะคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าว

คุณแม่เย่เองก็ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่คุณแม่เย่เป็นคนแบบไหน มีเหรอที่นางจะไม่มีประสบการณ์?

“ความชอบมันกินได้หรือไง ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชาย ก็ต้องมีเสื้อใส่มีข้าวให้กิน!” คุณแม่เย่กล่าว “ตอนที่ในชนบทยังดี ๆ แม่เองก็ไม่ได้กังวลมากมายขนาดนั้น คิดว่ารอให้คลอดลูกออกมา ถึงเวลานั้นก็สามารถทำใจใช้ชีวิตกับพี่สามของแกได้เป็นอย่างดี ใครจะไปคิดว่าจะเกิดการฟื้นฟูสอบเข้ามหาลัย แถมหล่อนยังสอบเข้ามหาลัยที่เมืองหลวงฝั่งนั้นติดอีก ระยะห่างระหว่างหล่อนและพี่สามของแกจึงห่างออกจากกัน ก็เหมือนกบในกะลากับหงส์ขาวบนฟ้านั่นแหละ”

เย่ฉูฉู่ฟังแม่ของนางพูดต่อไป

“แกคงไม่รู้ว่าตอนนั้นแม่กังวลใจมาก แม่รู้ว่าถ้าหล่อนไปแล้วคงไม่มีทางกลับมาอีก ดังนั้นแม่จึงให้พี่สามของลูกรั้งหล่อนไว้หลายต่อหลายครั้ง แต่พี่สามคนเซ่อของลูกกลับไม่รั้งหล่อนไว้ เอาแต่พูดว่าภรรยาจะไม่ทิ้งเขาและจะกลับมา แกคงไม่รู้ว่าตอนนั้นแม่โกรธเขาแทบแย่ ภายหลังก็เลือกที่จะไม่สนใจ ปล่อยให้พี่สามของแกไปส่งหล่อนขึ้นรถ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วพี่สามของแกก็จะเข้าใจเอง หยุดคิดได้ก็ดีเหมือนกัน” คุณแม่เย่กล่าว

ตอนนั้นคุณแม่เย่คิดแบบนี้จริง ๆ เพราะโจวหมิ่นลูกสะใภ้คนนี้อายุยังน้อยขนาดนั้น ทั้งยังไม่มีลูก และเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่ามีอนาคตไม่สิ้นสุด

หงส์ขาวแบบนี้เมื่อได้โบยบินออกไปแล้ว ยังคิดจะกลับมาในทุ่งเล็ก ๆ เพื่อมาหากบตัวนี้ที่เคยปลอบประโลมหล่อนเหรอ?

เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

คุณแม่เย่เองก็เป็นผู้หญิง นางเข้าใจความคิดนี้เป็นอย่างมาก ได้เห็นโลกที่กว้างใหญ่มากยิ่งขึ้น จะคิดถึงกบตัวนั้นที่อยู่ในทุ่งนาหรือไม่มันยังเป็นคนละเรื่องกันเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกลับมาหา

“ดังนั้นเมื่อพี่สะใภ้สามของแกยังกลับมาในครั้งนี้ แม่จึงรู้สึกคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ” ท้ายที่สุดคุณแม่ก็เย่ถอนหายใจออกมา

คุณแม่เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “บางทีนี่ก็คงจะตรงกับที่บอกว่าหากมีความจริงใจ แม้ว่าศิลาที่แข็งกร้าวก็ยังสั่นสะเทือนและแยกออกได้สินะคะ? พี่สามของฉันถึงจะซื่อบื้อแต่ก็มีความสุขแบบซื่อ ๆ ไม่งั้นถ้าเชื่อคำพูดของพ่อกับแม่ ยอมไปดูตัวเพื่อหาภรรยาใหม่ แบบนั้นก็คงได้เสียพี่สะใภ้สามของฉันไปจริง ๆ”

ช่วงหลายปีนี้ที่โจวหมิ่นเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย พ่อกับแม่ของเธอก็พูดถึงการดูตัวใหม่อีกครั้ง ทั้งยังอยากให้พี่สามของเธอลืมและมีชีวิตใหม่ได้เร็ว ๆ

แต่พี่สามของเธอไม่เห็นด้วย เขาไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด ใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้

คุณแม่เย่แย้มยิ้ม “นั่นก็เป็นเพราะพวกเราคิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้สามของแกจะกลับมา แต่หล่อนก็ยังกลับมา การกลับมาครั้งนี้ แม่รู้สึกได้ว่าหล่อนชอบพี่สามของแกจริง ๆ ทั้งยังเก็บพี่สามของแกไว้ในใจจริง ๆ ด้วย สายตาของหล่อนมีแค่พี่สาม ตอนที่เพิ่งซื้อรถ ก็ซื้อเนื้อหมูจากข้างนอกกลับมาไม่รู้ตั้งเท่าไร เงินนิดหน่อยนั้นที่พี่สามของแกหาได้จากข้างนอก ยังไม่พอค่าหมูที่หล่อนซื้อมาบำรุงให้เขาเลย”

ซื้อหมูจากในหมู่บ้านมาเท่าไรก็นำกลับมาเคี่ยวให้เจ้าสามรับประทาน

ตอนนั้นอย่ามองว่าเจ้าสามออกเช้ากลับดึก แต่สภาพจิตใจของเขายอดเยี่ยมมาก ทั้งหมดก็เป็นเพราะได้รับการดูแลจากหล่อน

ดังนั้น คุณแม่เย่จึงวางใจ ทั้งยังสวมต่างหูออกไปอวดข้างนอกด้วย

แต่เมื่อวางใจอย่างแท้จริง ครั้งนี้โจวหมิ่นก็ส่งข่าวดีกลับมา

คุณแม่เย่ทราบดีว่าเด็กคนนี้ต้องตั้งครรภ์ตอนที่กลับมาอย่างแน่นอน เมื่อลองคำนวณเวลาดูแล้ว ก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร

“ไม่รู้ว่าเด็กในท้องคนนี้จะเป็นลูกชายหรือลูกสาว” คุณแม่เย่กล่าว

เย่ฉูฉู่ร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก แม่ของเธอพูดเปลี่ยนประเด็นได้เร็วจริง ๆ

“แม่ยังสนใจเรื่องนี้อีกเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่หัวเราะ

“ไม่ได้สนใจ ๆ หลัก ๆ ก็คือพี่สะใภ้สามของแกยังต้องเรียนหนังสือ ถ้าเป็นลูกชาย หลังจากนี้ก็ไม่ต้องคลอดคนต่อไปแล้ว จะได้ไม่ทำให้การเรียนของพี่สะใภ้สามของแกล่าช้าด้วย แต่ถ้าเป็นลูกสาว แบบนั้นก็ต้องดูแลร่างกายให้ดี ๆ แล้วรีบลองดูอีกครั้ง ครั้งก่อนพี่สะใภ้สามของแกบอกว่าเตือนแกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็เตือนอีกครั้ง ผ่านไปอีก 2-3 ปี ก็จะถึงเวลาออกเอกสารการวางแผนครอบครัวที่แน่นอนแล้ว” คุณแม่เย่กล่าว

คุณแม่เย่เป็นคนเปิดกว้างอย่างมาก แต่ต่อให้เปิดกว้างมากกว่านี้ก็ยังมีธรรมเนียมที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษอยู่

ไม่ถึงกับต้องคลอดลูกเป็นโขยงก็จริง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีลูกชายสักคนมาสืบสกุล

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เป็นเพราะพี่สะใภ้สามได้มาเกิดใหม่แล้วไม่อยากผิดพลาดซ้ำสองแล้วน่ะค่ะ ถ้าเป็นคนอื่น ๆ คงมีน้อยคนนักที่จะกลับมาที่เดิมหลังได้ไปเห็นโลกกว้างแล้ว

สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะผู้อ่านทุกท่าน

ไหหม่า(海馬)