ตอนที่ 296 อับอาย

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 296 อับอาย

อันหลิงเกอและชางเยว่เมื่อใส่ยาลงในน้ำชาที่อันหลิงอีจักดื่มแล้วก็ค่อย ๆ ออกมาอย่างเงียบเชียบเหมือนมิมีอันใดเกิดขึ้น

อันหลิงอีที่โดนวางยายังมิรู้สึกถึงความผิดปกติ ตอนนี้นางทำลายข้าวของภายในห้องจนหมด แม้แต่เสื้อผ้าก็ถูกตัดเป็นชิ้นจนหมดสิ้น จากนั้นจึงมานั่งหมดแรงอยู่บนเก้าอี้อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

พอนึกถึงสิ่งที่ท่านหมอกล่าวกับนางตอนตรวจอาการ เขาบอกว่านางใช้ชีวิตมิถูกหลักประเพณีจึงมีโอกาสติดกามโรคได้ เมื่อได้ยินดังนั้นใบหน้าของอันหลิงอีก็เข้มขึ้นทันที

นางใช้ชีวิตอย่างมิถูกหลักประเพณีตรงไหน ที่จริงเพราะนางต้องการทำร้ายอันหลิงเกอต่างหาก ทว่าทำมิสำเร็จจนสุดท้ายผลจึงตกมาอยู่ที่ตัวเองเช่นนี้

เป็นเช่นนี้ทุกครั้งไป อันหลิงเกอมักโชคดีรอดพ้นจากแผนการของนางเสมอ แต่ตัวนางเองมิเคยได้รับความเมตตาจากฟ้าดินเลย นอกจากทำร้ายอันหลิงเกอมิสำเร็จ มิหนำซ้ำตนยังโดนเล่นงานจากแผนการที่วางเอาไว้เองทุกครั้งไป !

มิได้ นางจักมานั่งรอความตายเฉย ๆ มิได้ หากติดโรคจริง…

แววตาของอันหลิงอีฉายแววชั่วร้ายขึ้นทันทีราวกับมีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากดวงตาคู่นั้น

ต่อให้ต้องใช้วิธีชั่วร้ายเพียงใด นางก็มิยอมให้ตนติดกามโรคแล้วนั่งรอความตายแน่นอน !

หากมีคนมาเห็นท่าทางชั่วร้ายของอันหลิงอีในยามนี้คงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเป็นแน่

“เข้ามา ! ”

อันหลิงอีคล้ายตัดสินใจบางอย่างได้จึงส่งเสียงเรียกสาวใช้ดังลั่น

ตอนนี้ท่านแม่กำลังไปตามหาผู้อาวุโสยอดฝีมือที่รู้ว่าจักรักษากามโรคได้อย่างไร ขอเพียง…นางกำหมัดแน่น ทันใดนั้นก็มีสาวใช้คนหนึ่งเดินก้มหน้าเข้ามา “คุณหนูต้องการสิ่งใดเจ้าคะ ? ”

สาวใช้คนนั้นมิกล้าเงยหน้ามองใบหน้าของอันหลิงอี นางรู้ดีว่าอันหลิงอีมีอารมณ์รุนแรงยิ่งตอนนี้อารมณ์มิดีด้วยแล้ว ถ้านางเผลอทำในสิ่งที่มิเข้าตาก็อาจโดนลงโทษก็ได้

ท่าทางตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวกลับทำให้อันหลิงอียิ่งรู้สึกหงุดหงิดไปอีก

แต่พอนึกถึงแผนการของตน นางก็มิอยากใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

“เจ้าไปดูที่เรือนท่านย่าทีว่าผ้าปักลายของข้ายังอยู่หรือไม่ หากยังอยู่ก็ให้นำมันกลับมาด้วย”

นี่มิใช่เรื่องใหญ่อันใด เมื่อสาวใช้ได้ยินจึงรีบรับคำทันที เกรงว่าตอบรับช้าแล้วจักทำให้อันหลิงอีโมโหขึ้นมาอีก

ทว่าที่จริงแล้วตอนนี้อันหลิงอีกำลังนึกถึงเรื่องสำคัญอยู่จึงมิมีเวลาสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เมื่อสั่งสาวใช้เสร็จนางก็โบกมือให้ออกไปทันที

ภายในเรือนเงียบสงบลงชั่วพริบตา มีเพียงเสียงของจิ้งหรีดและแมลงอยู่ตามต้นไม้ใบหญ้าเท่านั้นที่ยังส่งเสียงร้องอย่างเพลิดเพลินท่ามกลางฤดูร้อน

อันหลิงอีนึกถึงแผนการของตนแล้วเดินไปดับตะเกียงด้วยความหงุดหงิด แต่มิทันสังเกตเห็นเงาคนเคลื่อนผ่านนอกหน้าต่าง

“กรี๊ด ! ”

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่สาวใช้และบ่าวผู้ชายส่วนใหญ่ยังมิทันตื่นนอน เรือนของอันหลิงอีก็มีเสียงกรีดร้องดังจนแสบแก้วหูลอยออกมา

เสียงร้องนั้นดังลั่นจนเกือบได้ยินทั่วทั้งจวน

เรือนของหลี่ซื่ออยู่ติดกับเรือนของอันหลิงอี เมื่อได้ยินเสียงร้องจึงรีบเดินมาที่เรือนของอันหลิงอีด้วยความตกใจ

“อีเอ๋อ เกิดเรื่องอันใดขึ้น ? ”

นางเดินเข้าไปอย่างรีบร้อนและสะดุดชายกระโปรงของตนจนเกือบล้มลงกับพื้น

ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมา ภาพที่ปรากฏตรงหน้ากลับเป็นสิ่งที่ทำให้หลี่ซื่ออยากตายเสียตรงนั้น

นางเห็นห้องของอันหลิงอีมีชายแปลกหน้าคนหนึ่ง อีกทั้งชายคนนั้นยังนอนอยู่บนเตียงของอันหลิงอีโดยท่อนบนปราศจากเสื้อผ้า ส่วนอันหลิงอีก็นั่งมองอย่างตกตะลึงอยู่ด้านข้างในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย

“นี่มันเรื่องอันใด ! ”

แม้ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำให้นางเกือบหมดสติ แต่หลี่ซื่อก็ยังกัดฟันฝืนเอาไว้ จากนั้นจึงวางอำนาจของนายหญิงของจวนออกมาทันที

อันหลิงอีจักไปรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอันใดขึ้น ?

นางตื่นมาก็พบว่าโดนชายแปลกหน้ากอดเอาไว้แนบอก อีกทั้งเขายังเปลือยท่อนบนและนอนอยู่บนเตียงของนางเอง !

ยังมีเรื่องใดที่น่ากลัวกว่านี้ ?

นางกำลังตกตะลึง มิรู้ว่าควรทำอย่างไร

ภาพตรงหน้าทำให้นางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวัดชิงหยุนครานั้น นางต้องการใส่ร้ายอันหลิงเกอ ทว่าต่อมานางก็โดนทุกคนพบว่ากำลังนอนกอดกับบุรุษผู้หนึ่งอยู่

ความอัปยศในครั้งนั้นเป็นสิ่งที่นางมิมีทางลืมไปชั่วชีวิต !

แต่ตอนนั้นเพราะอยู่ในวัดชิงหยุน นางจึงทำอันใดมากมิได้ แต่ที่นี่คือจวนโหว แล้วเหตุใดจึงมีคนบุกเข้ามาง่ายดายเช่นนี้ !

ใบหน้าของอันหลิงอีซีดเผือดทันที นางไร้จิตใจไปสนใจชายแปลกหน้าคนนั้น เมื่อเห็นมารดาอยู่ตรงหน้า ดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้นมาทันทีราวกับได้เห็นผู้ที่มาช่วยชีวิตเอาไว้

“ท่านแม่ ท่านแม่ช่วยลูกด้วย”

นางร้อนรนจนแทบร้องไห้ออกมา น้ำตาที่คลอเบ้าหาใช่ท่าทางเสแสร้งดั่งที่ผ่านมาอีกแล้ว ท่าทางตื่นตระหนกของนางทำให้หลี่ซื่อรู้สึกสงสารจับใจ

หลี่ซื่อรีบเดินเข้าไปหาอันหลิงอีแล้วคว้ามือของนางเอาไว้ มิได้สนใจชายแปลกหน้าคนนั้นแม้แต่น้อยพลางจ้องมองสาวใช้ที่วิ่งเข้ามาด้วยสายตาเย็นเฉียบ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยอำนาจ “จับตัวโจรชั่วไปเดี๋ยวนี้ กล้าดีอย่างไรจึงเข้ามาขโมยของถึงในนี้ ! ”

นางอาศัยจังหวะที่ยังมิมีใครพบเห็นเรื่องนี้แสร้งทำเป็นว่ามีโจรเข้ามาที่เรือนของอันหลิงอีแทน จากนั้นก็จักฝังกลบเรื่องนี้ไปตลอดกาล

ส่วนพวกสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์คงมิกล้ากล่าวเรื่องนี้ออกไปอยู่แล้ว !

เหล่าสาวใช้ล้วนเป็นคนฉลาดมิน้อย ตอนที่เห็นชายแปลกหน้าอยู่บนเตียงของอันหลิงอี ใบหน้าของพวกนางกลับซีดยิ่งกว่าใบหน้าของอันหลิงอีเสียอีก

เจ้านายของพวกตนโดนชายแปลกหน้าทำลายความบริสุทธิ์ หลี่ซื่อต้องโทษว่าเป็นความผิดของพวกนางที่ดูแลนายมิดีอย่างแน่นอน

หากโทษว่าชายคนนั้นเป็นขโมยแทนก็เท่ากับรักษาชื่อเสียงของอันหลิงอีไว้ได้ ต่อให้หลี่ซื่ออยากลงโทษพวกนางก็ต้องมีข้ออ้างถึงจักทำได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเหล่าสาวใช้จึงมิสนใจความจริงใดอีก พวกนางพุ่งไปที่ชายแปลกหน้าคนนั้นทันที

แต่ชายคนนั้นก็ใช่ว่าจักยอมใครโดยง่าย เมื่อเห็นเหล่าสาวใช้พุ่งเข้ามา เขาจึงส่งเสียงร้องตะโกนออกไปทันที “กล่าวเช่นนี้ก็มิถูก แม่นาง เจ้าชวนข้ามาเล่นสนุกเอง พอเสร็จสมก็ให้คนมาจับข้าอย่างนั้นหรือ ? เจ้าฝันไปเถิด ! ”

เขาถุยน้ำลายลงพื้น จากนั้นก็หันไปมองอันหลิงอีด้วยแววตาราวกับมองของน่าขยะแขยง

อันหลิงอีสั่นไปทั้งกาย นางทั้งโกรธทั้งกลัว

หรือนางโดนชายแปลกหน้าคนนี้ทำลายความบริสุทธิ์แล้วจริง ๆ

นางก้มมองแขนที่อยู่นอกเสื้อก็มีแต่รอยช้ำม่วงเขียวอยู่เต็มไปหมด แต่เหตุใดนางถึงจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมิได้เลย !

“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล ! ”

อันหลิงอีถลึงตาใส่ ดวงตาที่มองชายคนนั้นราวกับจักแผดเผาเขาให้มอดไหม้

“เจ้าคิดว่าบุกเข้าเรือนของข้าแล้วจักได้เข้ามาอยู่ในจวนนี้หรือ ? มิส่องกระจกดูเงาเอาเสียเลย น้ำหน้าเยี่ยงเจ้าทำราวกับข้าจักสนใจลง”

คำพูดของนางเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามและไร้การถนอมน้ำใจ “เป็นแค่สุนัขริอ่านคิดเด็ดดอกฟ้าก็ต้องดูสารรูปของตนเองด้วย ! ”

ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้ามากมายดังขึ้น สายตาของหลี่ซื่อจึงเต็มไปด้วยความร้อนรน

นางจึงส่งสายตาให้สาวใช้รีบนำเสื้อคลุมมาให้อันหลิงอีก็เป็นจังหวะที่อันอิงเฉิงเดินเข้ามาพอดี