ตอนที่ 38 โลหิตมังกร

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 38

โลหิตมังกร

 

“ตามข้ามา”อาวุโสเทียนหมิงพาไป๋จูเหวินเข้ามาในเขตรับรองของสำนักยอดเมฆา โดยภายในมีบ้านเพียงหลังเดียวแถมยังเป้นบ้านที่สวยงามราวกับจงใจตกแต่งไว้โอ้อวดโดยเฉพาะ หลังจากเดินเข้ามาในตัวบ้านอาวุโสเทียนหมิงก็พาไป๋จูเหวินเดินไปที่ห้องๆหนึ่งที่อยู่บนชั้นสอง

“มันคือศิษย์ของข้า”อาวุโสเทียนหมิงพูดพลางนั่งลงข้างๆร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่บนชั้นสอง หากดูจากภายนอกมันอายุใกล้เคียงกับไป๋จูเหวินทีเดียว แต่พลังวิญญาณในร่างกลับมากกว่าไป๋จูเหวินหลายขั้น อาจจะอยู่ระดับหลอมรวมปฐพีแล้วก็เป็นได้

“ขอข้าดูอาการได้หรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางนั่งลงตรงข้ามกับอาวุโสเทียนหมิง

“เจ้ารู้วิชาแพทย์งั้นหรือ”อาวุโสเทียนหมิงเลิกคิ้วพลางมองไป๋จูเหวินอย่างประหลาดใจ

“ขอรับ ท่านน้าสั่งสอนวิชาหลายๆอย่างให้ข้าตั้งแต่เด็ก”ไป๋จูเหวินตอบเสียงเรียบพลางก้มมองศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิงอย่างตั้งใจ หากมองภายนอกแล้วมันเป็นบุรุษรูปงามไม่น้อยเลย แม้จะหน้าซีดเผือดเพราะอาการบาดเจ็บแต่ท่าทางเป็นคนจริงจังมุ่งมั่น

วูบ… อยู่ๆดวงตาของไป๋จูเหวินก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม ทำให้ภาพของชายหนุ่มเปลี่ยนแปลงไปราวกับผิวหนังของมันโปร่งแสง ไป๋จูเหวินค่อยๆมองทะลุเข้าไปในร่างกายผ่านกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูกจนถึงอวัยวะภายใน

“เอาเถอะ เจ้าลองตรวจสอบดูก็แล้วกัน”อาวุโสเทียนหมิงพยักหน้าช้าๆ ในเมื่อน้าของมันสามารถใช้สมุนไพรสร้างร่างแบบเด็กหนุ่มคนนี้ได้ วิชาแพทที่ล้ำเรียนมาจากน้าของมันย่อมไม่ธรรมดา

“กระดูกซี๋โครงแตกละเอียด ปอดฉีกขาด แถมหัวใจยังได้รับความเสียหาย”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไล่ตามร่างกายของชายหนุ่ม อาการบาดเจ็บเช่นนี้น่าจะมาจากการโจมตีที่รุนแรงมากๆ แต่คาดว่าคงผ่านมานานแล้วร่างกายภายนอกจึงไม่เหลือร่องรอยบาดเจ็บเลย แต่ถึงจะผ่านมานานขนาดนั้นยังเหลือร่องรอยมากมายเช่นนี้สภาพตอนบาดเจ็บใหม่ๆคงดูไม่ได้แน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นอาการบาดเจ็บพวกนี้กลับไม่ถึงชีวิต กระดูกเองก็สมานกันไปมากแล้ว ปอดและหัวใจก็เหมือนจะกลับมาดีดังเดิม ทำให้ไป๋จูเหวินคาดว่าที่อาการบาดเจ็บยังไม่หายไปเพราะส่วนของพลังวิญญาณมากกว่า

ดวงตาของไป๋จูเหวินเปลี่ยนเป็นสีม่วงเพื่อตรวจสอบพลังวิญญาณอีกครั้งอย่างระเอียด คราวนี้มันไม่ได้มองแค่ระดับของพลังวิญญาณ แต่มองกระแสการไหลของพลังวิญญาณไปด้วย

“จุดตันเถียนได้รับความเสียหายนี่เอง แก่นอส..ไม่สิผลึกวิญญาณในร่างถึงกับมีรอยร้าว”ไป๋จูเหวินพูดจบ ดวงตาของอาวุโสเทียนหมิงก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที ไม่ใช่ว่าแพทย์คนอื่นจะวินิจฉัยไม่ได้ว่าเป็นเพราะจุดตันเถียนเสียหาย แต่ที่มันประหลาดใจคือไป๋จูเหวินไม่แม้จะจับชีพจร แต่กลับเพียงจ้องมองร่างของศิษย์มันผ่านเสื้อผ้าเท่านั้น

“เจ้ารักษาได้หรือไม่…”อาวุโสเทียนหมิงถามพลางกอดอกแน่น ยามนี้มันเริ่มระแคะระคายกับดวงตาที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว ตอนแรกที่เจอมันมีดวงตาสีแดง เมื่อครู่มันมีดวงตาสีเขียวและม่วง หรือจะเป็นพลังของอสูรที่เป็นเจ้าของแก่นอสูรที่มันกลืนเข้าไปกัน…

“ได้ขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบ แม้สมุนไพรที่มันมีจะไม่พอหลอมยาที่ช่วยรักษาศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิงได้ แต่ยาที่ท่านน้าราชสีห์ให้มากลับสามารถทำได้

“จะ…จริงหรือ”อาวุโสเทียนหมิงเบิกตากว้าง คำตอบของแพทย์ที่พบทุกคนต่างบอกว่ารักษาไม่ได้ทั้งสิ้น หรือไม่ก็รักษาได้แต่ต้องทำลายพลังวิญญาณของศิษย์มันจนไม่อาจฝึกฝนพลังวิญญาณได้ เรียกได้ว่าไม่ตายก็มีชีวิตม่ต่างจากคนพิกาล

“ยาพวกนี้ท่านน้าให้ข้าติดตัวเอาไว้”ไป๋จูเหวินว่าพลางหยิบขวดยารูปต้นหญ้าและขวดรูปพระจันทร์ออกมา ภายในขวดแต่ละขวดมียาอยู่หลายสิบเม็ด มากพอที่ไป๋จูเหวินจะนำมาแบ่งให้ผู้อื่นได้ในบางครั้งโดยไม่ต้องเสียดาย อย่าว่าแต่มันกลับไปยังเขตอสูรก็สามารถขอท่านน้าราชสีห์หรือหลอมเองใหม่ได้ทุกเมื่อ

“ยานี่มันอะไรกัน…”ทันทีที่ไป๋จูเหวินเปิดฝาขวดออก ร่างกายของเทียนหมิงก็สั่นสะท้าน แม้จะเป็นยาเม็ดลูกกลอนแต่กลิ่นของมันก็ตลบอบอวลราวกับลอยออกมาจากหม้อต้มยา กลิ่นของสมุนไพรหลากหลายแม้แต่ตัวมันที่ใช้ชีวิตมายาวนานยังแยกกลิ่นได้ไม่กี่อย่างเท่านั้น แต่ทุกกลิ่นที่มันแยกออกก็ทำเอาร่างของมันเย็นเฉียบไปหมด

ทันทีที่ไป๋จูเหวินป้อนยาเม็ดแรกเข้าปากของลูกศิษย์อาวุโสเทียนหมิง ไม่นานใบหน้าของมันก็กลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง ทั้งนี้เพราะยาเม็ดแรกเป็นยารักษาทั่วไป เพราะร่างกายส่วนใหญ่รักษาตัวเองจนอาการบาดเจ็บลดลงไปมากแล้ว จึงไม่ต้องใช้ยารักษาฉุกเฉินแต่อย่างไร

“ยอดเยี่ยม”อาวุโสเทียนหมิงพูดพลางมองร่างของลูกศิษย์อย่างดีใจ ยาที่ไป๋จูเหวินป้อนให้ศิษย์มันล้วนหลอมมาจากสมุนไพรล้ำค่า เพียงไม่กี่อึดใจอาการบาดเจ็บตกค้างบนร่างก็แทบจะหายสนิท นับว่าเป็นยาที่ได้ผลรวดเร็วทีเดียว

อาวุโสเทียนหมิงยังไม่หายดีใจ ไป๋จูเหวินก็ป้อนยาอีกเม็ดให้ลูกศิษย์มันในทันที แต่เดิมยาในขวดรูปพระจันทร์เป็นยาที่ใช้สำหรับฟื้นฟูพลังวิญญาณ แต่เพราะผลของสมุนไพรมากมายที่ท่านน้าราชสีห์หลอมรวมลงไปทำให้มีผลในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากพลังวิญญาณอีกด้วย ทำให้อาการบาดเจ็บที่จุดตันเถียนจะสามารถรักษาได้ด้วยยาเม็ดนี้เช่นกัรรวมทั้งผลึกวิญญาณที่เสียหายด้วย

“เป็นเช่นไรบ้าง”อาวุโสเทียนหมิงถามพลางมองใบหน้าของลูกศิษย์ตนเอง หากมองภายนอกยามนี้มันดูเหมือนคนนอนหลับปกติเท่านั้น

“อาการบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรง คาดว่าพรุ่งนี้เขาถึงจะได้สติ”ไป๋จูเหวินตอบ

“เช่นนั้นหรือ เจ้านี่ช่างเป็นแพทย์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”อาวุโสเทียนหมิงถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ในใจหนึ่งมันก็ลอบครุ่นคิดว่าน้าของเจ้าหนุ่มนี่คือใครกันแน่ เพราะในโลกใบนี้ตัวมันถูกยกย่องเป็นเซียนกระบี่เรียกได้ว่าเป็นบุคคลในตำนานที่แทบจะกลายเป็นเทพเซียนสำหรับมนุษย์ แต่ตัวมันกลับไม่สามารถนึกออกว่าใครกันที่สามารถเดินเข้าไปนำสมุนไพรหายากจากเขตอสูรมาได้ราวกับเป็นสวนสมุนไพรของตนเอง แล้วน้าของมันเป็นใครกันถึงได้ปรุงยาออกมาได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้

คราแรกอาวุโสเทียนหมิงแอบคิดว่าน้าของเจ้าเด็กนี่อาจจะเป็นหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูร แต่หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่ไม่มีพี่น้อง แถมตัวมันก็เหลือเพียงบุตรสาวคนเดียว แม้จะมีความเป็นไปได้ว่าพ่อแม่ของเจ้าหนุ่มนี่จะเป็นคนรู้จักของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูร แต่ก็ต้องตัดทิ้งไปเพราะแม้แต่ตัวหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรเองยังไม่สามารถเข้าไปในเขตอสูรได้ตามใจ แถมหลายสิบปีมานี้ตัวมันหมกมุ่นอยู่กับการทดลองประหลาดของมันจนไม่ได้ออกจากเมืองร้อยแปดอสูรเลย

“เจ้าหนู น้าของเจ้าเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับใด”เพราะเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้ เทียนหมิงจึงถามออกมา

“เปล่าขอรับ ท่านน้าของข้าไม่มีพลังวิญญาณเลย”ไป๋จูเหวินตอบ ทำเอาอาวุโสเทียนหมิงนิ่งอึ้งไป หากน้าของมันเป็นคนธรรมดา เช่นนั้นน้าของมันคงเป็นผู้มีอำนาจแน่ๆถึงสามารถหาสมุนไพรจากเขตอสูรมาได้ แถมยังสามารถปรุงยาได้น่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้หรือน้าของมันจะเป็นหมอเทวดากันแน่

“เจ้าหนู น้าของเจ้าไม่มีพลังวิญญาณเขาก็เลยไม่มีเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังวิญญาณใช่หรือไม่”อาวุโสเทียนหมิงถามขึ้น เพราะในที่สุดมันก็เข้าใจเรื่องหนึ่งเสียที นั่นคือการที่ไป๋จูเหวินมีร่างกายที่น่าเหลือเชื่อขนาดนี้ แต่พลังวิญญาณกลับต่ำต้อยราวกับไม่รู้วิธีฝึกฝน นั่นเพราะตัวมันไม่มีวิธีฝึกฝนพลังวิญญาณจริงๆนั่นเอง

“ขอรับ ท่านน้าส่งให้ข้ามาเข้าสำนักฝึกฝนพลังวิญญาณเพื่อเรียนรู้วิธีใช้พลังวิญญาณเอาเองขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบ

“เช่นนั้นยามนี้เจ้าก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาโลหิตปะทุอยู่สินะ”ที่มันถามเช่นนี้เพราะไป๋จูเหวินสวมชุดของสำนักธารโลหิต หากมันไม่ใช่นักล่าอสูรมันก็ต้องเป็นศิษย์สำนักธาณโลหิตอย่างแน่นอน

“ขอรับ”พอได้ยินคำถามของอาวุโสไป๋จูเหวินก็ตอบรับอย่างตรงไปตรงมา

“น่าเสียดายจริงๆ”อาวุโสเทียนหมิงถอนหายใจพลางมองร่างกายของไป๋จูเหวินช้าๆ ร่างกายของมันยอดเยี่ยมจริงๆ อาจจะยอดเยี่ยมกว่าศิษย์ของมันเสียอีก แต่เพราะไป๋จูเหวินใช้เคล็ดวิชาระดับต่ำเกินไปพลังวิญญาณเลยพัฒนาได้ช้ามาก หากมีผู้ใดให้เคล็ดฝึกฝนที่เหมาะสมแก่มัน บางทีอาจจะ….

“เจ้าหนู รับสิ่งนี้ไป”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางยื่นตำราให้ไป๋จูเหวินเล่มหนึ่ง

“อาวุโส นี่คือ…”ไป๋จูเหวินมองตำราในมือพลางลองเปิดอ่านเนื้อความภายใน

“มันคือเคล็ดวิชาโลหิตมังกร เป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังวิญญาณที่ดีกว่าที่เจ้ามีหลายขั้นทีเดียว”อาวุโสเทียนหมิงยิ้มพลางมองตำราในมือของไป๋จูเหวิน ตัวมันไม่สามารถมอบเคล็ดวิชาเงาสะท้อนจันทร์อันเป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังวิญญาณของมันให้ไป๋จูเหวินได้เพราะไป๋จูเหวินไม่ใช่ศิษย์ของมัน และมันก็มีศิษย์ของตนเองอยู่แล้ว เคล็ดวิชาดังกล่าวจึงถ่ายทอดเพียงศิษย์ของมันผู้เดียวเท่านั้น แต่โชคดีที่มันมีเคล็ดวิชาอื่นๆอีกไม่น้อย แม้จะไม่ยอดเยี่ยมเท่าเคล็ดเงาสะท้อนจันทร์อันเป็นเคล็ดวิชาเลื่องชื่อของเซียนกระบี่ แต่โลหิตมังกรก็เป็นเคล็ดวิชาที่เหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณส่วนใหญ่ต้องการ

“รับมันไปซะ ถือซะว่าเป็นค่ารักษาของศิษย์ข้า”อาวุโสเทียนหมิงยิ้มอย่างอ่อนโยน ตัวมันเตรียมเสี่ยงตายเข้าเขตอสูรเพื่อหาสมุนไพรมารักษาศิษย์รัก อย่าว่าแต่ตำราฝึกฝนเพียงเล่มเดียวเลย หากมันพลาดท่าในเขตอสูรบางทีแม้แต่วิชากระบี่และเคล็ดเงาสะท้อนจันทร์ก็อาจจะหายสาบสูญไป เช่นเดียวกับยอดฝีมือในอดีตหลายๆท่าน ราคาที่มันจ่ายคราวนี้จึงนับว่าถูกมาก

“เช่นนั้น…ขอบคุณผู้อาวุโส”ไป๋จูเหวินยอมรับตำรามาแต่โดยดี ทั้งนี้ตัวมันก็ลำบากในการฝึกฝนพลังจริงๆ เพราะพลังวิญญาณที่ได้จากเคล็ดโลหิตปะทุเริ่มไม่พอที่จะหมุนพลังทั้งสองขั้วเสียแล้ว

“แต่ข้าอยากจะเตือนเจ้าอย่างหนึ่ง เจ้าห้ามนำตำราเล่มนี้ไปมอบให้ผู้อื่นโดยเด็ดขาด รับปากข้าได้หรือไม่”อาวุโสเทียนหมิงวางเงื่อนไขด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้ไป๋จูเหวินยอมรับคำแต่โดยดี ทั้งนี้เพราะเคล็ดโลหิตมังกรเป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนที่ทรงพลังอย่างมาก แต่ผู้ฝึกหากไม่มีกำลังมากพอจะทนรับผลของมันผลสุดท้ายก็คงธาตุไฟแตกจนตายไปในที่สุด สาเหตุที่เทียนหมิงมอบเคล็ดวิชาฉบับนี้ให้ไป๋จูเหวินเพราะมันมีร่างกายที่สามารถทนต่อการฝึกเคล็ดวิชาโลหิตมังกรได้แต่แรกแล้ว

“จริงสิ เจ้ามีนามว่าอะไร”อาวุโสเทียนหมิงถามหลังจากเห็นไป๋จูเหวินเก็บตำราเข้าไปในแหวนมิติ

“ไป๋จูเหวินขอรับ”ได้ยินชื่อของไป๋จูเหวิน ใบหน้าของอาวุโสเทียนหมิงก็มีสีหน้าครุ่นคิดทันที หากจำไม่ผิดในตำนานเคยมีหมอเทวดาท่านหนึ่งมีชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่าไป๋เช่นกัน หรือน้าที่มันว่าจะเป็นหมอเทวดาท่านนั้น…

“จริงสิ ตัวเจ้าเข้าร่วมการประลองสามสำนักด้วยสินะ”อาวุโสเทียนหมิงถามพลางก้มมองศิษย์ของตนเอง

“ขอรับ ข้าลงประลองในวันที่สาม”ไป๋จูเหวินตอบเสียงเรียบ ตัวมันจะลงประลองในวันสุดท้ายในการประลองของศิษย์เอกของแต่ลพสำนักนั่นเอง

“อืม ข้าขอชมฝีมือของเจ้าหน่อยก็แล้วกัน”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางหัวเราะจนหนวดขาวๆของมันกระดิกเบาๆ