บทที่ 438

บทที่ 438

หลังจากฟังการวิเคราะห์ของเช่าฟ๋าง เช่าติงก็เริ่มคิดหนักแม้จะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าก็ตาม ด้วยเขาตอบรับข้อเสนอของพวกหนิงโดยไม่ได้ไตร่ตรองก่อนจริง ๆ!

ตอนนี้การต่อสู้ระหว่างพวกหนิงกับเฟิงกำลังมาถึงจุดแตกหักแล้ว ส่วนพวกโมอย่างตนที่เคยเป็นคนดูนอกสนามรบกับคิดร่วมกระโจนเข้าร่วมสงครามให้เดือดร้อนเล่นงั้นหรือ ?!

เมื่อคิดเช่นนั้น เช่าติงก็ดูจะเริ่มเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว…

แต่ในเมื่อวาจาถูกลั่นออกไปแล้ว มันก็ไม่มีทางแก้ไขได้อีก !!!

เช่าติงเดินกลับมาที่บัลลังก์ของตนเองแล้วพึมพำ “ข้าเอ่ยวาจาตกลงไปแล้ว เช่นนี้ข้าควรทำอย่างไรดี ?”

“ถ้าท่านคืนคำในเวลานี้ ศักดิ์ศรีของท่านจะต้องป่นปี้แน่นอน” จางหลงหวังว่านี่จะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเขาเพื่อที่จะให้กองทัพโมถูกส่งออกไป ดังนั้นจึงพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าได้โอกาส

“ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นข้าน้อย ข้าน้อยก็คงเลือกที่จะเมินเฉย ทำเป็นไม่สนใจเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ตงเฉิงพูดขึ้น

“ถ้าทำเช่นนั้น งั้นแล้วต่อไปใครจะเชื่อใจแคว้นโมได้อีกกัน ?”

“หรือว่าท่านจางต้องการทำให้สถานการณ์ตกต่ำไปจนถึงที่สุดกันล่ะ ?”

จางหลงหน้าซีดที่ได้ยินแบบนั้น ร่างของเขาสั่นเทาด้วยความโกรธ

เช่าติงโบกมืออย่างหมดความอดทน “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว !”

จากนั้นเขาก็หันไปถามกัวฮุยและหลีจิน “กัวฮุย หลีจิน พวกเจ้าคิดว่าไงกันบ้าง ?”

ตำแหน่งของทั้งสองคนนี้ ถ้าเป็นในปัจจุบันคงเทียบได้กับผู้บัญชาการสูงสุดและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม โดยหนึ่งในนั้นจะคอยจัดการปัญหาภายในการทหาร ส่วนอีกคนจะทำหน้าที่ดูแลกองทัพ ซึ่งทั้งสองต่างก็ล้วนเป็นกลางไม่เข้าข้างองค์ชายใดแม้แต่พระองค์เดียว ทำให้คำพูดของพวกเขาดูน่าเชื่อถือพอตัว

และเมื่อได้ยินแบบนั้น หลีจินก็พลันหันมองไปยังกัวฮุย

ส่วนกัวฮุยนั้น เขาก็กำลังครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะตอบออกไปว่า “ฝ่าบาท ข้าคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป ต่อให้ทางผ่านบาจะมีทหารแค่ 3 หมื่นนาย แต่พวกเขาก็มีแม่ทัพอิงปูที่อยู่ที่นั่นมานานกว่า 8 ปี ซึ่งคนผู้นี้นั้นไม่เคยทำพลาดสักครั้ง… แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นมันจึงยากมากที่เราจะส่งกองทัพเข้าไปโจมตีในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราจะต้องวุ่นวายกับการจัดการปัญหาเรื่องเสบียงอื่น ๆ อีกที่จะเป็นภาระในภายภาคหน้าอีก”

เช่าติงถึงกับพูดไม่ออก เช่นเดียวกับพวกขุนนางที่มีสีหน้ามึนงง ก่อนเป็นหลีจินที่พูดขึ้นบ้าง “ฝ่าบาท ข้าว่าข้ามีความคิดดี ๆ ที่จะทำให้ท่านไม่ต้องกลับคำและไม่ต้องเข้าร่วมสงครามกับพวกเฟิงแล้ว”

“รีบบอกมาเร็วเข้า !” เช่าติงพูดอย่างร้อนรน

“ฝ่าบาท ท่านต้องทำเพียงแค่ส่งทหารเข้าไปที่ทางผ่านบา แต่แทนที่จะเข้าโจมตี ท่านก็ทำแค่เพียงป้องกันชายแดนเท่านั้นก็พอ !!”

“จริงด้วย ! ท่านพูดถูก แต่ถ้าพวกหนิงบอกให้เราเข้าโจมตีล่ะ ?”

“มีเหตุผลตั้งมากมายที่ให้ท่านเลือกใช้ฝ่าบาท ไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนอาหาร อาวุธไม่พอ ขนส่งยุทโธปกรณ์ลำบาก ข้าว่าน่าจะใช้ถ่วงเวลาได้เป็นเดือนเลยล่ะ”

เช่าติงที่ได้ฟังก็พลันปรบมือให้กับความเจ้าเล่ห์ของหลีจิน “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก !”

ก่อนที่เขาจะรีบหันมองไปยังขุนนางคนอื่น ๆ “พวกเจ้าคิดว่าแผนนี้เป็นไปได้หรือไม่ ?”

ตงเฟิง เช่าฟ๋าง แม้แต่จางหลงเองก็ไม่กล้าขัดข้องใด ๆ หรือต่อให้มี พวกเขาก็ไม่กล้าพูดมากนักหรอก ด้วยไม่งั้นชีวิตของเขาอาจจะต้องไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายโดยไม่จำเป็น

…เมื่อเรื่องจบลงเช่นนี้ จางหลงก็ได้แต่ถอนหายใจที่ตัวเองไม่อาจแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้านี้ได้เลย

ภายใต้คำแนะนำของตงเฉิงและคนอื่น ๆ เช่าติงพลันทำการส่งทหารไปที่ทางผ่านบาและสั่งให้ทหารตรึงกำลังอยู่ที่ชายแดนเอาไว้

ก่อนที่ไม่นานนักพวกหน่วยข่าวจะทำการส่งข้อมูลของพวกโมไปให้กับถังหยิน

ทางเลือกที่พวกโมใช้ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แต่ถังหยินจะประมาทไม่ได้ เพราะไม่มีใครบอกได้ว่าข้อความของเช่าฟ๋างจริงเท็จมากน้อยเพียงใด ชายหนุ่มจึงได้สั่งให้กองทัพชานซุยไปที่ทางผ่านบา ส่วนกองทัพจี้เฟิงมายังเมืองจางหยู

ด้วยจำนวนทหารนับแสนที่กำลังมา พวกเขาจึงตัดสินใจตั้งค่ายอยู่นอกเมืองจางหยูเพื่อรอกำลังเสริมต่อไป

กองทัพเฟิงมีกำลังเสริมเข้ามาเพิ่ม ส่วนพวกพี่น้องจ้านนั้นยังไม่ได้ข่าวสารใดจากข้างนอกเลยแม้แต่น้อย ทำให้ทั้งสองร้อนรนและรู้สึกว่าตนเองไม่ควรจะเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ…

นี่มันก็วันที่ห้าเข้าไปแล้วที่ถังหยินล้อมเมืองไว้ ทำให้ฮ่าวจ้าวและเจี๋ยนฟานร้อนใจจนเข้าไปหาเสี่ยวชางเพื่อขอคำสั่งออกไปรบกับพวกเฟิง !!

ทว่าเสี่ยวชางกลับไม่อนุมัติแม้ว่าทั้งสองจะอยากทำมากขนาดไหนก็ตามที

ก่อนที่ไม่นานนัก ซ่งเทียน จ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้จะวิ่งเข้ามาพลางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเราไม่อาจรอความตายอยู่ที่นี่ได้อีก ยิ่งพวกเฟิงมีกำลังเสริมด้วยแล้ว ข้าขอยอมเสี่ยงดวงออกไปตายข้างนอกดีกว่าฝืนอยู่ที่นี่ !!”

หลังได้ฟังคำนั้น เสี่ยวชางก็พลันตะลึงและไม่รู้ว่าจะหยุดคนอื่น ๆ ยังไงแล้ว

ทางด้านจ้านอู่ฉางเองก็พยักหน้าให้พลางพูดว่า “ถ้าพวกเรารอไปมากกว่านี้จะต้องเสียเปรียบแน่ นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเราแล้ว !!!”

เมื่อเห็นว่ามันกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว เสี่ยวชางก็พลันพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “แต่ถ้าพวกมันมีมากกว่า 2 แสนนายแล้วมีถังหยินเข้าร่วมรบด้วยเล่า ?”

ฮ่าวจ้าวยิ้มออกมา “ข้าคิดว่าพวกมันน่าจะประมาทไม่คิดว่าพวกเราจะออกไปโจมตีหรอก ดังนั้นนี่แหละคือโอกาสอันดีที่เราจะทำลายค่ายของพวกมัน และเมื่อมันสำเร็จ เราจะต้องทำลายกองทัพเฟิงได้แน่ !!!”

จ้านอู่ฉางพูดเสริม “ข้าคิดว่ากองทัพเฟิงมีกำลังพลไม่พอหรอก”

เสี่ยวชางเริ่มมึนงง เพราะเขานั้นไม่คิดเห็นตรงกันข้ามกับจ้านอู่ฉาง “ท่านดูจากอะไรกัน ?”

“ง่ายมาก ข้าแค่สังเกตจากธงค่ายหรือแม้แต่กลุ่มควันจากเวลาอาหารจากค่ายเฟิงเท่านั้นเอง และยิ่งมีน้อยมันก็หมายความว่าทหารน้อยลงยังไงล่ะ ดังนั้นข้าจึงคิดว่าพวกมันมีกันไม่เกินหนึ่งหมื่นนายหรอก”

เสี่ยวชางพลันสูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้ฟังคำของจ้านอู่ฉาง เพราะตัวเขานั้นไม่เคยคิดว่าการมองค่ายศัตรูจะทำให้ได้รู้อะไรมากมายถึงขนาดนี้ และนอกเหนือจากฮ่าวจ้าวที่พูดไปก่อนหน้านี้ ก็เป็นจ้านอู่ฉางนี่แหละที่ทำให้เขาเริ่มมั่นใจในการออกไปโจมตีครั้งนี้ขึ้นมาแล้ว !!