บทที่ 330 คิงคอง
บทที่ 330 คิงคอง

“ฉันคิดว่านายคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเกมมิธแล้ว”

โกสต์กล่าว เซียวเฟิงพยักหน้า โบกมือให้เธอพูดต่อ

“โลกที่สองซึ่งเป็นโลกแห่งเกม มีแนวโน้มลาง ๆ ว่าจะเข้ามาแทนที่โลกแห่งความจริง เพราะทั้งโลกได้รับผลกระทบจากมัน และเฮลก็ไม่มีข้อยกเว้น ไม่เพียงแต่เฮลเท่านั้น องค์กรทหารรับจ้างและองค์กรนักฆ่าในตะวันตกทั้งหมดก็เหมือนกัน พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ไม่มีธุรกิจพวกนี้แล้ว”

โกสต์ทำท่าทางคล้ายสาวน้อย กางมือซ้ายออก และเม้มริมฝีปากที่ไร้สีเลือดของเธอ “ฉันไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่มาหลายเดือนแล้ว ฉันต้องทำงานหนักเพื่อให้เฮลยังคงอยู่ได้ นายอยู่ดีมีสุขมากกว่าอีก ในฐานะผู้ปกครองคนหนึ่ง นายกลับมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่และใช้ชีวิตดี ๆ อยู่คนเดียว”

เซียวเฟิงรู้สึกอับอายเพราะเขาสังเกตเห็นว่าสาวน้ำแข็งกับสาวไฟก็ไม่พอใจเช่นกัน เฮลเป็นสถานที่เยือกเย็น ภายใต้การควบคุมของเฮฟเว่น ความเป็นมนุษย์จึงถูกกดขี่จนถึงขีดสุด ผู้คนกลายเป็นเครื่องจักรที่รู้จักแค่การฆ่าเท่านั้น มีเพียงคนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่ยังสามารถรักษาความเป็นมนุษย์ไว้ได้ นั่นรวมทั้งพวกเขาด้วย

ในสภาพแวดล้อมที่เย็นชาและไร้ความปรานี เซียวเฟิงและพวกเขาสบายใจเมื่ออยู่ด้วยกัน เพราะพวกเขาเป็นเครื่องมือเหมือนกันหมด ทั้งสี่คนยังเคยนอนเตียงเดียวกันหลายครั้ง

“จะบอกว่า เฮลเหลือแต่ชื่อแล้วงั้นเหรอ?” เซียวเฟิงถามหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ใช่ หลายองค์กรถูกบังคับให้ยุบ อย่างเช่นกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยว พวกเขาได้เดินทางไปยังโลกของเกมเพื่อก่อร่างสร้างตัว ว่ากันว่าพวกเขาได้ก่อตั้งกิลด์ในเกมซึ่งกำลังไปได้สวย และนั่นก็ล่อตาล่อใจองค์กรใต้ดินจำนวนมาก”

คำพูดของโกสต์ทำให้เซียวเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หากกองกำลังใต้ดินเหล่านั้นเข้าสู่โลกของเกม พวกเขาจะทำลายความสมดุลระหว่างผู้เล่นในระดับหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พลังต่อสู้ของแต่ละคนนั้นแข็งแกร่งเกินไป ด้วยศักยภาพทางร่างกาย ทุกคนสามารถติดอันดับผู้เล่นชั้นนำได้สบาย ๆ นี่ไม่ได้แค่สร้างความตกใจให้กับผู้เล่นชาวยุโรปเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับผู้เล่นชั้นยอดในยุโรปอย่างใหญ่หลวงอีกด้วย

เหมือนกับกิลด์แอนติควิตี้ของเขตฮัวเซีย พลังการต่อสู้สูงสุดของเขตก็จะแข็งแกร่งขึ้น

“ผลกระทบจากโลกที่สอง รวมไปถึงการจากไปของนาย ทำให้เฮลตกต่ำลง ฉันส่งต่อข้อความไปยังเฮฟเว่นโดยหวังว่าจะได้รับคำแนะนำต่อไป แต่ก็พบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเฮฟเว่นด้วย” โกสต์พูดต่อ

“เกิดอะไรขึ้นกับเฮฟเว่น”

เซียวเฟิงถาม ตัวตนของเฮฟเว่นนั้นลึกลับและวิธีการของพวกเขาก็น่ากลัว ทุกคนล้วนเคยผ่านประสบการณ์นั้นมาด้วยตัวเอง และพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อต้าน มิฉะนั้นระเบิดประสาทที่ฝังอยู่ในสมองจะระเบิดหัวของพวกเขาเป็นแตงโมทันที

“ไม่รู้เหตุผลชัดเจนหรอก เรารู้แค่ว่าเฮฟเว่นดูเหมือนจะติดต่อไม่ได้ น่าจะเป็นช่วงหลังจากที่นายมาถึงเขตฮัวเซีย จู่ ๆ การติดต่อจากเฮฟเว่นก็หายไป นายเพิ่งบอกว่านายมีวิธีที่จะสลัดจากการควบคุมประสาทได้ จนฉันถึงกับสงสัยว่านายไปบุกเฮฟเว่นและทำลายมันหรือเปล่า”

โกสต์มองไปที่เซียวเฟิง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะนั่นมันก็เป็นไปได้จริง ๆ

แม้ว่าเฮฟเว่นจะน่ากลัว แต่ในท้ายที่สุดมันก็เป็นเพียงสถาบันวิจัย ด้วยพลังของเซียวเฟิงและฝีมือการต่อสู้ของพวกเขา รวมกับความคุ้นเคยกับระบบป้องกันและโครงสร้างของเฮฟเว่น มันจึงเป็นไปได้ที่จะโจมตีเฮฟเว่น น่าเสียดายที่การควบคุมด้วยประสาทยังมีอยู่จริง พวกเขาก็เลยถูกลดขั้นให้เหลือเพียงเครื่องมือของเฮฟเว่นเท่านั้น

“ฉันเคยคิดแบบนั้น แต่ฉันก็ไม่ได้ทำ เฮฟเว่นน่ากลัวกว่าที่เธอคิด เธอไม่ได้ส่งคนไปที่ฐานเพื่อตรวจสอบหลังจากขาดการติดต่อกับพวกเขาเหรอ?”

เซียวเฟิงส่ายหัว ก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับมาที่เขตฮัวเซีย เขาอยากทำลายเฮฟเว่นจริง ๆ แต่ในฐานะเทพเจ้าเทียมรุ่นแรก เขารู้จักเฮฟเว่นก่อนเฮลเสียอีก และเขาก็รู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนอยู่ในเฮฟเว่นมากกว่าใคร

เซียวเฟิงไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถออกจากเฮฟเว่นแบบเป็น ๆ ได้ ดังนั้นจึงล้มเลิกความคิดเสี่ยงตายนี้เพื่อที่จะกลับมายังฮัวเซียและตามหาชายที่อยู่เบื้องหลัง

“ฉันส่งคนไปที่นั่นแล้ว แต่ทันทีที่สมาชิกของเฮลเข้าใกล้ฐาน ระเบิดประสาทของพวกเขาก็จะทำงานโดยไม่มีข้อยกเว้น ราวกับว่าระบบของเฮฟเว่นเสียการควบคุม อันตรายจากการที่หัวระเบิดได้ตลอดเวลา ทำให้ฉันกลัวที่จะอยู่ในเฮล เมื่อฉันได้ข่าวของนาย ฉันก็เลยพาทุกคนในเฮลมาหานาย”

โกสต์อธิบายเหตุผลที่สมาชิกเฮลทั้งหมดมาที่เมืองเฉิงไห่ และนั่นไม่ใช่เพื่อมาต่อสู้กับเซียวเฟิง

“ฉันไม่สามารถปลดระเบิดเส้นประสาทได้อย่างสมบูรณ์ ฉันทำได้แค่กันมันไม่ให้ได้รับสัญญาณ และทำให้มันไม่ทำงานเท่านั้น ทว่าหากเธอยังอยู่ในเขตฮัวเซีย เธอน่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการออกมาไกลฐานหรอก”

เซียวเฟิงมองไปรอบ ๆ มองดูผู้คนจากเฮลที่แสดงความตื่นเต้นเล็กน้อยและพูดต่อไปว่า “แต่ตราบใดที่เฮฟเว่นยังคงอยู่ เธอก็ยังไม่พ้นอันตรายจากการถูกควบคุมได้ในสักวันหนึ่งอยู่ดี”

คำพูดของเซียวเฟิงทำให้ผู้คนหลายสิบคนใจเย็นลง

“ฉันจะกลับไปที่ฐานเพื่อตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้นในเฮฟเว่นทีหลัง ถ้าฉันมีโอกาส ฉันจะทำลายต้นเหตุให้หมดสิ้น เมื่อถึงเวลานั้น พวกเธอจะได้อิสรภาพคืนมาอย่างแท้จริง”

เซียวเฟิงกล่าว แต่ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีหลายเสียงดังขึ้นรอบ ๆ ทันที

“ฝ่าบาทดาร์ก!”

“ท่านดาร์ก! ท่านจะไปไม่ได้นะ! ระบบป้องกันของฐานมันควบคุมไม่ได้แล้ว! หากเราเข้าไปใกล้ มันจะจุดชนวนระเบิดประสาทของเราทันที! ต่อให้เป็นท่านก็ยังอันตรายเกินไป!”

เกิดความโกลาหลจากร่างหลายสิบคน แม้แต่สีหน้าของโกสต์ สาวน้ำแข็งและสาวไฟก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ฉันตัดสินใจแล้วว่ามันถึงเวลาที่จะต้องสะสางเรื่องระหว่างเฮฟเว่นและพวกเรา เฮล!” น้ำเสียงของเซียวเฟิงไม่มีความลังเลเลย ท้ายที่สุดมันก็หลีกเลี่ยงจากแผนขั้นสุดท้ายไม่ได้อยู่แล้ว “ถ้าฉันไม่กลับมาจากการเดินทางครั้งนี้ พวกเธอก็ควรจะลืมตัวตนของตัวเองไป ซ่อนตัวในฮัวเซียและใช้ชีวิตดี ๆ ในประเทศลึกลับนี้ พวกเธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการควบคุมของเฮฟเว่นอีกต่อไป มันจะช่วยให้พวกเธอได้ฟื้นความเป็นมนุษย์ที่สูญเสียไปกลับมาและกลายเป็นคนธรรมดาอีกครั้ง”

เซียวเฟิงมองดูคนมากมายรอบตัวเขา มีทั้งชายและหญิง คนจากตะวันออกและตะวันตก คนขาวและคนดำ เมื่อมองดูพวกเขา เซียวเฟิงก็คิดถึงตัวเองเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาก็เหมือนกับพวกเขาในตอนนั้น เป็นเหมือนกับเครื่องจักรที่รู้จักแค่การฆ่าเท่านั้น

แต่ตอนนี้เซียวเฟิงกลับมาเป็นปกติแล้ว แม้ว่าในเฮลจะเย็นชาและโหดเหี้ยม ท้ายสุดแล้วคนเหล่านี้ก็นับว่าเป็นคนของเซียวเฟิง เซียวเฟิงคาดหวังว่าพวกเขาจะสามารถกลายเป็นคนธรรมดาได้

“พวกเรา…เป็นคนธรรมดา?”

สาวน้ำแข็งเป็นคนพูด เธอเอามือขึ้นมาปิดตา มองนิ้วสีซีดของเธอ และถามด้วยน้ำเสียงที่สับสน

อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของเธอก็ย้ำเตือนเซียวเฟิง เมื่อมองไปที่สมาชิกของเฮลรอบ ๆ เซียวเฟิงก็ขมวดคิ้ว

คนเหล่านี้อยู่ในสถานะที่ความคิดและความเป็นมนุษย์ของพวกเขาถูกปิดกั้น พวกเขาเป็นเพียงเครื่องจักรสังหารที่เชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น แม้แต่ความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงสัญชาตญาณเมื่อพวกเขารู้ว่าพวกเขาถูกช่วยได้

มีเพียงโกสต์เท่านั้นที่มีความคิดปกติ คนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเหมือนโรคจิต รวมทั้งสาวน้ำแข็งและสาวไฟด้วย หากให้พวกเขาอยู่ฮัวเซียโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา ความยุ่งเหยิงครั้งใหญ่ย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ฉันคิดว่ามีสถานที่ที่เหมาะกับพวกเธอเป็นอย่างดีอยู่” เซียวเฟิงกล่าวว่า “โลกที่สองไงล่ะ!”

“มันเป็นสถานที่ที่ดีเลย ฉันหวังว่าเราจะมีตัวตนของเราเองได้ในโลกนี้”

โกสต์กล่าว เธอได้สำรวจโลกที่สองที่เป็นเกมแล้ว ซึ่งเหมาะสำหรับให้พวกเขามีชีวิตรอด แต่การจะเข้าสู่โลกแห่งเกมนี้ ก็ต้องผูกกับตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา

“มั่นใจได้เลย ความสามารถของโนอาห์อยู่เหนือจินตนาการของเรา”

เซียวเฟิงมั่นใจในเรื่องนั้น เพราะตอนที่ตัวเองใช้หมวกเล่นเกมครั้งแรกในตอนนั้นชายหนุ่มผูกกับตัวตนที่แท้จริงของตัวเองที่เกือบลืมไปแล้ว เซียวเฟิงแทบไม่จำเป็นต้องผูกตัวตนเลย เพราะระบบจัดการให้เสร็จสรรพ

“ฝ่าบาท หากท่านจะไปที่ฐานทัพ ผมก็จะไปที่ฐานกับท่านด้วย!”

ชายที่แข็งแกร่งดั่งหอคอยเหล็กยืนขึ้นจากฝูงชนรอบตัวเขาและพูดกับเซียวเฟิงด้วยเสียงอู้อี้

นี่คือชายผิวดำที่มีความสูงมากกว่าสองเมตรและร่างกายแข็งแกร่งเหมือนคิงคองสีดำ ชื่อเล่นของเขาในเฮลก็ถูกเรียกว่า ‘คิงคอง’ ด้วย

“คิงคอง ฉันมีภารกิจให้นาย และฉันต้องการให้นายไปปกป้องใครบางคน” เซียวเฟิงพูดกับคิงคอง เพราะนับได้ว่าคิงคองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเซียวเฟิงโดยตรง

หากสาวน้ำแข็งและสาวไฟเป็นคนระดับสูงของเทพเจ้าเทียมรุ่นที่สองและเป็นมือซ้ายและมือขวาของโกสต์แล้ว คิงคองก็เป็นผู้นำของเทพเจ้าเทียมรุ่นแรกและยังเป็นผู้มีความสามารถของเซียวเฟิง

ความแข็งแกร่งด้านร่างกายของคิงคองนั้นเหนือกว่าเซียวเฟิง เขาดูแข็งแกร่งราวกับหมีดำ อันที่จริงความแข็งแกร่งของเขาแข็งแกร่งกว่าหมีดำสิบตัวรวมกันด้วยซ้ำ! พลังป้องกันของเขาก็น่าทึ่งราวกับเหล็กกล้า!

เมื่อได้ยินสิ่งที่เซียวเฟิงพูด คิงคองก็นั่งลงอีกครั้งด้วยสีหน้าเชื่อฟัง

“ปกป้องใครบางคน? คนคนนั้นเป็นผู้หญิงหรือเปล่า?” โกสต์เลิกคิ้วสีเงินเล็กน้อยและมองไปที่เซียวเฟิง

“เป็นเด็กผู้หญิงน่ะ” เซียวเฟิงไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ เขาดูซึมลง

“เด็กผู้หญิง? งั้นฉันจะปกป้องเธอเอง ให้คิงคองไปกับนายเถอะ ฉันมั่นใจในความแข็งแกร่งของคิงคอง” ตาของโกสต์ขยับ เธอจ้องไปที่เซียวเฟิงและกล่าว

“ฝ่าบาท! ผมสามารถกันกระสุนให้ท่านได้! ให้ผมไปกับท่านเถอะ!” ทันทีที่คิงคองได้ยิน เขาก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาตบหน้าอกของเขาอย่างแรงและยิ้มให้เซียวเฟิง

นี่ไม่ใช่เรื่องตลก ด้วยความแข็งแกร่งด้ายกายภาพของคิงคอง คงมีเพียงปืนต่อต้านรถถังเท่านั้นที่สามารถคุกคามเขาได้ กระสุนปืนธรรมดาไม่ระคายผิวของเขา เขาจะจริงจังกับปืนระดับต่อต้านรถถังเท่านั้น

“ก็ได้ นายมากับฉัน ฉันจะปลดการควบคุมประสาทของทุกคนก่อนแล้วฉันจะออกเดินทางคืนนี้”

ในที่สุดเซียวเฟิงก็พยักหน้า ทำให้คิงคองผู้เป็นชายซื่อ ๆ มีความสุขมาก จากนั้นคนอื่น ๆ ก็มารวมตัวกัน

นัยน์ตาต่างสีของเขาปรากฏขึ้นในทันใด เมื่อเปลวเพลิงสองดวงลุกโชนในดวงตาของเซียวเฟิง เซียวเฟิงแสดงแรงกดดันอันทรงพลังที่บังคับให้คนอื่นต้องถอยหนี และโกสต์ก็เป็นผู้นำในการเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลนี้

เซียวเฟิงวางมือบนหัวของโกสต์และหลับตาลง ในขณะนี้ โลกที่ควรจะมืดกลับกลายเป็นสีขาวดำในการรับรู้ของเซียวเฟิง เครือข่ายของศูนย์ประสาทและหลอดเลือดปรากฏในการรับรู้ของเซียวเฟิงและพลังจิตของเซียวเฟิงก็พุ่งไปยังเส้นประสาทส่วนกลางและเข้าสู่จิตใจของโกสต์

การกลับไปยังเฮฟเว่นของเซียวเฟิงไม่ใช่ความคิดชั่ววูบ แต่เป็นแผนการเพื่อยุติทุกสิ่ง จนกว่าจะถึงเวลานั้น เป็นการดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับเฮล แต่เซียวเฟิงไม่คิดเลยว่าเฮฟเว่นจะขาดการติดต่อ มิฉะนั้น ภายใต้การควบคุมของเฮฟเว่น สมาชิกทุกคนในเฮลจะฆ่าเซียวเฟิงแน่นอน

นอกจากนี้ยังมีเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่เซียวเฟิงจะออกจากฮัวเซีย นั่นคือสิ่งที่ตำรวจสองคนพูดในวิลล่าก่อนหน้านี้ เรื่องที่ไม่ควรพูดถึง…

แม้ว่าเซียวเฟิงจะจบชีวิตพวกเขาตามที่บอกไว้ แต่บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถแก้ไขได้เมื่อพวกเขาพูดออกมา

แทนที่จะบอกว่าเขาไปเฮฟเว่นเพื่อยุติทุกอย่าง บอกว่าเขาคิดจะหนียังดูเหมาะสมกว่า