บทที่ 331 เอเรบัส
บทที่ 331 เอเรบัส

“คนฉลาดเท่านั้นที่จะมีชีวิตยืนยาว แล้วคุณฉลาดไหม?”

รัฐมนตรีตงตื่นแล้ว แต่ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็เห็นหญิงชาวตะวันตกที่หน้าตาสวยงามยืนอยู่ตรงหน้า เธอถือร่มสีดำไว้ในมือ และมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม

สาวงามชาวตะวันตกคนนี้มีผมสีเงินยาว แต่ผิวของเธอก็ขาวราวกับผ้า อย่างไรก็ตาม ร่างของลูกน้องรัฐมนตรีตงทั้งสองยังคงนอนอยู่ที่เท้าของเขา และมองเห็นรูเลือดสองรูบนหัวได้ชัดเจน ซึ่งทำให้รัฐมนตรีตงตกใจมากขึ้น

“ฉัน…ฉันฉลาด! ได้โปรดอย่าฆ่าฉันเลย!”

ทันทีที่รัฐมนตรีตงตื่นขึ้นก็ตะโกนด้วยความหวาดผวา

“งั้นพ่อคนฉลาด รู้ไหมว่าต้องทำยังไง?” รอยยิ้มของโกสต์มีเสน่ห์มากขึ้น

“ใช่ ฉันรู้! ฉันไม่เห็นอะไรเลย! ฉันไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่แม้แต่อย่างเดียว!”

รัฐมนตรีตงมองที่หัวที่มีรูเลือดไหลสองรูที่อยู่ใกล้เท้าของตัวเอง เขากลัวและหวาดผวาด้วยศพพวกนี้อยู่แล้ว

“คุณไม่รู้สินะ? แล้วศพทั้งสองนี่ล่ะ?” โกสต์หรี่ตาลงเล็กน้อย เผยให้เห็นสัญญาณอันตราย

“อา! ฉันรู้ ฉันรู้! พวกเขาประสบอุบัติเหตุด้วยตัวเอง! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย!” รัฐมนตรีตงรีบเปลี่ยนคำพูดของเขา

“หวังว่าคุณคงฉลาดพอที่จะรู้ว่าต้องทำอะไร ไม่เช่นนั้นเรื่องแบบเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นกับคุณ เมื่อเฮลพุ่งเป้าไปที่ใครซักคน คนคนนั้นก็จะไม่มีวันหนีจากมือของเราไปได้”

ในขณะนี้ ร่างของโกสต์เริ่มพร่ามัวราวกับเงาสะท้อนจนหายไป เงาอันเยือกเย็นและน่าขนลุกนับสิบที่อยู่รอบ ๆ ก็หายไปเช่นกัน

รัฐมนตรีตงยังคงเหงื่อออก เขามองไปรอบ ๆ แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ตระหนักว่าตัวเองไม่มีแรงจะยืนขึ้น

“คุณตง…เฮ้ย! นี่มันต้าเปียวกับหลิ่วจือนี่! พวกเขาตายได้ยังไง!”

โชคดีที่ในเวลานี้ กลุ่มตำรวจปลอมที่อยู่ข้าง ๆ รัฐมนตรีตงก็ตื่นขึ้นเช่นกัน มีคนเห็นศพทั้งสองและตะโกนด้วยความตกใจ

“นี่เป็นอุบัติเหตุ! ไม่เข้าใจหรือไง? ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้บอกคนอื่นว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้! ช่วยฉันลุกที!”

“ทำไมเราไม่ฆ่าเขาล่ะ?”

ร่างนับสิบปรากฏขึ้นข้างแม่น้ำโสโครก ซึ่งห่างไกลจากโรงงานที่ถูกทิ้งร้าง โกสต์ยืนอยู่หน้าแถวและจ้องไปที่เงาสะท้อนของดวงจันทร์ครึ่งดวงบนแม่น้ำโสโครกโดยไม่พูดอะไรสักคำ สาวไฟที่อยู่ข้างหลังโกสต์ก็ถามขึ้น และสาวน้ำแข็งก็มองไปที่โกสต์อย่างไม่เข้าใจ

หญิงสาวใช้ภาษาจีน แต่การออกเสียงของเธอค่อนข้างไม่แข็ง

“เราไม่ได้อยู่ในเฮลแล้ว ดังนั้นนิสัยบางอย่างของเราจึงควรปรับเปลี่ยนไปด้วย ที่แห่งนี้ไม่ใช่ยุโรป แต่เป็นฮัวเซีย ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนต้องห้ามของโลกใต้ดิน หากลงมือสังหาร มันจะสร้างปัญหาใหญ่หลวง ดังนั้นเราจึงทำได้แต่ทำตามกฎของที่นี่เท่านั้น นี่คือสิ่งที่ดาร์กเพิ่งสอนฉัน” โกสต์พูดอย่างเฉยเมย

สาวน้ำแข็งและสาวไฟไม่ได้พูดอีก และโกสต์ก็หันกลับมามองร่างหลายสิบที่อยู่ข้างหลังของเธอเองและกล่าวว่า “ฉันขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าเฮลได้ถูกยุบแล้ว ฉันจะอยู่ที่ฮัวเซีย ถ้าพวกเธออยากกลับไปยุโรป ฉันจะไม่ห้าม หากพวกเธอเลือกที่จะอยู่และติดตามดาร์กรวมถึงฉันต่อไป ก็ขอต้อนรับ“

ร่างหลายสิบคน รวมทั้งสาวน้ำแข็งและสาวไฟ คุกเข่าลงข้างหนึ่งในทันที และตอบโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว

“เราขออยู่แทบเท้าท่านดาร์กและท่านโกสต์ตลอดไป!”

โกสต์พยักหน้าเล็กน้อย สายตาของเธอกวาดไปยังทุกคน “พวกเธอยังไม่ได้อิสรภาพของตัวเองคืนมา แม้ว่าการควบคุมทางประสาทของพวกเธอจะถูกปลดออกชั่วคราว แต่จิตใจของพวกเธอก็ยังถูกปิดอยู่ แต่ดาร์กได้ไปที่ฐานและเตรียมจะทำลายเฮฟเว่นในคราวเดียว ตราบใดที่เขาประสบความสำเร็จ พวกเธอก็จะเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ และความเป็นมนุษย์ของพวกเธอที่ถูกเฮฟเว่นสะกดไว้ก็จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น จนกว่าจะถึงตอนนั้น พวกเธอจะตามฉันมาก่อนก็ได้”

วิลล่าบนยอดเขาเงียบมากในคืนนี้ แม้ว่าตอนกลางคืนมักจะเงียบอยู่แล้วเนื่องจากเด็กผู้หญิงสองคนกำลังนอนหลับอยู่ ในขณะที่ผู้ใหญ่อีกหลายคนอยู่ในเกม

ความเงียบของคืนนี้ค่อนข้างผิดปกติ เงียบมาก…เหมือนขาดอะไรไป

“เขาปิดโทรศัพท์และไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาเลย”

หลิวเฉียงเหว่ยนั่งเงียบ ๆ บนโซฟาอยู่พักหนึ่ง ซือเยี่ยจิ๋งลงมาที่ชั้นล่างในเวลานี้และกระซิบกับหลิวเฉียงเหว่ย เธอไปที่ห้องของเซียวเฟิงหลายครั้ง อยากเห็นร่องรอยการกลับมาของชายหนุ่มแต่ก็ไม่พบอะไรเลย

หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้พูดอะไร ดวงตาที่คู่งามของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอรู้สึกตกใจราวกับว่าตัวเองไม่ได้ยินอะไรเลย ซือเยี่ยจิ๋งเดินไปที่โซฟาตัวหนึ่งและนั่งลงอย่างสับสน

“เขายังไม่ได้ล็อกอินเกม และ…”

เฉียนโตวโตวก็ลงมาพร้อมหมวกเกม เธอมองผู้หญิงสองคนนั่งอยู่บนโซฟาอย่างจนปัญญา

“และอะไร?”

หลิวเฉียงเหว่ยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและถามเฉียนโตวโตว

“และของสวมใส่ของพี่เซียวอยู่ในโกดังทั้งหมด พี่เซียว…อาจจะไม่กลับมาแล้ว…” เฉียนโตวโตวกล่าวด้วยความหดหู่ใจ เธอก็เดินมาที่โซฟาและนั่งลง

“ไม่! เขาจะกลับมาแน่นอน! เขาบอกว่าเมื่อไหร่ที่เขาเสร็จธุระ เขาจะกลับมา! หมวกเกมของเขาก็ยังอยู่! เขาจะกลับมาแน่นอน!”

หลิวเฉียงเหว่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจราวกับจะปลอบโยนผู้อื่น แต่ก็เพื่อปลอบโยนตัวเองด้วย

“ใช่ มันต้องเป็นแบบนั้น! ไอ้สารเลวนั่นคงไปอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วไปคบกับใครซักคน! บางทีเขาอาจจะอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแล้วก็ได้! ลูกพี่ลูกน้องของฉันเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก! เขาคงต้องเพี้ยนแล้ว ถ้าจะทิ้งเธอไป! สักวันเขาจะกลับมาแน่นอน!”

ซือเยี่ยจิ๋งพูดอย่างไม่ประนีประนอม แต่คำพูดของเธอทำให้หลิวเฉียงเหว่ยหน้าแดงเล็กน้อย

“เราอยู่กับพี่เซียวมานาน แต่เราไม่รู้แม้กระทั่งตัวตนของพี่เซียว เหมือนเราเห็นแต่สัมผัสไม่ได้” ทว่าเฉียนโตวโตวยังคงหดหู่

ทันทีที่เธอพูดแบบนี้ หญิงทั้งสามก็เงียบไปพร้อม ๆ กัน เพราะเซียวเฟิงดูเหมือนจะไม่ใช่คนของโลกนี้เลย

“เซียวหลิงหลับอยู่หรือเปล่า?”

“เธอน่าจะนอนไปแล้ว แถมเธอไม่ได้กินข้าวเย็นด้วย เธอล็อกประตูห้องของเธอ เคาะประตูก็ไม่ตอบ”

ในช่วงดึก ผู้หญิงทั้งสามไม่คิดจะหลับหรือเข้าสู่ระบบเพื่อเล่นเกม พวกเขากำลังนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเงียบงันและสับสน จนถึงกลางดึกที่พวกเธอนอนลงบนโซฟาและหลับตาลงเนื่องจากอาการง่วงนอน

เมื่อแสงตะวันฉายส่องเข้ามาในวิลล่าในตอนเช้าตรู่ ทั้งสามคนรวมทั้งหลิวเฉียงเหว่ยซึ่งนอนหลับไม่สนิทก็ถูกปลุกด้วยเสียงชุดน้ำชา พวกเขาลืมตาขึ้นและพบผู้หญิงแปลกหน้าอยู่ในห้องอาหาร

เธอคือหญิงสาวชาวตะวันตกที่สวยงามและมีผมสีเงินยาว ผิวของเธอขาวมาก เธอสวมชุดสีดำและดื่มชาดำอย่างหรูหรา

“คุณเป็นใคร? ทำไมคุณถึงมาอยู่ในบ้านของเรา?”

หลิวเฉียงเหว่ยตื่นขึ้นทันทีและตาสว่าง เธอถามหญิงชาวตะวันตกคนนั้น

ในขณะเดียวกันหลิวเฉียงเหว่ยก็มองไปที่หนิงเคอเค่อ ซึ่งถือถาดน้ำชาอยู่ที่มุมห้องรับประทานอาหาร น่าเสียดายที่หนิงเคอเค่อส่ายหัวให้หลิวเฉียงเหว่ย เธอก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ดูเหมือนจู่ ๆ เธอก็ปรากฏตัวขึ้นในวิลล่า

ซือเยี่ยจิ๋งและเฉียนโตวโตวก็ตื่นเช่นกัน ซือเยี่ยจิ๋งสะดุ้งและตื่นตัว เธอเข้ามาใกล้หลิวเฉียงเหว่ย เฉียนโตวโตวแอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและพร้อมที่จะโทรหาตำรวจ

“คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าเขายังแอบซ่อนสาวงามที่สวยราวกับดอกไม้ไว้อีกตั้งหลายคน จะพูดเป็นภาษาจีนว่ายังไงนะ? มันเหมือนจะเรียกว่า ‘เก็บนายหญิงไว้ในรังรัก’ เขาไม่กลัวฉันจะหึงหรือไงกัน?”

โกสต์ชงชาดำอย่างสง่างาม ดวงตาสีเงินและสีดำของเธอเหลือบมองที่หลิวเฉียงเหว่ยเผยให้เห็นถึงความหึงหวง

“เขา? คุณกำลังพูดถึงเซียวเฟิง?”

หลิวเฉียงเหว่ยชะงักไปชั่วครู่หลังจากได้ยินเรื่องนี้ แล้วเธอก็ถามด้วยความไม่แน่ใจ

“เซียวเฟิง? ฉันคิดว่าฉันเคยได้ยินเขาพูดถึงชื่อนี้นะ มันเป็นชื่อของเขานี่เอง” โกสต์สูดกลิ่นชาแล้วกล่าว

“แล้วคุณคือใคร? คุณเป็นอะไรกับพี่เซียว?”

หลิวเฉียงเหว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เธอไม่ทันได้พูดต่อ เฉียนโตวโตวก็ชิงถามก่อน

“ฉันเหรอ? คุณเรียกฉันว่า…เอเรบัสแล้วกัน สำหรับความสัมพันธ์ของเรา น่าจะเป็นสหายกันล่ะนะ”

โกสต์หรือเอเรบัส คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ เธอเผยให้เห็นความสับสนครู่หนึ่ง เพราะเธอเพิ่งจะค้นความทรงจำของเธอ แต่ก็พบว่าไม่มีชื่อจริงของเธอเลย อาจเป็นเพราะอิทธิพลของการควบคุมประสาท ซึ่งทำให้เธอลืมมันไปชั่วคราว เธอจึงเลิกคิดเรื่องนี้

“เอเรบัส? ชื่อแปลกดีนะ คุณรู้จักพี่เซียวงั้นหรอ? คุณรู้ไหมว่าพี่เซียวอยู่ที่ไหน? เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?” เฉียนโตวโตวยิงคำถามเป็นชุด

“ถ้าเขาไม่บอกคุณ ฉันคิดว่าเขาต้องมีเหตุผลที่จะไม่ให้คุณรู้”

เอเรบัสส่ายหัวและลุกขึ้นยืน “เขาขอให้ฉันปกป้องเด็กผู้หญิง แต่ตามวัยของเขาแล้ว เธอไม่น่าเป็นลูกสาวของเขา ว่าแต่คุณคือเด็กผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม?”

ระหว่างพูดคุยเอเรบัสก็หันไปมองหนิงเคอเค่อที่อยู่มุมของห้องทานอาหาร ซึ่งแต่งตัวในชุดเมดและทำหน้าขี้อายราวกับกระต่าย

“ฉันไม่ต้องการใครมาปกป้องฉัน! เขาอยู่ที่ไหน? ให้เขากลับมานี่!”

ในขณะนี้ เซียวหลิงก็ปรากฏตัวที่ทางขึ้นบันไดบนชั้นสอง พร้อมผมสีทองยาวที่กระจัดกระจาย เธอมีความดื้อรั้นบนใบหน้าที่บอบบางและไร้ที่ติของเธอ

เมื่อเซียวหลิงปรากฏตัว หลิวเฉียงเหว่ยและคนอื่น ๆ ก็เงียบไปในทันที พวกเธอทำสีหน้าซับซ้อน เพราะทุกคนอยู่ในที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้

เอเรบัสเหลือบมองเธอและอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจ จากนั้นก็ส่ายหัวและพูดว่า “ดูเหมือนว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเธอสินะ แต่ฉันไม่สามารถทำตามคำขอของเธอได้ ถ้าเขารอดกลับมาได้ ฉันจะให้เขามาหาเธอ”

ทันทีที่คำพูดของเอเรบัสสิ้นเสียง ทั้งวิลล่าก็เต็มไปด้วยความกังวลใจ แม้แต่เซียวหลิงก็อ้าปากค้างด้วยความตื่นตระหนก

“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? รอดกลับมา? พี่เซียวกำลังทำอะไรที่อันตรายอยู่หรือเปล่า?” เฉียนโตวโตวอดไม่ได้ที่จะถามเสียงดัง

“สำหรับเรา สถานที่นั้นน่าจะเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในโลกแล้ว” ไอรีนโนเวล

เอเรบัสมองไปทางทิศตะวันตก นัยน์ตาสีเงินดำเป็นประกายของเธอหรี่ลงเล็กน้อย การควบคุมของเฮฟเว่นนั้นอันตรายสำหรับเทพเจ้าเทียมอย่างพวกเขา ต่อให้ดาร์กมีความสามารถในการหยุดระเบิดประสาท แม้ว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในเฮฟเว่น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่แน่นอน

“งั้น…งั้น…”

เฉียนโตวโตวอยู่ในสภาวะไม่มั่นคงและไม่สามารถพูดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูดได้

“คุณบอกว่าคุณถูกเซียวเฟิงส่งมาเพื่อปกป้องเราเหรอ?” หลิวเฉียงเหว่ยก็เหมือนกับเฉียนโตวโตว แต่เธอระงับความไม่สบายใจของเธอและถามเอเรบัส

“พูดให้ถูกก็คือ เพื่อปกป้องเด็กสาวผมบลอนด์คนนั้น แต่ตราบใดที่พวกเธอไม่อยู่ไกลเกินไป ฉันจะนับพวกเธอในการคุ้มครองด้วย”

เอเรบัสกล่าวขณะมองไปยังเซียวหลิงที่กัดริมฝีปากของเธอแล้ววิ่งกลับห้องไป

“คุณแข็งแกร่งมากเหรอ? คุณคิดว่าเราทุกคนต้องการการปกป้องจากคุณเหรอ?” ซือเยี่ยจิ๋งพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากเชื่อ

“เธอจะลองดูก็ได้นะ”