เสียงกรีดร้องทำลายความเงียบสงบของเรือนตระกูลเฉิง
ชายกระโปรงของฮูหยินรองถูกเหยียบไว้ นางหลบฝ่ามือของฮูหยินใหญ่เฉิง ก่อนจะร้องกรี๊ดแล้วล้มลงไปกับพื้น
“ข้าจะตีเจ้าให้ตาย นังสารเลวคิดล้มล้างตระกูล!”
ฮูหยินใหญ่เฉิงถลาตัวทึ้งผมตบหน้า ปากก็ร้องตะโกน ร้องไห้ฟูมฟาย
ฮูหยินรองเฉิงยกมือขึ้นมากันพลางหยัดตัวลุกขึ้น ทว่ากลับถูกฮูหยินใหญ่เฉิงดันตัวไว้ ทำได้เพียงร้องไห้สะอื้นกรีดร้อง
เหล่าแม่นมภายในเรือนพากันล้อมเข้ามายื้อเอาไว้ พอเหล่าแม่นมข้างกายฮูหยินรองเฉิงเห็นว่านางเลือดออกบนหน้า ก็พลันเดือดดาลขึ้นมาในทันใด ก่อนจะง้างมือตบหน้าฮูหยินใหญ่เฉิง ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
ทันใดนั้นแม่นมฝ่ายฮูหยินใหญ่เฉิงเองไม่อดทนอีกต่อไป
นายบ่าวตะลุมบอนวุ่นวายกันทั้งลานบ้าน
แม่นางเฉิงเจ็ดเกาะขอบประตู กอดตุ๊กตาดินเผาที่นายรองเฉิงตั้งใจซื้อกลับมาให้ มองดูคนกำลังตบตีกันอยู่ลานบ้าน สีหน้าของนางตื่นตระหนกก่อนจะร้องไห้ออกมาในที่สุด นางยกมือขึ้นกุมหัว ตุ๊กตาดินเผาแตกละเอียดอยู่บนพื้น
…
ภายในเรือนของนายใหญ่เฉิงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน หมอที่เชิญมาเดินเข้ามาทีละคนสองคน พากันรวมตัวกันอยู่ที่กลางโถง บ้างก็ถกเถียงกันเสียงแผ่วเบา บ้างก็ลูบเคราครุ่นคิด
ลูกหลานหญิงชายในตระกูลนั่งกันอยู่อีกฟากหนึ่ง ฮูหยินใหญ่เฉิงนอนอยู่ในอ้อมกอดของแม่นม ผมเผ้ายุ่งเหยิงเสื้อผ้ายับยู่ยี่เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ ไม่ใช่เพราะไม่ทันได้จัด แต่นางไม่ยอมให้จัด
“ประเดี๋ยวรอข้าตายไปพร้อมกับนายใหญ่ พวกเจ้าค่อยมาจัดคราวเดียว ก็ได้ไม่ต้องเปลืองแรง” นางเอ่ย
คำพูดนั้นพาลให้แม่นมและสาวใช้ในห้องร้องไห้สะอื้น
ด้านนอกมีเสียงร้องไห้ดังขึ้นมาเช่นกัน
“ท่านแม่ ท่านแม่ ลูกไม่ได้ทำ ลูกไม่ได้ทำร้ายพี่ใหญ่นะขอรับ”
นายรองเฉิงคุกเข่าดึงทึ้งชายกระโปรงของเหล่าฮูหยินเฉิง หัวก็โขกลงกับพื้นไม่หยุด
“ลูกไม่รู้ ลูกไม่รู้ ลูกไม่รู้ว่านางจะทำเช่นนี้!”
เหล่าฮูหยินเฉิงใบหน้าซีดเผือด นางสะบัดมือของนายรองเฉิงทิ้ง
“ศัตรูใดก็ไม่เท่าศัตรูในเรือน! คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตระกูลเฉิงของเราจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของเจ้า!” นางทุบอกร้องตะโกน ก่อนจะใช้ไม้เท้าในมือฟาดนายรองเฉิงอย่างแรง “พอใจเจ้าหรือยัง! พอใจเจ้าหรือยัง!”
นายรองเฉิงไม่กล้าหลบ เขาหมอบอยู่บนพื้น ปล่อยให้ไม้เท้านั้นทุบตีร่างกาย ร้องไห้สะอึกสะอื้น
เขาถูกใส่ร้าย เขาดีใจที่ไหนกัน!
ไม่ได้แยกตระกูลกันเสียหน่อย สมบัติของตระกูลที่ข้องเกี่ยวกับคดี ก็เป็นสมบัติของเขาเหมือนกัน! เขาเองก็ปวดใจเจียนตายเช่นกัน!
ไม่ ไม่ใช่สิ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น คนตระกูลเฉิงอย่างเขาก็ปวดใจเจียนตายเหมือนกัน!
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือตัวเขาเป็นถึงขุนนาง!
พอเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้น คนก็ครหาเขาว่าไม่อบรบสั่งสอนลูกเต้าเอาได้ง่ายๆ ยิ่งเรื่องที่เขาไปเป็นพยานในศาลจนท่านพี่ลมจับล้มพับไปอีก
ซวยแท้ๆ!
นายรองเฉิงนอนร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนพื้น!
“นายใหญ่ฟื้นแล้ว!”
เสียงตะโกนดังออกมาจากในห้อง เสียงนั้นทำให้ทั้งเรือนโกลาหลขึ้นมาในทันใด ทุกคนมุ่งหน้าวิ่งไปที่ห้องของนายใหญ่เฉิง
เหล่าฮูหยินเฉิงไม่สนใจจะตีอีกต่อไป นางโยนไม้เท้าทิ้ง ไม่รอให้สาวใช้แม่นมเข้ามาพยุงก็เดินเข้าไปในห้องทันที
“ลูกแม่!”
เหล่าหมอภายในห้องของนายใหญ่เฉิงสั่งให้ทุกคนออกไป เหลือเพียงญาติสนิทเพียงไม่กี่คน
ฮูหยินใหญ่เฉิงที่นอนร้องไห้อยู่บนเตียงไม่มีแรงจะลุกขึ้น เหล่าฮูหยินเฉิงนั่งปาดน้ำตาอยู่อีกฟาก ทว่ายังตวาดฮูหยินใหญ่เฉิง
“เจ้าหยุดร้องไห้ก่อน ร้องเช่นนี้ชายใหญ่จะยิ่งทรมาน” นางเอ่ยสะอื้นไห้ มองไปที่นายใหญ่เฉิงพลางกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา “ชายใหญ่ ชายใหญ่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
นายใหญ่เฉิงใบหน้าซีดเซียว สายตาพร่ามัว ราวกับไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด พอได้ยินเสียงเอ่ยถามดวงตาก็ขยับไหว ทว่าไม่เอ่ยคำใด
ฮูหยินใหญ่เฉิงร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่”
นายรองเฉิงที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูห้องร้องตะโกนออกไปอย่างอดไม่ได้ แววตานั้นเจ็บปวด ทั้งเศร้าโศก ทั้งตื่นกลัว
นายใหญ่จะตายไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีทางรอดแน่ๆ!
พอได้ยินเสียงของนายรองเฉิง ดวงตาของนายใหญ่เฉิงก็เบิกโพลงขึ้นมา ปากส่งเสียงอืออา ท่าทางเหมือนอย่างจะยันตัวลุกขึ้น ทว่าออกแรงเท่าไหร่ก็ยังลุกไม่ไหวจนใบหน้าแดงก่ำไปหมด
ภายในห้องวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้ากลัวว่าพี่ใหญ่ของเจ้าจะไม่ตายหรือ เขาไม่ตายหรอก!”
ฮูหยินใหญ่เฉิงร้องไห้พลางพุ่งตัวเข้าไปหานางรองเฉิงก่อนตบเขาอย่างแรง
ได้โปรดเถิดสวรรค์ เขาไม่เคยอยากให้พี่ใหญ่ตาย! หากพี่ใหญ่ตายไป แล้วเขาจะได้อะไรขึ้นมา!
นายรองเฉิงนอนร้องไห้ ปล่อยให้ฮูหยินใหญ่เฉิงตบตี
โชคดีที่วุ่นวายได้ไม่นานนายใหญ่เฉิงก็เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง ฮูหยินใหญ่เฉิงสะอึกสะอื้นตวาดไล่นายรองเฉิงให้ออกไป
“อย่าเพิ่งให้เขาไป” นายใหญ่เฉิงเอ่ยเสียงหอบ
ฮูหยินใหญ่เฉิงร้องไห้พลางกุมมือเขาไว้
“ชายใหญ่ ท่านโกรธอยู่ ท่านโมโหอยู่ ไม่ต้องหันไปมองเขา รอท่านเย็นกว่านี้ก่อนแล้วค่อยลงโทษเขา ยามนี้อย่าได้อารมณ์เสียเพราะเขาเลย เขาไม่มีค่าพอให้ท่านต้องเก็บมาเป็นอารมณ์” นายเอ่ยน้ำตานอง
เหล่าฮูหยินเฉิงเองก็ปาดน้ำตา
แม้จะผิดด้วยกันทั้งคู่ แต่จะเรื่องนี้จะโทษลูกชายคนเล็กฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูก
นายรองเฉิงทำเรื่องเช่นนี้ หากพ่อของเขาจะจับเขาขังไว้ในหอไตร ขับไล่ออกจากตระกูลก็คงไม่มีผู้ใดกล้าค้าน หรืออาจจะไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น แค่ไปร้องกับศาลาว่าการไม่กี่คำ อนาคตของนายรองเฉิงก็จบสิ้นแล้ว
แต่หากดับอนาคตของนางรองเฉิงแล้ว ตระกูลเฉิงจะได้อะไรขึ้นมา
ต้องการสั่งสอนเขาไม่ใช่หรือ จะไปห่วงท่านพ่อเขาทำไมกัน
วินาทีนั้นเหล่าฮูหยินเฉิงอยากจะตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แม้แต่ในฝันนางก็ไม่เคยคาดคิดว่าสองพี่น้องผู้เป็นที่รักของพ่อ เป็นความภาคภูมิใจของตระกูลเฉิง จะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ไม่ใช่ ที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือทะเลาะกันใหญ่โตจนขึ้นโรงขึ้นศาลอีกต่างหาก ตระกูลเฉิงที่ไม่เคยแปดเปื้อนมลทินใดกลับมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล พอข่าวออกไปว่าคนจากศาลาว่าการพาตัวนายใหญ่เฉิงกลับมา คนก็ยิ่งพากันออกมามุงดูกันใหญ่ จนเหล่าฮูหยินเฉิงอยากจะตายไปเสียอีกรอบ
หลายร้อยปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะยามทุกข์ยากหรือว่ายามมั่งมี ตระกูลเฉิงของพวกเขาก็ไม่เคยอับอายเช่นนี้มาก่อน
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
“ข้าจะตีเขาให้ตายเสียก่อน แล้วข้าจะตายตาม! ข้าไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษแล้ว!” เหล่าฮูหยินเฉิงร้องไห้คร่ำครวญฟุบตัวลงข้างเตียง
ภายในห้องโกลาหลขึ้นมาในทันใด
“เจ้ายังมีหน้าอยู่ที่นี่อีกหรือ อยากเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายกับตาของตัวเองหรืออย่างไร” ฮูหยินใหญ่เอ่ยทั้งน้ำตา ก่อนจะสั่งคนให้พาตัวเขาออกไปทันที
“ให้ชายรองอยู่ก่อน” นายใหญ่เฉิงเอ่ยเสียงแหบพร่า
“นายท่าน ท่านอย่าเพิ่งสนใจเขาเลย รอท่านหายดีก่อนค่อยลงโทษเขา” ฮูหยินใหญ่เฉิงเอ่ยน้ำตานอง
นายใหญ่เฉิงได้แต่ส่ายหน้า เกร็งมือดันตัวขึ้น ฮูหยินใหญ่เฉิงพร้อมกับเหล่าแม่นมก็จนใจ ทำได้เพียงเข้าไปพยุงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง
หลังรู้ข่าวว่านายใหญ่เฉิงกำลังถูกหามกลับมาเพราะเป็นลมล้มพบไปที่ศาลาว่าการประจำเมือง นายรองเฉิงเพิ่งจะได้พบหน้าเขา
ราวกับว่าช่วงเวลาครึ่งวันที่ไม่ได้พบหน้ากัน นายใหญ่เฉิงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ใบหน้าอิ่มเอิบที่เคยมีกลายเป็นขาวซีดราวกับนาแล้งน้ำ
ยามนึกถึงสิ่งที่ท่านพี่เคยทำเพื่อตนในอดีต นายรองเฉิงก็ได้แต่ปวดใจ
“ท่านพี่ ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว” เขาเอ่ยทั้งน้ำตาก่อนจะคลานเข้าไปข้างหน้า ฟุบตัวลงที่หน้าเตียงของนายใหญ่เฉิง
“จะมาสำนึกผิดเอาตอนนี้ก็สายไปแล้ว!” ฮูหยินใหญ่เฉงเอ่ยสะอื้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
นายใหญ่เฉิงยกมือขึ้นปรามนางก่อนจะเหลียวไปมองนายรองเฉิง
“เรื่องที่ไปเป็นพยาน เจ้าเป็นคนต้นคิด หรือว่านางขอให้เจ้าไป” เขาเอ่ยถามเสียงแหบพร่า
“นายใหญ่ นายใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งถามเรื่องนี้เลย หมอบอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าห้ามท่านโมโหอีก” ฮูหยินใหญ่เฉิงเอ่ยน้ำตานอง
นายใหญ่เฉิงไม่สนใจ เอาแต่จ้องมองไปที่นายรองเฉิง
“ขอรับ เด็กบ้านั่นเป็นขอให้พวกข้าไป” นายรองเฉิงหมอบลงกับพื้นเอ่ยเสียงสะอื้น “พี่ใหญ่ พวกข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายท่าน พวกข้าไม่รู้ว่านางจะทำเช่นนี้ พวกข้าถูกนางหลอก…”
“พวกเจ้าน่ะหรือถูกนางหลอก” ฮูหยินใหญ่เฉิงยกนิ้วชี้หน้าเขาตะโกนลั่น สีหน้าเย้นหยัน “พวกเจ้าสองคนน่ะหรือถูกเด็กบ้านั่นหลอก เจ้าคิดว่าพวกข้าโง่หรือ”
“พอได้แล้ว” นายใหญ่เฉิงยกมือปราม ก่อนจะเหลียวไปมองฮูหยินใหญ่เฉิงแล้วแค่นยิ้มออกมา “นางไม่ได้บ้าหรอก พวกเราต่างหากที่โง่! ยอมรับเสียที่เถิด หากนางเป็นบ้าจริง ตระกูลโจวจะลงทุนลงแรงขนาดนี้หรือ ผู้ใดจะเอาดินเลวมาก่อกำแพงกัน มีแต่ดินดีเท่านั้นที่ควรค่า”
พูดจบก็หันไปมองนายรองเฉิง
“เจ้าเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ข้าฟังอย่างละเอียดที นางพูดอะไรกันแน่”
นายรองเฉิงพยักหน้าในทันใด วินาทีนั้นเขามั่นใจในทันทีว่าตนและภรรยาถูกเด็กบ้านั่นปั่นหัวเข้าให้แล้ว พวกเขาถูกเด็กบ้าหลอก ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น
พอฟังจบฮูหยินใหญ่เฉิงก็นิ่งชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา
“แค่นี้น่ะหรือ แค่นางบอกว่าจะไม่ยอมออกเรือน พวกเจ้าก็เลยตกลงอย่างนั้นหรือ” นางถามเสียงเย้ยหยัน “ชายรอง พวกเจ้าสองสามีภรรยาคิดว่าพวกข้าโง่นักหรือ”
“สะใภ้ใหญ่ สะใภ้ใหญ่ เรื่องเป็นเช่นนี้จริงๆ พวกเข้า… พวกข้าถูกนาง..ถูกนางหลอก พวกข้ากลัว พวกข้ากลัวว่านางจะอาละวาด กลัวว่านางจะก่อเรื่องในบ้าน ก่อเรื่องให้พี่ใหญ่ ก็เลยจำต้องตามใจนาง” นายรองเฉิงรีบเอ่ยในทันใด
ฮูหยินใหญ่เฉิงถุยออกมา ทว่าพอกำลังจะพูดต่อก็ถูกนายใหญ่เฉิงเอ่ยแทรกขึ้นมา
“เจ้าบอกว่าฮูหยินของเจ้าไปพบคนตระกูลฉินอย่างนั้นหรือ” เขาถาม “คนตระกูลฉินพูดกับนางว่าอย่างไร”
นายรองเฉิงทั้งพยักทั้งส่ายหน้า
“ใช่ขอรับ ใช่ขอรับ ไปพบมาแล้ว แต่ข้าไม่รู้ว่าว่าพูดอะไรกัน” เขาเอ่ย “บอกเพียงแค่ว่าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี…”
“เรียกฮูหยินของเจ้ามา ข้าจะถามนางด้วยตัวเอง” นายใหญ่เฉิงเอ่ย
ฮูหยินใหญ่เฉิงคว้าแขนเขาเอาไว้พลางเอ่ยเสียงสะอื้น
“นายท่าน ท่านรีบพักผ่อนเถิด อย่าได้กังวลใจอีกเลย หญิงเช่นนั้น ตระกูลเฉิงของเราไม่ต้องการ ไล่นางไปเสีย ไล่นางไปเสีย…” นางเอ่ยพลางสั่งให้แม่นมไล่นางออกไป “ไล่นางออกไป ไล่ออกไป”
เหล่าแม่นมขานรับทว่ากลับไม่มีใครกล้าลุกขึ้น ก่อนจะพากันมองไปที่นายใหญ่เฉิง
“ถึงจะไล่นางออกไป แต่ก็ต้องถามให้รู้ความเสียก่อน” นายใหญ่เฉิงเอ่ยก่อนจะโบกมือขึ้น “ไปตามนางมา”
เหล่าแม่นมขานรับแล้วเดินออกไป นายใหญ่เฉิงพูดจบก็หมดแรงจนล้มลงไปบนเตียง ภายในห้องวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง นายรองเฉิงไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้ ทำได้เพียงคุกเข่าอยู่ที่เดิม
ไม่นานแม่นมก็กลับมาอย่างรีบร้อน ทว่าด้านหลังกลับไม่มีฮูหยินรองเฉิงตามมา
“นางไม่ยอมมาหรือ” ฮูหยินใหญ่เฉิงขมวดคิ้วตวาดลั่น “ถึงตายก็ต้องหามศพนางมาให้ได้!”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ฮูหยินรองหนีไปแล้ว” แม่นมเอ่ย
เมื่อได้ยินคำนั่นทั้งห้องก็ชะงักไปในทันที
“หนีไปแล้ว หนีกลับบ้านแม่อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ดี แล้วอย่าได้กลับมาอีก” ฮูหยินใหญ่เฉิงเอ่ย
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ นางหนีไปฝั่งเฉิงใต้ ไปอยู่กับแม่นางผู้นั้น” แม่นมเอ่ยเสียงอ้ำอึ้ง
ภายในห้องชะงักไปอีกครั้ง
“นายท่าน นายท่าน ท่านอย่าได้กังวล ถึงข้าจะต้องตาย ข้าก็ข้าตีนางสารเลวนั่นให้ตายเสียก่อน!” นางเอ่ย “ทำเรื่องเนรคุณเช่นนี้ พวกเราต้องตีนางให้ตายถึงจะถูก!”
นายใหญ่เฉิงคว้าแขนเสื้อนางไว้อย่างแรง ก่อนหอบหายใจอยู่ครู่ใหญ่
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” เขาส่ายหน้า ใบหน้าแสนเศร้าสลด “นางจะตายไม่ได้ นางจะตายไม่ได้ ยามนี้เราจะไปจับนางมัดไว้ก็ไม่ได้เช่นกัน ตระกูลเฉิงของเราจะผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนางแล้ว”
นางอย่างนั้นหรือ
ฮูหยินใหญ่เฉิงทั้งโมโหทั้งไม่เข้าใจ
พูดเช่นนี้เท่ากับว่าที่ฮูหยินรองเฉิงวิ่งโร่ไปที่นั่นนั้นถูกต้องแล้วหรือ
“ไป ไปเชิญนางมา!” นายใหญ่เฉิงเอ่ย
เพียงแค่ไม่กี่คำที่เอ่ยออกไปก็เหมือนสูบเรี่ยวแรงของนายใหญ่เฉิงไปแทบจะหมดสิ้น
เชิญนางอย่างนั้นหรือ!
เชิญอย่างนั้นหรือ!
สีหน้าของนายใหญ่เฉิงดูทุกข์ทนแต่ก็ดูขุ่นเคืองไม่น้อยเขาหลับตาลงก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงอย่างแรง
‘แน่นอนว่าข้าเชื่อฟังตัวข้าเอง ท่านวางใจเถิด ถึงเวลาที่ข้าต้องไป ข้าจะไปแน่นอน อีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อย่างเปล่าประโยชน์’
เสียงของหญิงผู้นั้นดังขึ้นข้างหู
เพราะไม่ยอมให้อยู่ จึงต้องจ่ายราคาทดแทนอย่างนั้นหรือ
ฝั่งเฉิงใต้ยังคงเหมือนดังเดิม ทว่าพอเหล่าแม่นมเดินเข้ามากลับสีหน้าดูหวาดหวั่น ไม่มีท่าทีหยิ่งผยองเหมือนแต่ก่อน พอถูกขวางไว้ที่หน้าเรือนของเฉิงเจียวเหนียง พวกนางกลับโค้งคำนับเหล่าคนยากไร้ที่แต่ก่อนไม่แม้แต่จะชายตามองแถมยังหัวเราะเยาะเสียด้วยซ้ำ
“รบกวนช่วยไปบอกแม่นางให้ที ว่านายท่านอยากพบแม่นาง”
เหล่าเด็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าปาดน้ำมูก
“นายหญิงไม่อยู่บ้าน” พวกเขาตอบ
ไม่อยู่บ้านอย่างนั้นหรือ
แม่นมนิ่งชะงักไป
………………………….