เล่ม 1 ตอนที่ 317 จักรพรรดินีออกรบ ต้องการจูบลา

ราชินีพลิกสวรรค์

การถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวไม่ใช่อุปนิสัยของนาง

ในเมื่อซีเฉียนรนหาที่ตาย นางก็จะสนองให้

ราชวงศ์จยาเซียนส่งทหารไปโจมตีซีเฉียนรึ ภายใต้คำสั่งของจักรพรรดินี ทำให้ทั้งราชวงศ์เริ่มเป็นหนูติดจั่นด้วยเสียงของความสงสัย

ลองถามจักรพรรดินีสาวได้ขึ้นแท่นบูชาด้วยเลือดก่อนแล้วขับไล่กองกำลังข้าศึกให้ออกจากชายแดนสุ่ยหัน ทำให้เมืองของเราแข็งแกร่งขึ้น แล้วยังเพิ่งวางแผนการสังหารพวกโจรที่นำโดยตระกูลหรง ยังมีใครกล้าออกมาคัดค้านการส่งทหารไปครั้งนี้อีก

สงครามครั้งนี้ จะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบกองกำลังของหนานฮวง เหล่าทหารที่ได้รับคำสั่งก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที นี่ถือเป็นโอกาสดีในการแสดงความสามารถให้จักรพรรดินีได้เห็น!

หลังจากการหารือ เจียงหลีตัดสินใจโจมตีกองทัพนับล้านของซีเฉียนและจะออกเดินทางในอีกสิบวัน ทหารแนวหน้าสองแสนนายจะออกเดินทางวันนี้ เพื่อยึดแนวป้องกันชายแดน

ในศึกครั้งนี้ จักรพรรดินีได้วางตำแหน่งแม่ทัพด้วยตนเอง แม่ทัพใหญ่ฝ่ายซ้ายและขวาคือลู่จ้านและเจียงเฮ่าที่เพิ่งกลับจากอาณาเขตหลิงอู่ และทุกภาคส่วนล้วนส่งรองแม่ทัพมาช่วยเสริม รวมทั้งตระกูลลู่ยังส่งพลทหารมาช่วยอีกหลายนาย

หยวนหวังลู่เสวียนถูกเจียงหลีนำตัวกลับมาจากสถาบันไป๋หยวนเพื่อนั่งประจำราชสำนักและรับหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนดูแลบ้านเมือง

“ซ้อเล็ก ข้าไม่ต้องการเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ข้าต้องการจะไปสู้รบในแนวหน้า!” ลู่เสวียนที่เพิ่งถูกนำตัวกลับมานั่งอยู่หน้าเจียงหลีด้วยสีหน้าบูดบึ้ง หวังให้นางถอนคำสั่งก่อนหน้านี้

เจียงหลีกลอกตาใส่เขา “มีอะไรน่าสนุกในการสู้รบรึ เจ้าอยู่ดูแลปกป้องเจียงซานและเพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งในเมืองไม่ดีกว่าหรือ”

“ไม่สนุกแล้วท่านไปทำไมเล่า ท่านเป็นถึงจักรพรรดินี จะไปรบแนวหน้าเพื่อเสี่ยงอันตรายได้อย่างไรกัน” ลู่เสวียนพูดอย่างไม่พอใจ

เจ้าเด็กบ้าคนนี้!

มุมปากของเจียงหลีกระตุกอย่างรุนแรง ในใจรู้สึกผิด ไม่ง่ายเลยที่นางก็หาโอกาสแอบอู้งานได้สักที เป็นอย่างไรล่ะ นางถูกกิจการบ้านเมืองตามหลอกหลอนอยู่ทั้งวันทั้งคืน น่ารำคาญแทบตาย เด็กคนนี้ต้องมาแย่งนางให้ได้เลยสินะ!

“ข้าจำเป็นต้องไป จักรพรรดินียืนยันเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจแก่กองทัพ แต่หากเจ้าจะตามไปด้วย เช่นนั้นราชวงศ์จยาเซียนจะมีใครไปนั่งว่าราชการกันเล่า เสี่ยวเสวียนจื่อ ทิ้งเจ้าไว้ก็ใช่ว่าจะทำอะไรมิได้เลย สงครามในขบวนหน้าต้องการกำลังทหาร แต่ต้องการให้เจ้านั่งควบคุมกองทัพ” เจียงหลีหลอกล่ออย่างอดทน

ไม่สิ นี่มิใช่การหลอก! สิ่งที่นางพูดล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น!

“ข้า” สายตาลู่เสวียนเริ่มลังเล แล้วพึมพำว่า “พี่เฮ่าเองเคยทำสงครามแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยสักครั้งเดียว”

“เจ้ายังหนุ่ม ยังมีโอกาสอีกมากมาย” เจียงหลีพูดอย่างขอไปที

ลู่เสวียนกลับส่ายหน้าอย่างรุนแรง “ไม่ได้! หากเป็นเมืองอื่นอาจปล่อยไปได้ แต่โจมตีซีเฉียนข้าต้องไปให้ได้!”

“เพราะอะไร” เจียงหลีถาม

ลู่เสวียนมองไปยังนางแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ ซีเฉียนทำร้ายคนของข้า เป็นถึงหยวนหวัง ข้าจะปล่อยไปได้อย่างไร ถึงอย่างไรในพระราชวังซีเฉียนวันนั้น ตาแก่ฮ่องเต้ซีเฉียนสมรู้ร่วมคิดกับลูกทั้งสองของมัน อยากจะเอาเปรียบท่าน ท่านพี่บอกไว้แล้วว่า ใครที่บังอาจมาทำร้ายท่าน ดูถูกท่าน ต้องฆ่าทิ้งเท่านั้น ตอนนี้ท่านพี่ไม่อยู่แล้ว สัญญาที่ท่านพี่ให้ไว้ น้องชายอย่างข้าจะทำเอง”

“…” คำพูดที่ออกมาจากใจนี้ ทำให้เจียงหลีพูดไม่ออก

นางรู้สึกซาบซึ้งใจ ไม่ว่าความห่วงใยนี้จะมาจากใคร แต่มันทำให้นางรู้สึกอบอุ่นจริงๆ “แต่ถ้าหากเจ้าจะตามไปด้วย แล้วใครจะเฝ้านั่งว่าราชการแทนกันเล่า”

“ให้ท่านปู่ออกมาว่าราชการแทนสิ! ท่านเป็นจักรพรรดิสูงสุดของราชวงศ์จยาเซียน ท่านแอบอู้งานมาพักหนึ่งแล้ว หากไม่ออกมาขยับร่างกายบ้าง ไม่กลัวกระดูกจะเสื่อมรึไงกัน”

เหอะๆ!

เจียงหลีหัวเราะเบาๆ พร้อมกับทำท่าทางเชิญให้กับลู่เสวียน “ทางท่านปู่นั้น เจ้าไปเชิญเองเถิด หากเจ้าเชิญท่านมาได้ ข้าจะให้เจ้าตามไปด้วย”

“คำไหนคำนั้น!” ลู่เสวียนตาเป็นประกาย

เจียงหลีพยักหน้า “คำไหนคำนั้น”

“ข้าจะไปพบท่านปู่เดี๋ยวนี้!” ลู่เสวียนตื่นเต้นมาก รีบออกจากพระราชวังและหายไปต่อหน้าเจียงหลีโดยไว

หลังจากที่เขาออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าเจียงหลีก็ค่อยๆ จางหายไป

ทันใดนั้นเอง นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปจากด้านหลังของนางและหันไปพูดกับคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าว่า “ท่านไม่อยากพบพวกเขาเลยหรือ”

ตั้งแต่ที่มหาเทพลู่เจี้ยปรากฏตัวนั้น เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องในตระกูลลู่เลย อีกทั้งไม่เคยพูดถึงญาติมิตรทางสายเลือดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

สายตาของมหาเทพตี้จวินมองไปทางที่ลู่เสวียนจากไปและตอบคำถามของเจียงหลีด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ในชาติก่อนมีวาสนากันทางโลกแล้ว พบกันอีกครั้งก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น”

“…” เจียงหลีมองไปทางเขา ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป

นางมิอาจรู้ได้ว่าเขามีชีวิตบนโลกนี้นานแค่ไหนแล้ว รู้เพียงว่าต้องนานมากแน่ๆ นานจนลืมว่าตนเองนั้นชื่ออะไร นับประสาอะไรกับอายุเขากันล่ะ

คนเช่นนี้ ในเส้นทางการฝึกฝนอันยาวนานนั้น จะมีความรู้สึกแบบใดกันที่จะทำให้เขาจดจำได้ไม่ลืม

ชีวิตและความตาย โชคชะตาและพรมลิขิต เกรงว่าคงมองทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้ว

“ลู่เจี้ย สักวันท่านจะลืมข้าหรือไม่” คำพูดของเจียงหลี ฟังดูเศร้าโศกอย่างบอกไม่ถูก นางเดินไปยังตรงหน้าเขาแล้วสวมกอดเขาเบาๆ

ลืมนางอย่างนั้นรึ

ดวงตาที่นิ่งสงบของลู่เจี้ยค่อยๆ ขยับเล็กน้อย ริมฝีปากค่อยๆ เม้มแน่น ถ้าหากเขาสามารถลืมนางได้อย่างง่ายดายจะเรียกว่าครอบงำจิตใจได้เยี่ยงไรกัน

กาลเวลาเปลี่ยนผัน เขามีประสบการณ์ทุกชนิดของอารมณ์และทุกความรู้สึกของชีวิต มีเพียงความรักระหว่างหนุ่มสาวที่เขามีเพียงความว่างเปล่าอันขาวโพลน

อีกทั้งชีวิตที่ยาวนานของเขา เพียงแค่รอให้นางปรากฏตัวเท่านั้น

“ลู่เจี้ย ท่านกอดข้าทีได้หรือไม่” จักรพรรดินีออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดของเขา

ท่าทางอ่อนโยนเช่นนั้น แกล้งแสดงออกมาไม่ได้แน่นอน

แต่ทว่าเขามองมันออก แต่ก็ไม่คัดค้านใดๆ ทั้งยังยื่นมือออกไปกอดนางไว้แน่น

ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาในอ้อมกอด ความรู้สึกปลอดภัยเช่นนั้นทำให้เจียงหลียิ้มออกมาเบาๆ นางหลับตาลง เพลิดเพลินกับความเงียบสงบที่หายากเช่นนี้

ชายผู้นี้ ในที่สุดก็เลิกดุด่าเอาแต่จะฆ่านางทิ้งสักที

นางเคยพูดไว้ ไม่ว่าเขาจะกลายเป็นใคร จำนางได้หรือไม่ นางก็จะทำให้เขาหลงรักนางอีกครั้งให้ได้!

แสงสว่างแห่งความมั่นใจส่องประกายอยู่ในดวงตาของเจียงหลีที่กำลังปิดอยู่รอมร่อ

“ลู่เจี้ย”

สักพักนางก็เงยหน้าขึ้น ดวงตายิ้มทั้งสองมองไปยังเขา ท่าทางน่ารักและใสซื่อเช่นนั้น มองไม่ออกเลยว่าเป็นจักรพรรดินีผู้สูงส่ง

สายตาของตี้จวินขยับเล็กน้อย ดูเหมือนนางจะแสดงด้านนี้ออกมาต่อหน้าเขาเพียงผู้เดียว พอสังเกตเห็นเช่นนี้ก็ทำให้เขารู้สึกดีใจ

“ข้าจะไปรบแล้ว” เจียงหลีแจ้งแก่เขาเหมือนกับเด็กที่คอยแจ้งให้กับผู้ใหญ่อย่างไรอย่างนั้น

อืม” รบหรือ เขารู้ดี

“จะลาจากกันแล้ว ท่านไม่คิดจะทำอะไรหน่อยหรือ” เจียงหลีถามอีกครั้ง

จากลาหรือ

ใครบอกว่าจะจากลากัน

ชายหนุ่มคิดในใจ แต่เขาก็ไม่คิดจะอธิบายเรื่องเข้าใจผิดเรื่องนี้หรอก ในเมื่อเขาตัดสินใจจะใช้เวลาสองเดือนในการจัดการกับบางเรื่องแล้ว การตัดสินใจครั้งหน้าย่อมไม่จากไปแน่

กับเจียงหลีแล้วจะฆ่าหรือไว้ชีวิตไว้ดีล่ะ เขาให้เวลาตัวเองสองเดือนในการพิจารณา นี่เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย

“ต้องทำอะไรอย่างนั้นหรือ” พระองค์มองนางอย่างงุนงง

แววตาสดใสของเจียงหลีสะท้อนให้เห็นถึงเงาร่างของเขาอย่างชัดเจน ความสงสัยของเขา ความงุนงงของเขา ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็น่ารักมากเช่นกัน ใบหน้าหล่อเหลาใบนี้มองอย่างไรก็ไม่พอสักที

ทันใดนั้นเจียงหลีก็เขย่งปลายเท้าขึ้นมาทำให้ทั้งสองอยู่ในระยะประชิด ยกริมฝีปากขึ้นพร้อมกับเชื้อเชิญคนบางคน “แน่นอนว่าต้องเป็นการจูบลาสิ”

“…”