บทที่ 70 ความโกลาหล

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เลี้ยงสุราทหารสามหมื่นนาย ต้องใช้เงินเท่าไหร่กันนะ?
คาดว่าขายจวนเฟิ่งทิ้งก็คงไม่พอกระมั้ง
แต่ในเมื่อพูดออกไปแล้ว หากจะคืนคำก็คงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อทำแล้วก็ต้องใจกว้างสักหน่อย เฟิ่งชิงเฉินกล่าวเกินตัวว่า
“คืนคำหรือ? ข้าเฟิ่งชิงเฉินไม่รู้จักคำว่าคืนคำ คอยดูแล้วกัน รอข้านำสุราไปที่ค่ายทหาร และดื่มกับทหารทั้งสามหมื่นนายของตระกูลอวี่เหวิน ไม่เมาไม่กลับ”
เฟิ่งชิงเฉินคิดในใจ นางจะนำทองคำทั้งหมดหนึ่งพันตำลึงที่ซูเหวินชิงให้มา เอาไปลงกับการเดิมพันที่จัดในเมืองหลวง เกี่ยวกับการรักษาดวงตาของหวังชิงหลิงที่นางรักษาทั้งหมด
ผลชนะให้ห้าต่อหนึ่ง นางจะได้มาห้าพันตำลึง หักส่วนที่แบ่งให้หวังชี คงเพียงพอแล้วล่ะ
หากไม่พอจริงๆ นางจะพยายามเพิ่มจำนวนเท่าการตอบแทนให้ได้สิบต่อหนึ่ง เงินสุราก็คงพอแล้วล่ะ
ปัญหาเรื่องเงินเลี้ยงสุราจบแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินก็สดใสขึ้นเรื่อย ๆ
เงินหมดสามารถหาใหม่ได้ เฟิ่งชิงเฉินมิได้ให้ความสำคัญกับเงินเท่าไหร่ ขอแค่พอใช้ก็พอแล้ว
อีกอย่าง นางมีทักษะเฉพาะอยู่ในมือ ไม่มีทางอดตายอย่างแน่นอน
“ตกลง ข้าจะรอแม่หญิงชิงเฉินแล้วกัน” ความใจเด็ดของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้นางได้คะแนนจากอวี่เหวินหยวนฮั่วมากขึ้น
ในใจของอวี่เหวินหยวนฮั่วนั้น เฟิ่งชิงเฉินจากคนที่สามารถเป็นมิตรสหาย เลื่อนขั้นไปเป็นมิตรรู้ใจ และแน่นอน หากจะเทียบกับมิตรร่วมเป็นร่วมตาย ยังคงอีกไกล
“อย่ากังวล ข้าไม่ลืมหรอก ขอบคุณแม่ทัพอวี่เหวิน ข้าขอลา” เฟิ่งชิงเฉินคำนับอวี่เหวินหยวนฮั่วและทหารทั้งหมด และกล่าวขอบคุณจากใจจริง จากนั้นก็เดินตรงไปทางเรือนนอกพระราชวัง
ในเวลานี้ องครักษ์ของเรือนนอกพระราชวังยังตะลึงอยู่กับที่ ไม่มีการตอบสนองใดๆ
เมื่อเห็นทหารส่วนตัวของตระกูลอวี่เหวินมาถึงเรือนนอกพระราชวัง พวกเขาคิดว่าพระสนมหรือฮองเฮาเสด็จเสียอีก
แต่เมื่อพวกเขาเห็นรถม้าเก่าๆ โทรมๆ นั่น พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาคิดมากเกินไปบางทีแม่ทัพอวี่เหวินอาจจะแค่เดินทางผ่านเท่านั้น แต่…..
แม่ทัพอวี่เหวินจอดรถม้าอยู่หน้าเรือนนอกพระราชวัง และพวกเขาเตรียมตัวจะเข้าไปต้อนรับ กลับพบแม่หญิงคนหนึ่งโดดลงจากรถม้าโดยไม่สำรวมเลย
พวกเขากำลังพยายามเดาว่านี่คือแม่หญิงตระกูลใด แต่เมื่อได้ยินทหารส่วนตัวของตระกูลอวี่เหวินตะโกนเรียกว่า “แม่หญิงชิงเฉิน”
เฟิ่งชิงเฉิน?
องครักษ์ตกตะลึงอยู่กับที่ พวกเขาไม่คาดคิดว่า เฟิ่งชิงเฉินที่ชื่อเสียงเสื่อมเสียจะได้รับการคุ้มกันจากแม่ทัพอวี่เหวินเอง
พระเจ้า เฟิ่งชิงเฉินช่างมีฝีมือเยี่ยมยอดเสียจริง
ในเมืองหลวงนี่ คุณชายใหญ่ของตระกูลหวังปกป้องนาง เมื่ออยู่นอกเมืองกลับมีแม่ทัพอวี่เหวินปกป้องนาง
ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถทำได้ถึงเช่นนี้ ถือว่าเก่งอย่างมากแล้ว
หลังจากที่องครักษ์รู้ว่าบุคคลนั้นคือเฟิ่งชิงเฉิน ไม่เพียงแต่ไม่ออกไปต้อนรับ แต่กลับเร่งกลับเข้าไปในเรือนนอก
พวกเขาจะรายงานสถานการณ์นี้ให้กับองค์หญิงอันผิง
องค์หญิงอันผิงกำลังพูดคุยกับเหล่าคุณหนู ทั้งเรื่องบทกวี ชงชาและฟังเสียงดนตรีไป รอยยิ้มบนใบหน้าของนางไม่เคยหายไป
ช่วยไม่ได้ วันนี้นางอารมณ์ดีอย่างมาก เพราะนางรู้ว่าหลังจากวันนี้ไป คำว่าเฟิ่งชิงเฉินจะหายไปชั่วตลอดกาล
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือดวงตาของคุณชายใหญ่จะยังคงมองไม่เห็น แม้ว่านางไม่เชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถเช่นนั้น แต่ว่า…..
อย่างน้อยก็มีความหวังอยู่บ้าง
แน่นอนว่าความเสียใจนี้ไม่ส่งผลต่ออารมณ์ดีของนางในตอนนี้เลย
ในขณะนี้ หญิงสาวในชุดนางกำนัลกำลังแสดงทักษะการชงชาของนาง มีดอกท้อลอยออกมา และมุมซ้ายบนของดอกท้อมีคำวาน “อัน” ปรากฏออกมา
เหล่าคุณหนูต่างก็ชอบใจ องค์หญิงอันผิงอารมณ์ดี และหญิงชงชานี้ก็เอาใจนาง นางจึงชมว่า “หลินยวี้ ศิลปะการแบ่งชาของเจ้านั้นเก่งขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ ข้ามีรางวัล….”
“หลินยวี้ขอบพระคุณองค์หญิงทรงมอบรางวัลเพคะ” หลินยวี้ดีใจ วางชุดชาลงและคุกเข่าอยู่ต่อหน้าองค์หยิงอันผิง
หากได้รับรางวัลในเทศกาลดอกท้อ วันหน้าแต่งงานเข้าเรือนสามี ก็จะได้รับการยกย่อง
นางกำนัลนำกล่องผ้าออกมา องค์หญิงอันผิงหยิบหยกหยูอี้ออกมา และกำลังจะมอบรางวัล ก็เห็นองครักษ์หงเป่ากำลังวุ่นวายอยู่กับนางกำนัลและขันที
“หงเป่าเจ้ากล้าดีนัก องค์หญิงกำลังจัดงานเทศกาลดอกท้อ อย่าได้ทำให้ท่านขุ่นเคือง” ขันทีและนางกำนัลพยายามห้ามเขาเอาไว้
“ข้ามีเรื่องสำคัญจะรายงานองค์หญิง” หงเป่าเหงื่อตกอย่างล้นเหลือ องค์หญิงอันผิงได้สั่งการไว้ว่า ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉินจะต้องรายงานในทันที
“ปล่อยเขาเข้ามา” องค์หญิงอันผิงกล่าว และให้หลินยวี้ถอยลงไป
แม้ว่าหลินยวี้จะไม่พอใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ถอยลงไปอย่างเงียบๆ นางรู้สึกโกรธเคืองอยู่ในใจ
“น้อมคำนับองค์หญิงขอรับ องค์หญิงทรงพระเจริญ” หงเป่าคุกเข่าลง
“หงเป่า หวังว่าเจ้าจะมีสิ่งที่สำคัญรายงาน มิฉะนั้นข้าไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ อย่างแน่นอน” การปรากฏตัวของหงเป่า ทำให้องค์หญิงอันผิงไม่สบอารมณ์ นางรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
เป็นไปตามคาด หงเป่าทำให้ความคิดขององค์หญิงอันผิงเป็นจริง
“เรียนองค์หญิง แม่ทัพอวี่เหวินคุ้มกันคุณหนูเฟิ่งมาที่เรือนนอกพระราชวังด้วยตัวท่านเองขอรับ ตอนนี้ท่านอยู่นอกประตู” หงเป่ากัดฟันและรายงาน
ไม่ว่าเขาจะโง่แค่ไหน เขาก็รู้ว่าองค์หญิงเกลียดเฟิ่งชิงเฉินมาก
“แม่ทัพอวี่เหวิน? แม่ทัพอวี่เหวินไหนรึ?” สีหน้าขององค์หญิงอันผิงบึ้งตึงทันที มือของนางกำหยกหยูอี้ไว้แน่น แววตาของนางเผยแสงประกายที่ดุร้ายออกมา
องค์หญิงอันผิงถามคำถามนี้อย่างไร้สาระ มีคนมากมายในราชวงศ์ตงหลิงที่มีนามสกุลอวี่เหวิน แต่คนที่มีสิทธิ์ที่จะถูกเรียนนามว่าแม่ทัพอวี่เหวินมีเพียงคนเดียวเท่านั้น
“อวี่เหวินหยวนฮั่ว”
เพี๊ยะ… องค์หญิงอันผิงขว้างหยกหยูอี้ในมือใส่หงเป่า
หงเป่าไม่กล้าขยับ หน้าผากของเขาถูกทุบจนเลือดออกและไหลลงอาบแก้ม
หยกตกกับพื้นและแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“พวกขยะ” องค์หญิงอันผิงด่าทอ
เหล่าคุณหนูมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากกล่าวกระไร
พวกนางกำลังคิดอยู่ว่า เฟิ่งชิงเฉินบอกแล้วว่าจะร่วมงานเทศกาลดอกท้อขององค์หญิงอันผิง เหตุใดนางมาไม่ถึง องค์หญิงก็ไม่โกรธ ที่แท้แล้วองค์หญิงไม่อยากให้นางมา
แต่สุดท้าย เฟิ่งชิงเฉินไม่เพียงมาร่วมงาน อีกทั้งยังมาอย่างอลังการ เป็นการตบหน้าองค์หญิงที่แรงอย่างมาก
แม่ทัพอวี่เหวินคุ้มกันมาด้วยตนเอง!
เมื่อมองไปที่ราชวงศ์ตงหลิงแล้ว คนที่สามารถให้แม่ทัพอวี่เหวินคุ้มกันได้ มีแต่ฮ่องเต้และฮองเฮาเท่านั้น
เฟิ่งชิงเฉินช่างมีความสามารถเสียจริง!
คุณชายใหญ่ของตระกูลหวังไม่พอ ไม่คาดคิดว่าแม่ทัพอวี่เหวินจะเข้าข้างนางด้วย คนอย่างนางเก็บไว้มิได้ หากเก็บไว้วันหน้านางจะต้องเป็นภัยอย่างแน่นอน
ในขณะนี้ คุณหนูทุกคนต่างก็ไม่ยอมรับว่า พวกนางอิจฉาเฟิ่งชิงเฉิน
พวกนางกำลังทำลายล้างภัยอันตรายให้กับทุกคน เฟิ่งชิงเฉินเป็นมาร มารที่เอาแต่หลอกลวงผู้ชาย
ผู้ชายที่พวกนางไม่สามารถเอื้อมถึงแม้แต่ชายเสื้อ เฟิ่งชิงเฉินกลับอยู่ใกล้เช่นนี้มิพอ อีกทั้งยังได้รับการปกป้องจากพวกเขาอีกด้วย ผู้หญิงเช่นนี้จะเก็บไว้ได้อย่างไร?
มีความคิดนี้ผุดขึ้นมา เหล่าคุณหนูไม่มีใครอยากจะเข้าไปเกลี้ยกล่อม มีเพียงหญิงสาวชุดสีครามที่ขยับตัว แต่คนข้างๆ ห้ามนางเอาไว้
“ยี่สือ ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาออกตัว”
“โอ้” หญิงสาวพูดด้วยความมึนงง แต่นางมิได้ขยับ เพียงแค่แววตาเผยความไม่พอใจออกมา
แม้ว่าองค์หญิงอันผิงจะโกรธเคือง แต่นางมิได้เสียสติ นางทราบดีว่าที่นี่มิใช่พระราชวัง นางหายใจเข้าลึกๆ และบังคับตัวเองให้ยิ้ม
นางกำนัลที่ตกใจจนตัวสั่น เมื่อเห็นองค์หญิงอันผิงยิ้มอีกครั้ง พวกนางจึงโล่งใจ
ต้องรู้ไว้ว่า องค์หญิงอันผิงโกรธในวังเมื่อไม่กี่วันก่อน นางทำร้ายตัวเอง แต่สุดท้ายกลับมีนางกำนัลเสียชีวิตไป24คน พวกนางไม่อยากเสียชีวิตไปอย่างไร้ค่าเช่นนี้
“องค์หญิง การชิมชาและการฟังดนตรีได้จบสิ้นแล้ว ขอเชิญองค์หญิงไปเปลี่ยนชุด และเสด็จไปที่สวนดอกท้อเพคะ” นางกำนัลก้าวเข้าไป และหาทางช่วยให้องค์หญิงได้ออกจากตรงนั้นอย่างสวยงาม
คุณหนูคนอื่นๆ มิใช่คนโง่ ต่างก็ยืนขึ้นโดยไม่สนใจหยูอี้ที่แตกเต็มพื้น พวกนางยิ้มแย้มและหยอกล้อกัน ต่างคุยกันว่าจะไปชมดอกท้อและยิงธนู
“ดียิ่งนัก เหล่าคุณหนูชมดอกท้อไปก่อน ประเดี๋ยวข้าจะตามไป วันนี้เราจะมาดูกันว่า คุณหนูท่านใดที่มีฝีมือการยิงธนูยอดเยี่ยมที่สุด” องค์หญิงอันผิงยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ นาง กลับรู้สึกถึงความเยือกเย็น
“หงเป่า ไปเตรียมการซะ คุณหนูเฟิ่งมาถึงแล้ว พานางไปที่สวนดอกท้อเลย”
องค์หญิงอันผิงยิ้มให้ทุกคนและหันหลังออกจากห้องงานเลี้ยงไป
หงเป่ารับคำสั่งและออกไป
เขารู้ดีว่า เตรียมการที่องค์หญิงอันผิงกล่าวมานั้นหมายถึงกระไร…….
บทที่ 069 พิชัยสงคราม

บทที่ 71 การกระทำที่แสนโหดร้าย