ตอนที่ 98 กับดัก

เหล่าชายฉกรรจ์ที่ตามมาทีหลังเห็นซูหวานหว่านจึงร้องเรียกนางขึ้นมา ชาวบ้านก่อนหน้านี้จึงรีบเข้าไปล้อมตัวซูหวานหว่านเอาไว้

“ซูหวานหว่าน! เจ้ายังมีเงินอยู่หรือไม่? รีบนำเงินมาจ่ายค่าวัตถุดิบพวกเราเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นอย่ามาโทษพวกเราหากพวกเราลงมือทำร้ายเจ้า!”

“ไม่ได้!” เหล่าชายรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงตะโกนค้าน “พวกเราสร้างบ้านให้กับซูหวานหว่านมานานแล้ว อีกทั้งเงินค่าจ้างก็ยังไม่ได้เลย! หนำซ้ำค่าจ้างของทุกคนก็ดูเหมือนจะต่ำไปกว่าครึ่งตำลึงตามที่ตกลงกันไว้! หากให้พวกเจ้าก่อนแล้วเงินค่าแรงของพวกเราจะทำเยี่ยงไร?”

“ใช่แล้ว!”

“…”

เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ต้องการสร้างปัญหาให้กับครอบครัวของนาง ทว่าเหตุใดตอนนี้ชาวบ้านสองกลุ่มถึงทะเลาะกันเองเสียแล้ว?

ซูหวานหว่านพูดไม่ออกเมื่อเห็นชาวบ้านสองกลุ่มทะเลาะจนถึงขั้นจะลงไม้ลงมือกัน

“หวานหว่าน!” แม่เจิ้นแหวกฝูงชนและพุ่งตรงไปหาซูหวานหว่านและเอ่ยเบา ๆ “เมื่อครู่ข้าไม่มีเงินให้กับพวกเขา ข้าบอกว่าให้พวกเขามาใหม่พรุ่งนี้ แต่ว่าพวกเขาไม่ยอมทั้งยังกล่าวหาว่าพวกเราโกหก พอเป็นเช่นนี้เรื่องได้กระจายไปสู่หูของคนงานที่สร้างบ้านให้พวกเรา เช่นนี้เราจะทำอย่างไรกันดี!”

ซูต้าเฉียงเองก็รีบเดินออกมาจากวงล้อมของชาวบ้านและมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยความหวัง เห็นได้ชัดว่าทั้งสองถือว่านางเป็นกระดูกสันหลังของครอบครัวเลยทีเดียว

‘แป๊ะ’ ‘แป๊ะ!’ ซูหวานหว่านตบมือตัวเองแรง ๆ ส่งผลให้ทุกคนเงียบลงในพลัน ซูหวานหว่านเอ่ยกับชาวบ้านคนหนึ่งว่า “ข้าต้องขออภัย ข้ายังไม่สามารถจ่ายเงินพวกท่านได้ในตอนนี้ ก็เพราะว่า…”

“เจ้าอย่าพูดอะไรอีกเลย! เจ้าต้องจ่ายค่าแรงของพวกเรามา!” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดแทรก

ช่วยฟังให้จบก่อนได้หรือไม่?

ซูหวานหว่านไม่รู้จะทำอย่างไรดีทำได้เพียงพูดออกมาว่า “ที่ข้าไม่ตอบตกลงท่านลุงก็เพราะว่าข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากพวกท่านในการสร้างเตาหินและก่อกำแพงลานบ้านให้เสร็จก่อน เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะจ่ายค่าแรงให้กับท่านทุกคน อีกทั้งจะมอบอั่งเปาให้กับพวกท่านอีกด้วย!”

“หึ! พวกเราไม่เชื่อคำพูดของเจ้าหรอก!” ชาวบ้านผู้หนึ่งพูดออกมาด้วยแรงโทสะพร้อมตบไปที่ตะกร้าที่มีเห็ดหูหนูอยู่ข้างใน “ซูหวานหว่าน เจ้าอย่ามาโกหกเราเสียให้ยาก! แม่ของเจ้าไม่มีเงินมาจ่ายพวกเราด้วยซ้ำ หากเจ้าไม่ให้เงินแก่พวกเราล่ะก็ ฮึ่ม! ทำมาเป็นพูดว่าจะให้อั่งเปากับพวกเราอีก มันก็เป็นเพียงคำโป้ปดเท่านั้นแหละ!”

“ใช่แล้ว! ยังมีหน้าให้พวกเราสร้างกำแพงบ้านอะไรอีก คิดว่าพวกเราจะทำอะไรไม่ได้อย่างงั้นหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง หากเจ้าไม่ให้เงินพวกเรา พวกเราจะทุบบ้านของเจ้าให้พัง!”

“…”

เหล่าชาวบ้านตกลงกันว่าขอให้ซูหวานหว่านจ่ายเงินพวกเขามาก่อน ซูหวานหว่านจึงดึงแขนเสื้อของตนเองออกมาอย่างไม่เต็มใจ นางเอื้อมมือเข้าไปในกล่องมิติฟาร์ม ทว่านางไม่พบเงินแม้แต่เหรียญเดียว!

นางใช้เงินหมดไปตั้งแต่เมื่อใดกัน? ซูหวานหว่านยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

เมื่อเห็นสีหน้าของซูหวานหว่าน เหล่าชาวบ้านก็โกรธเคืองขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาอ้าปากเตรียมสาปแช่ง ทว่าซูหวานหว่านก็ดึงไม้สีดำเล็กออกมาจากข้อมือ บนแผ่นไม้สลักอักษรสีทองขนาดใหญ่ – ‘เงิน’

ชาวบ้านที่มีสายตาแหลมคมเอ่ยขึ้นมาทันที “นี่! นี่คือแผ่นไม้กฤษณาที่มีเพียงคนร่ำรวยมั่งคั่งไม่ใช่หรือที่จะสามารถจะมีมันได้ หากมีเงินไม่ถึงพันตำลึงก็ไม่สามารถครอบครองได้ ซูหวานหว่านได้มาได้อย่างไร!”

ชาวบ้านตกตะลึงพลันสีหน้าแปรเปลี่ยนไป

ใครว่าตระกูลซูไม่มีเงิน! เห็นได้ชัดว่าตระกูลซูนั้นร่ำรวยเป็นอย่างมาก!

“ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าใช้เงินไปหมดแล้ว อีกไม่กี่วันข้าจะเข้าไปแลกเงินมาให้พวกท่าน ตกลงไหม? แต่ตอนนี้ข้าต้องจดเอาไว้ก่อน พวกท่านคิดว่าอย่างไร?” ซูหวานหว่านกล่าว

“ตกลง!” ชาวบ้านตอบตกลง ท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนไปจากก่อนหน้าที่เอาแต่ด่าทอนางไม่หยุด! ซูหวานหว่านสัมผัสได้ว่าอำนาจของเงินยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน ทั้งยังช่วยคลี่คลายปัญหาเหล่านี้ได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถจดมันได้ด้วยตัวเองจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย ฉีเฉิงเฟิงจึงหยิบพู่กัน ตลับหมึก กระดาษ และหินหมึกออกมาจดคิดบัญชีให้กับทุกคน ชาวบ้านต่างพากันเอ่ยชื่นชมเขา โดยบอกว่าตระกูลซูนั้นได้ลูกเขยที่ดี พอฉีเฉิงเฟิงได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า “เพราะว่าหวานหว่านมีสายตาที่เฉียบแหลมต่างหาก”

เหอะ! ยกย่องนางอีกแล้ว

ซูหวานหว่านกลอกตาเดินเข้าไปบ้านด้วยใบหน้าขึ้นสี แม่เจิ้นและซูต้าเฉียงก็ส่งสายตาให้กันแล้วเดินตามเข้าไปในบ้าน

“หวานหว่าน เจ้าคิดว่าแต่งงานเมื่อใดถึงจะดี?” แม่เจิ้นถาม

แม่เจิ้นกำลังเรียกร้องให้นางแต่งงาน? ซูหวานหว่านกลอกตาด้วยความเหนื่อยใจ “ท่านแม่! ข้ายังไม่รีบ!”

“เหตุใดถึงยังไม่รีบ! ตอนนี้บ้านใหม่ของเราก็สร้างเสร็จแล้ว และสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้แล้ว! อีกทั้งเรายังสามารถเชิญผู้คนมาร่วมงานฉลองบ้านใหม่ได้อีกด้วย ดังนั้นเราควรฉลองทั้งสองงานนี้พร้อม ๆ กัน ช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง! ทั้งยังออมเงินได้อีก!”

“แต่…” ซูหวานหว่านเอ่ยขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบ เสียงของหลิงเชอก็ดังขึ้นมาในหัวของนางเสียก่อน “แต่อะไร? หากท่านแต่งงานกับฉีเฉิงเฟิง ท่านจะได้รับคะแนนไปถึงหนึ่งล้านคะแนนเป็นของกำนัลเชียวนะ!”

ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่านางจะพบวิธีที่ดีในการได้รับคะแนนเสียแล้วสิ นางเอ่ยถามออกมา “หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะสามารถแต่งงานกับใครก็ได้หรือ? แล้วก็จะได้คะแนนมากขึ้นใช่หรือไม่?”

“ไม่!” หลิงเชอส่ายหัว ก่อนจะชี้แจงแบ่งตามระดับขั้นของแต่ละคน “หากท่านแต่งงานกับคนอย่างเหมี่ยวอี้เซิง ท่านจะต้องเสียคะแนนไปหนึ่งแสนคะแนน! หากแต่งงานกับหลี่ต้าหนิวคนในหมู่บ้าน ท่านจะได้รับหนึ่งร้อยคะแนนเป็นของขวัญ แต่ถ้าท่านแต่งงานกับคุณชายถัง ท่านอาจจะได้รับหนึ่งหมื่นคะแนนสำหรับของขวัญแต่งงาน!”

เหตุใดคะแนนถึงได้ต่างกันถึงเพียงนี้?

ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว คุณชายถังมีค่าแค่ 10,000 คะแนนเท่านั้น เช่นนั้นฉีเฉิงเฟิงจะต้องเป็นคนแบบไหนกันถึงได้คะแนนเยอะไปถึง 1 ล้านคะแนน!

หลิงเชอรับรู้ถึงสิ่งที่ซูหวานหว่านคิดอยู่ในใจและพูดขึ้นมาว่า “หากถามถึงความแตกต่าง ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ว่ามิติฟาร์มให้คะแนนสำหรับฉีเฉิงเฟิงคือหนึ่งล้านคะแนน มันถูกประเมินโดยผู้ที่สร้างมิติฟาร์มนี่ขึ้นมา หากท่านอยากรู้เรื่องนี้ล่ะก็ ท่านคงจะต้องแยกระบบมิติฟาร์มนี้ดูเอาเองเสียแล้ว”

นางจะทำลายมิติฟาร์มนี่ได้อย่างไร! ทว่าไม่เป็นไรนางมีแผนการสำรอง!

ซูหวานหว่านส่ายหัวแล้ว “ถ้าหากว่าข้าหย่าแล้วไปแต่งงานใหม่หรือแต่งงานกับผู้อื่นล่ะ? หรือแต่งงานพร้อมกันหลายคน?”

1 ล้านคะแนนยังไม่พอหรือ? นางต้องการคะแนนเพิ่มอีกหรือไร!?

หลิงเชอเอ่ยออกมาอย่างดูหมิ่น “หากท่านแต่งงานแบบตามอำเภอใจ ไม่ว่าจะเป็นคนประเภทใด ท่านจะต้องเสียคะแนนไปถึงสิบล้านคะแนน หากคะแนนของท่านไม่เพียงพอ ท่านก็จะกลายเป็นคนที่ปิดมิติฟาร์มนี่ลงและมิติฟาร์มนี้ก็จะหลับใหลไปชั่วกาล”

นี่…

มิติฟาร์มนี่มีเงื่อนไขมากเกินไปแล้ว! ไม่เพียงแต่เอานางและฉีเฉิงเฟิงผูกเอาไว้ด้วยกัน ยังเอาคะแนนผูกเข้าด้วยกันอีก กฎของการแต่งงานนี้อีกมันเหมือนมีไว้เพื่อปกป้องฉีเฉิงเฟิงโดยเฉพาะ กลัวว่านางจะทำอะไรที่จะเอาเปรียบฉีเฉิงเฟิง มันจะมากเกินไปแล้วนะ!

ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและถอดจิตออกมาจากมิติฟาร์ม สติของนางก็ได้กลับคืนมาพร้อมกับพบว่าตัวเองนั่งเหม่อลอยไปทั้งวัน

“หวานหว่านอย่าทำให้ข้าตกใจสิ! เจ้าไม่เป็นอะไรนะ!” แม่เจิ้นกล่าวด้วยความร้อนรน

ซูหวานหว่านลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของฉีเฉิงเฟิง ชายหนุ่มเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “นางจะต้องไม่เป็นอะไร ข้าจะรีบพานางไปหาหมอเอง”

นางถอดจิตเข้ามิติฟาร์มนานเกินไป ทำให้ทุกคนตกใจที่เห็นตนแน่นิ่งไปเช่นนั้น ซูหวานหว่านรู้สึกเสียใจมาก

นางอยากตำหนิตนเองและเตรียมเอ่ยอธิบาย ทว่าแม่เจิ้นตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร และหยิบน้ำที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาจิบ ทันทีที่นางจิบน้ำร่างกายของนางก็สั่นสะท้านและล้มลงกับพื้น!

ซูต้าเฉียงวิ่งเข้ามาและตะโกนทันที “เจ้าเป็นอะไรไป!? อย่าทำให้ข้าตกใจแบบนี้สิ!”

ซูหวานหว่านพยายามดิ้นรน เพื่อที่จะออกจากอ้อมแขนของฉีเฉิงเฟิง นางหันกลับไปมองแก้วน้ำทันที ภายในใจคิดว่าน่าจะถูกวางยาพิษ!