ตอนที่ 99 รนหาที่ตาย

ซูหวานหว่านมองฉีเฉิงเฟิงและเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ช่วยไปปิดประตูบ้านให้ข้าที เมื่อข้าถอนพิษให้ท่านแม่ได้แล้ว ข้าจะมาหาว่าใครมันเป็นคนวางยาพิษ!”

“ได้” ฉีเฉิงเฟิงเดินไปปิดประตูลานบ้าน ทำให้ชาวบ้านบางส่วนรู้สึกไม่พอใจและพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ฉีเฉิงเฟิง เหตุใดเจ้าถึงเชื่อฟังนางเยี่ยงสุนัขเชื่อฟังคำสั่งเจ้าของเช่นนี้? เจ้าเป็นเพียงแค่ลูกเขย นางพูดอะไรก็ต้องทำตามงั้นหรือ? ช่างน่าอายยิ่งนัก!”

ต้องการสร้างความขัดแข้งยั่วยุให้แตกคอกันรึ? ฉีเฉิงเฟิงเหลือบมองชาวบ้านคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา “ข้าชอบใคร ข้าจะดูแลคนนั้นเป็นอย่างดี หากข้าเชื่อฟังใครมันก็ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยสักนิด!”

“เจ้า!” ชาวบ้านคนนั้นสบถออกมาด้วยความโกรธจัด แต่เขาก็รู้สึกเกรงกลัวสายตาที่เย็นชาของฉีเฉิงเฟิงเช่นกัน

“หากพวกเจ้าคนใดกล้าที่จะออกไปจากที่นี่ในตอนนี้ ข้าจะคิดว่าคนนั้นคือคนวางยาพิษ! เมื่อถึงเวลานั้น… เหอะ พวกเจ้าจะต้องอยู่ในคุกไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน!” ซูหวานหว่านเอ่ยขึ้น ทำให้ชาวบ้านรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

ซูต้าเฉียงถามว่าจะไปหาหมอมาจากที่ใด ซูหวานหว่านจึงออกตัวว่าจะเป็นคนรักษาเองเพราะว่านางคือลูกศิษย์ของฮวงเหล่า หลังจากที่นางทำการรักษาและถอนพิษด้วยความเชี่ยวชาญแล้ว แม่เจิ้นก็สำลักน้ำออกมา จากนั้นจึงให้นางดื่มน้ำร้อนเข้าไปใหม่เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกในกระเพาะ

ซูหวานหว่านหยิบน้ำหลิงเยว่ออกมาให้แม่เจิ้นดื่มเพื่อบรรเทาพิษ อีกทั้งยังใช้คะแนน 10 คะแนนแลกยารักษามา พิษในร่างกายของแม่เจิ้นจึงถูกล้างออกไปจนหมด ทว่าร่างกายของนางยังคงอ่อนแรงอยู่ จึงนั่งพักผ่อนอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ พร้อมทั้งมองดูกลุ่มชาวบ้าน

ในขณะเดียวกันนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นในกลุ่มชาวบ้าน “ในเมื่อแม่นางเจิ้นไม่ได้เป็นอะไรแล้ว งั้นปล่อยพวกเรากลับเถอะ! ให้พวกเรากลับบ้านเถอะ! ลูกหมูตัวใหม่ที่ข้าเพิ่งซื้อมาข้ายังไม่ได้ให้อาหารมันเลย!”

“ไก่ของข้าก็ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน! ข้าจะกลับไปดูเสียหน่อย”

“…”

ชาวบ้านต่างแย่งกันพูดออกมา ซูหวานหว่านใช้สายตามองกวาดคนเหล่านั้นด้วยแววตาเย็นชาและเอ่ยด้วยเสียงเย็นเยือก “ใครเป็นคนวางยาพิษแม่ของข้า?”

“มีคนวางยาพิษแม่ของเจ้าที่ไหน! เจ้าคิดมากไปเอง!” เสียงผู้ชายที่คมชัดก็ดังขึ้น ซูหวานหว่านหันไปตามต้นตอของเสียงพบว่าเจ้าของเสียงนั้นก็คือ- ซูจินฮัว!

ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้น คิดว่าเหตุใดจู่ ๆ ซูจินฮัวถึงมาที่บ้านของนางได้? เมื่อนึกย้อนไปครั้งก่อนที่พ่อของเขามาก่อเรื่อง ซูจินฮัวคงต้องวางแผนเรื่องไม่ดีอยู่เป็นแน่

หรือว่าการวางยาพิษในครั้งนี้จะเป็นฝีมือของเขา?

เมื่อคิดได้แบบนี้ ซูหวานหว่านก็หัวเราะเยาะซูจินฮัว และยังไม่ทันได้พูดต่อ ซูจินฮัวก็เดินขยับตัวเล็กน้อยแล้วถอนหลังกรูด “บางทีแม่ของเจ้าอาจจะไปกินอะไรที่มันผิดสำแดงมาก็ได้แล้วคิดว่ามันเป็นการวางยาพิษ! มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เหตุใดจึงต้องตื่นตระหนก ทำให้มันใหญ่โตขึ้นมาด้วย!”

ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องบางคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้อง! ไม่ว่าเจ้าจะสงสัยอะไรพวกเรา พวกเราทุกคนต่างเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น พวกเราจะไปทำร้ายแม่ของเจ้าลงได้อย่างไรกัน?”

“…”

คำพูดเหล่านี้จะพิสูจน์อะไรได้? ซูหวานหว่านจ้องมองซูจินฮัว ความสงสัยในตัวเขายิ่งเพิ่มพูนขึ้น

พลันใดนั้นก็มีนกบินวนอยู่เหนือหัวของซูจินฮัวพร้อมกับร้องออกมา ซูหวานหว่านแอบใช้พลังวิเศษฟังเสียงนกที่ส่งเสียงร้อง “ข้าเพิ่งบินมาเกาะอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ข้ามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในบ้านของเจ้าอย่างชัดเจน! เขาหยิบซองยาสีขาวเทมันลงในกาต้มน้ำบนโต๊ะที่บ้านของเจ้า! แต่เขากลับไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนทำ! ไร้ยางอายเสียจริง ๆ !”

หลังจากที่นกพูดจบมันก็บนไปเหนือหัวของซูจินฮัวและปล่อยมูลใส่ใบหน้าของเขา ทำให้เขาโกรธเคืองอย่างมาก

บรรยากาศเคร่งเครียดในตอนแรกกลับดูครึกครื้นขึ้นมา ทุกคนหัวเราะออกมาและบอกซูจินฮัวว่าการที่ถูกนกขี้ใส่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ ซูจินฮัวโกรธมากที่ถูกหัวเราะเยาะ เขาใช้แขนเสื้อตัวเองเช็ดมูลนกออกจากใบหน้า ทว่ายิ่งเช็ดยิ่งทำให้เลอะไปทั้งหน้า!

ชาวบ้านทุกคนหัวเราะออกมาด้วยความขำขัน พลันใดก็มีกระดาษแผ่นเล็ก ๆ พับเป็นสี่เหลี่ยมหล่นออกมาจากแขนเสื้อของเขา ใบหน้าของซูจินฮัวซีดขาวและรีบหยิบมันขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก

นกน้อยรีบเอ่ย “มันคือกระดาษนั่น! ที่ข้าบอกว่ามันมีผงสีขาวอยู่ข้างใน! ข้าจำมันได้อย่างดี!”

ซูหวานหว่านใช้พลังวิเศษขอบคุณนกตัวนั้น นางตบไปที่หน้าอกของตัวเองแสร้งทำว่าตัวเองกำลังเจ็บปวดเป็นอย่างมาก “ซูจินฮัว เจ้าทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังนัก! ถึงแม้ว่าข้ากับเจ้าจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่พ่อของข้ากับพ่อของเจ้ามีความเกี่ยวดองกันทางสายเลือด! แต่นี่เจ้ากลับมาทำร้ายแม่ของข้า! มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”

“ข้าไปทำร้ายแม่ของเจ้าตอนไหนกัน! ข้าไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย” ซูจินฮัวร้อนรนพร้อมก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว

ซูหวานหว่านก้าวเท้าไปหาซูจินฮัวช้า ๆ นางยังไม่ได้ถามเรื่องที่วางยาพิษเลย ดังนั้นนางจะปล่อยเขาไปได้ยังไงกัน!

เมื่อเห็นว่าซูหวานหว่านเดินเข้ามา ลิ้นของเขาก็สั่นและรีบกล่าวออกมา! “ข้าไม่ได้เป็นคนทำ ข้าไม่ได้เป็นทำนะ!”

ซูหวานหว่านหยุดลงตรงหน้าของซูจินฮัว ส่วนสูงของนางเตี้ยกว่าซูจินฮัวเล็กน้อย ทว่าเหตุใดซูจินฮัวกลับรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

“แม่ของข้าโดนวางยาพิษหลังจากดื่มน้ำเข้าไป และข้าก็บังเอิญเจอผ้าเช็ดหน้าของเจ้าตกอยู่ข้าง ๆ กาต้มน้ำ หากไม่ใช่เจ้า แล้วจะเป็นใครที่วางยาพิษ?” ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา

เห็นได้ชัดว่าผ้าเช็ดหน้านั่นไม่ใช่ของเขา!

ซูจินฮัวเอาผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินออกจากเอวของตัวเอง “ข้าแค่ใส่ยาลงไปเท่านั้น ข้าไม่ได้ทำผ้าเช็ดหน้าตกแต่อย่างใด! และก็อีกอย่างผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไม่ใช่ของข้า ผืนนี้ต่างหากที่เป็นของข้า”

หลังจากพูดจบเขาก็ผงะไป เขายอมรับออกมาเองว่าตนเองเป็นคนวางยา? ซูจินฮัวโกรธจนอยากจะเข้าไปตบหน้าซูหวานหว่าน “เจ้าโกหกข้า!”

“ข้าเพียงพูดหลอกลวงเจ้า แล้วอย่างไรกัน? หากเจ้าไม่ได้ทำจริง ๆ เจ้าจะถูกข้าเปิดโปงงั้นหรือ?” ซูหวานหว่านส่งสายตาให้ฉีเฉิงเฟิง ทั้งสองจับซูจินฮัวเอาไว้โดยที่เขาไม่ทางหลบหนีได้ ซูหวานหว่านคว้ากระดาษออกมาจากมือซูจินฮัว นางคลี่กระดาษออกส่งผลให้ผงยาที่เหลือร่วงหล่นลงมา

ใบหน้าของซูจินฮัวซีดลง ทว่ายังคงพูดออกมาต่อว่า “หากเจ้าไม่ได้ทำร้ายน้องสาวของข้าก่อน ข้าก็จะไม่วางยาพิษเจ้าเช่นนี้!”

ในที่สุดก็สารภาพออกมาแล้ว!

เหล่าชาวบ้านนั้นไม่คิดว่าซูจินฮัวที่มีความรู้ความสามารถจะทำสิ่งนี้ได้ลงคอ พลันใดความโกรธของพวกเขาก็ปะทุออกมา ชาวบ้านคนหนึ่งที่มีโทสะเป็นอย่างมากเอ่ยขึ้น “หมู่บ้านของเรากำลังมองหาคนมาทำหน้าที่เสมียนและข้าก็อยากแนะนำเขาให้กับท่านหัวหน้าหมู่บ้านโดยเฉพาะ! คาดไม่ถึงว่าเขาจะทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังมากจริง ๆ!”

ซูจินฮัวเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “คิดว่าข้าอยากเป็นเสมียนกระจอก ๆ ในหมู่บ้านอย่างงั้นหรือ! วัน ๆ ต้องคอยรับใช้พวกเจ้ามันดีตรงไหนกัน!”

หือ? กล้าว่าพวกเขาขนาดนี้เลยงั้นรึ!

เหล่าชาวบ้านเกิดความไม่พอใจ บางคนจึงวิ่งไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน

ซูจินฮัวหัวเราะเยาะ “หากพวกเจ้าอยากไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อตัดสินข้าแล้วมันอย่างไร? อย่างไรเสียข้าก็สามารถเข้าไปทำงานในเมืองได้ อีกทั้งยังเข้าไปช่วยงานของท่านนายอำเภอได้ ต่อไปในอนาคตพวกเจ้าก็ต้องเข้ามาประจบประแจงข้า ยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! ทั้งยังมาบอกว่าข้าทำให้ผิดหวัง? พวกเจ้ามันเสียสติไปแล้ว! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”

เขาหัวเราะออกมาอย่างเย่อหยิ่งและโง่เขลา ซูหวานหว่านสงสัยนักว่าใครกันแน่ที่เสียสติ?

พวกชาวบ้านก็ไม่ได้ปริปากแย้งสิ่งใด ซูจินฮัวจึงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดว่า “พวกเจ้านั้นมีตาหามีแววไม่! พวกเจ้าไม่เพียงแต่ไม่มีสมอง แต่พวกเจ้ามันขี้ขลาด เหตุใดตอนนี้ถึงไม่ด่าว่าข้ากันอีกล่ะ! หากเป็นแบบนี้แล้วก็รีบมาประจบประแจงข้าสิ เข้ามาเลียแข้งเลียขาข้าสิมา!”

“ใครกันที่มันผยองเช่นนี้?” จู่ ๆ ก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดออกมาพร้อมกับผลักประตูลานบ้านของซูหวานหว่าน ชายผู้นั้นมองไปยังซูจินฮัวที่กำลังเบ่งอำนาจของตัวเองอยู่

“เจ้าคือซูจินฮัว? ข้าได้ยืนฟังอยู่ด้านนอกประตูและได้ยินคำพูดของเจ้าอย่างชัดเจน! ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ฟัง เจ้าไม่มีวันที่จะได้รับตำแหน่งนั้นหรอก!”

“ท่านเป็นใคร? ก็แค่ตาแก่คนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมาว่าข้า!” ความอวดดีของซูจินฮัวยังไม่ลดละ

หากไม่รนหาที่ตายเองคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก!

ซูหวานหว่านรู้สึกขบขัน ดูจากหน้าตาและท่าทางของชายชราคนนี้แล้วท่าจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีคนมาช่วยจัดการซูจินฮัวให้นางเสียแล้ว!

ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงปล่อยตัวซูจินฮัว รอดูว่าชายชราคนนี้จะจัดการกับซูจินฮัวอย่างไร

ชายชราได้หยิบแผ่นป้ายไม้ออกมาจากเอวตัวเอง เมื่อซูจินฮัวเห็นแผ่นป้ายนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็มลายหายไปทันที และชาวบ้านต่างก็พากันตกใจเช่นกัน