บทที่ 223 เจรจา
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของหลัวซิวก็เหวอไป ไอตัวนี้สมองมีปัญหาหรือไง หรือว่ากำลังจะล้อเล่นอะไรอยู่”
“ตอนนี้แกถูกฉันมัดอยู่ ทำตัวให้เรียบร้อยหน่อยจะดีกว่า”
หลัวซิวถอนใจก่อนจะลดขนาดของตาข่ายเปลวไฟดำลง ส่วนตัวที่เรียกตัวเองว่ามังกรไร้ร่างถูกเปลวไฟดำแผดเผาจนร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด
หลังจากที่โดนหลัวซิวลงโทษไปแล้ว เงาร่างนั้นก็ยอมสงบท่าทีลง แล้วเก็บความดุร้ายกับความโหดร้ายของตัวเองเอาไว้
“แกบอกว่าแกคือมังกรไร้ร่างหรือ” หลัวซิวกล่าวถาม
“ท่านมังกร……” ตอนที่เงาตนนั้นตั้งท่าจะพูด ก็สังเกตเห็นถึงความเย็นชาในสายตาของหลัวซิวจึงรีบหดคอเข้าไป แล้วตอบคำถามของหลัวซิวอย่างจริงใจ
หลังจากหลัวซิวได้สอบถามแล้วก็รู้ว่า มังกรไร้ร่างคือสัตว์ประหลาดในเผ่ามังกร เกิดมาโดยมีพลังในการควบคุมอากาศ เคลื่อนกายไปมาอย่างไร้ร่องรอย จึงมองข้ามค่ายกลไปได้เป็นจำนวนมาก
“ข้าชื่อหลงหมิง เป็นมังกรไร้ร่างที่เหลืออยู่เพียงตัวเดียวบนโลกใบนี้”
ตามที่มังกรไร้ร่างอย่างหลงหมิงได้เล่าออกมา ในช่วงเวลายุคโบราณนั้นทุกๆ เผ่าได้ประสบกับภัยพิบัติขนาดใหญ่ เผ่ามังกรไร้ร่างของมันเองก็เกือบจะสูญพันธ์เช่นกัน
แต่ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติครั้งนั้น หลงหมิงได้ถูกสำนักไท่เสวียนขังเอาไว้ในวังใต้ของแดนนานาอสูรแห่งนี้
หลัวซิวได้ยินดังนั้นก็ช็อคจนพูดอะไรไม่ออก เพราะนี่เกี่ยวพันไปถึงความลับในยุคโบราณด้วย แต่เพราะเจ้าหลงหมิงได้ถูกขังเอาไว้นานเกินไป จึงรู้เรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นน้อยมาก
“ตามที่ฉันรู้ สมัยปัจจุบันกับสมัยโบราณเวลาห่างกันมากกว่าหมื่นปี แกบอกว่าถูกขังอยู่ในวังใต้ตั้งแต่ก่อนเกิดภัยพิบัติในช่วงสมัยโบราณ หรือว่าแกจะอยู่มาเป็นหมื่นๆ ปีแล้ว?” หลิวซิวขมวดคิ้ว
ในการฝึกยุทธ์นั้น เริ่มต้นตั้งแต่แดนพรสวรรค์ หากบรรลุแดนใหญ่ก็จะมีอายุขัยที่เพิ่มขึ้น
แต่แม้แต่จักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งเอง ก็ยังมีอายุอย่างมากที่สุดแค่สองพันปี แต่เจ้ามังกรไร้ร่างนี่กลับมีอายุมามากกว่าหมื่นปีแล้ว
หลงหมิงเบะปากแล้วเอ่ยอย่างดูแคลน “มนุษย์อย่างพวกเจ้า มีเพียงจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้นที่จะสามารถมีอายุขัยยืนยาวถึงหนึ่งหมื่นปีได้ แต่สำหรับเผ่ามังกรอย่างพวกเราแล้วมีอายุยืนยาวมากกว่าพวกเจ้าหลายเท่านัก!”
ส่วนในด้านการฝึกตนนั้น มนุษย์มีความได้เปรียบมากกว่า มีความสามารถในการพัฒนามากกว่าและสามารถเลื่อนขั้นขึ้นได้เร็วกว่า
ทว่าพวกอสูรกายจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่า อายุยืนยาว แต่ในด้านการฝึกตนนั้นกลับด้อยกว่ามนุษย์มาก
จักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งสักคนสามารถมีอายุได้ถึงสองพันปี แต่อสูรกายระดับ 6 กลับสามารถมีอายุได้มากถึง 5 – 6 พันปี
เผ่ามังกรถือเป็นชนเผ่าสูงสุดในบรรดาอสูรกาย จึงมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวกว่า
“ข้าถูกขังอยู่ในวังใต้มาห้าหมื่นกว่าปี อายุขัยของข้าก็ใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว ข้าไม่มีทางเลือกจึงต้องใช้พลังอมตะทวนนภาพรากชีวี ยอมทิ้งร่างเดิมแล้วเริ่มต้นใหม่ ไม่อย่างนั้นแล้วเด็กน้อยที่ฝึกถึงแค่แดนฝึกจิตอย่างเจ้า หากมังกรอย่างข้าอยู่ในยุคเฟื่องฟูแค่จามครั้งเดียวก็คงทำให้พวกเจ้าตายเป็นจำนวนมาก”
หลัวซิวไม่สนใจหลงหมิงว่าจะคุยโม้ตัวเองว่าอย่างไร แต่สังเกตได้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงพลังอมตะทวนนภาพรากชีวี
หลงหมิงสังเกตสายตาของหลัวซิว แล้วเม้มปากเอ่ยว่า “พลังอมตะไม่ใช่สิ่งที่เด็กน้อยอย่างเจ้าจะฝึกฝนได้ ยิ่งไปกว่านั้นพลังอมตะทวนนภาพรากชีวีเป็นพลังอมตะของพวกเราเผ่ามังกร จะต้องใช้เมื่ออายุขัยของเราหมด โอกาสที่จะประสบความสำเร็จมีน้อยมากเจ้าเองก็ฝึกไม่ได้เช่นกัน”
หลัวซิวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในคำพูดของหลงหมิง จึงเอ่ยถามว่า “พลังอมตะถือเป็นวิชายุทธ์อย่างหนึ่งหรือไม่”
“วิชายุทธ์?” หลงหมิงเงียบไป รอยยิ้มเลือนหาย “เด็กน้อยอย่างเจ้าคงไม่รู้ว่า วิชายุทธ์เป็นสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดของการฝึกตนหรอกหรือ จะเอามาเปรียบเทียบกับพลังอมตะได้อย่างไร”
เหนือกว่าวิชายุทธ์คือวิชายิ่งเลิศ เหนือจากวิชายิ่งเลิศถึงจะเป็นพลังอมตะ
การฝึกตนทางโลกยุทธ์ในสมัยโบราณยุครุ่งเรือง ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้กันหมด
หลัวซิวถามคำถามต่ออีกสองสามข้อ ทว่าในบางคำถามคำตอบของหลงหมิงค่อนข้างจะคลุมเครือ โดยบอกว่าเป็นเพราะว่าเขาได้ใช้พลังอมตะทวนนภาพรากชีวี จึงเหมือนเกิดใหม่ ความทรงจำบางส่วนจึงหายไป
มันหนีออกมาจากชั้นล่างของวังใต้ พลังยุทธ์ของมันตอนนี้อยู่ในระดับแดนพรสวรรค์ ซึ่งเทียบเท่าได้กับอสูรกายขั้น 3
ส่วนเรื่องราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งทั้งสองคนของตระกูลเหยียนที่บุกเข้าไปยังชั้นล่างของวังใต้ ก็เป็นมันที่เป็นกำจัดไป
“ชั้นล่างของวังใต้มีแท่นวิภาไร้เขต ที่ขังข้าเอาไว้ตลอดห้าหมื่นปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นสมบัติที่ไม่เลวเลย แต่ด้วยพลังของเจ้าแล้วก็ไม่อาจเก็บมันเอาไว้ได้” หลงหมิงกล่าว
“เจ้ามนุษย์ตัวน้อย พวกเรามาเจรจากันหน่อยดีหรือไม่ ขอเพียงเจ้าพาข้าออกไปจากที่นี่หากข้าสามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้เมื่อไหร่ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างดี”
หลัวซิวหรี่ตาลงแล้วยิ้ม “แน่ใจหรอว่าจะไม่ได้มาเพื่อแก้แค้นฉัน”
“คนอย่างหลงหมิงจะตอบแทนบุญคุณด้วยการแก้แค้นได้อย่างไง” หลงหมิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
มังกรกับมนุษย์จ้องตากันภายในอุโมงค์มืด ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงตอนนี้พลังจิตแท้เปลวไฟดำขนาดใหญ่ของหลัวซิวก็ยังคงอยู่โดยมัดอีกฝ่ายหนึ่งเอาไว้
“ให้ฉันเอาตราสำนึกฝังเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของแก ฉันถึงจะวางใจ” หลัวซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเครียด
“ไม่มีทาง! ให้แกเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของฉัน นั่นไม่เท่ากับว่าชีวิตนี้ของฉันที่เหลือจะถูกควบคุมโดยแกหรอกหรือ” หลงหมิงแผดเสียงคำราม
ในสมัยโบราณ อย่างน้อยๆ เขาก็เป็นถึงทายาทมังกรไร้ร่างของเผ่ามังกรตัวหนึ่ง จึงมีความภาคภูมิใจในตัวเอง จะยอมถูกเผ่ามนุษย์ควบคุมได้อย่างไร
“ต่อให้ฉันไม่ฝังตราสำนักเข้าไปอยู่ในตัวหยั่งรู้ของแก ชีวิตนี้ของแกก็อยู่ในมือของฉันแล้วตอนนี้” หลัวซิวยิ้มอย่างอำมหิต
เขาตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะไม่ปล่อยมังกรไร้ร่างตัวนี้ไป ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณอีก ลำพังแค่เรื่องที่มังกรไร้ร่างสามารถควบคุมอากาศได้ แค่นี้ก็ถือว่ามีประโยชน์กับตนไม่น้อยแล้ว
สุดท้ายแล้ว หลงหมิงก็ทำได้เพียงยอมอ่อนข้อให้เท่านั้น และปล่อยให้หลัวซิวนำตราหยั่งรู้มาฝังไว้ในตราสำนึก
เพียงแค่หลัวซิวเริ่มท่องคาถา ตราสำนึกก็แตกออกทันทีและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เข้าไปในวิญญาณหยั่งรู้ของมัน
หลงหมิงเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทวนนภาพรากชีวีทำให้กลับมาเกิดใหม่ พลังอมตะอันนี้ในเมื่อมีชื่อเรียกว่าทวนนภา เพราะโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมีน้อยมาก
ตั้งแต่สมัยโบราณ ก็มีผู้แข็งแกร่งผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยที่อายุขัยหมดแล้วและพยายามใช้วิชาพลังอมตะทวนนภาพรากชีวี และส่วนใหญ่แล้วก็มักจะประสบกับความล้มเหลว
ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้กลับมาเกิดใหม่ และได้หนีออกจากวังใต้ที่ตนถูกขังมากว่าห้าหมื่นปี หลงหมิงไม่อยากถูกสังหารด้วยฝีมือของมนุษย์ตัวน้อยคนหนึ่ง เพราะนั่นคงทำให้มันช้ำใจมาก
“ยอมถอยให้มันก่อนก็แล้วกัน รอให้พลังของข้าฟื้นฟูกลับมาดังเดิมก่อน มันจะได้เห็นดีแน่” หลงหมิงคิดในใจเช่นนี้[1][1]