ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 193 เยี่ยนจ้าวเกอผู้ไร้เทียมทาน!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

กระบี่วิญญาณสองเล่มต่อสู้กันอยู่กลางท้องฟ้า เล่มหนึ่งสีเขียวมรกต เล่มหนึ่งสีทองบริสุทธิ์

เยี่ยนจ้าวเกอกวัดแกว่งกระบี่ออกไป ในกระบวนท่าปรากฏการดับสลายของกลุ่มธาตุหลายกลุ่ม และภาพการเปิดออกของจักรวาลอันกว้างใหญ่อย่างเหนือความคาดหมาย

ประหนึ่งกับการปิดฉากของทุกสิ่ง ทั้งยังคล้ายกับจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งด้วยเช่นกัน

ครั้นถึงขีดสุดของประกายกระบี่ ทันใดนั้นประกายกระบี่ของเปลวเพลิงสีทองที่ส่องประกายเพลิงน้อยนิดของจ้าวฮ่าว ก็พลันสูญสิ้นในทันใด

กระบี่เผาไหม้โชติช่วงในมือจ้าวฮ่าว พลังชีวิตประกายกระบี่ถูกกระบี่วิญญาณมังกรมรกตกดอัดฉับพลัน เปลี่ยนเป็นมืดสลัวอับแสง

เจตจำนงกระบี่อันน่าหวาดผวาของเยี่ยนจ้าวเกอ มุ่งขึ้นข้างบนตลอดทาง ตัดหั่นตรงไปยังร่างจ้าวฮ่าว

บนใบหน้าจ้าวฮ่าวปรากฎให้เห็นความตกตะลึงเล็กน้อย รู้สึกเพียงว่าคมกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอแฝงไปด้วยท่วงทำนองพลังน่าพรั่นพรึง ที่หมายจะทำลายสรรพสิ่งให้สูญสลาย

เจตจำนงกระบี่และปราณจิตราของตนพังพินาศโดยสิ้นเชิงอย่างไม่คาดคิด ยากจะต้านทานได้

“ในการประชุมฝ่านภาก็ไม่เคยเห็นเขาแสดงออกเช่นกัน สุดท้ายแล้วกระบี่นี้ของเขา…” จ้าวฮ่าวรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอของเยี่ยนจ้าวเกอในขณะนี้ จนถึงขั้นที่แม้แต่ปลดปล่อยปราณจิตราออกมาภายนอกล้วนยังแสนเข็ญ

ในลำดับชั้นพลังฝึกปรือ เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ไม่ได้ถือไพ่เหนือกว่า

หากกล่าวว่าระดับขั้นสูงกว่านำพามาซึ่งโลกทัศน์และประสบการณ์ความรู้ จ้าวฮ่าวในชาติก่อนคือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วเขาจะเสียเปรียบในด้านนี้ได้อย่างไร?

ถึงกระนั้น ไร้ซึ่งเหตุผล ไร้ซึ่งหลักการ การประมือขณะนี้ เขาต่อสู้พ่ายแพ้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย!

จ้าวฮ่าวตะโกนร้องเสียงแหลม “กลืนดิน!”

เขาพลิกฝ่ามือ เตากลั่นโอสถเล็กๆ ที่ไม่เตะตาแม้แต่น้อยพลันเปล่งแสงดำสนิทออกมาทั่วทุกส่วนทันที

ภายในเตากลั่นโอสถนี้ไม่มีพลังปราณใดๆ ส่งถ่ายออกมา และไม่เห็นรัศมีแสงปรากฎวับวาบแม้แต่นิด ไม่มีการผันแปรพลังใดๆ ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ

เป็นเหมือนเช่นของพื้นๆ ที่ธรรมดาอย่างยิ่งชิ้นหนึ่ง

แต่พลังของกระบี่เยี่ยนจ้าวเกอที่ชี้ไปบนเตากลั่นโอสถขนาดเล็กสีดำ ราวกับหายเข้าไปในกลีบเมฆ อันตรธานไปในชั่วพริบตา

กระบี่วิญญาณมังกรมรกต อาวุธวิญญาณระดับล่างแทงอยู่บนพื้นผิวเตากลั่นโอสถ ทว่าไม่มีร่องรอยใดๆ ทิ้งเอาไว้บนเตากลั่นโอสถโดยสิ้นเชิง

เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลง เคลื่อนไหวกายไม่อืดอาดแม้แต่น้อย ฝ่ามือหนึ่งโจมตีออกไปอีกครั้งทันที!

จ้าวฮ่าวใช้มือรองเตากลั่นโอสถไว้ คล้ายกับชูโล่กำบังขึ้น เคลื่อนย้ายขัดขวางการรุกโจมตีของเยี่ยนจ้าวเกอ

“จนปัญญาขับเคลื่อน ทำได้เพียงพึ่งพาความมหัศจรรย์ของของวิเศษ ใช้ประโยชน์ต้านทานเท่านั้นรึ?” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้ว

ฝ่ามือที่โจมตีไปทางจ้าวฮ่าวของเขา เปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลัน การเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าอันประณีตวิจิตรแสดงออกมา เงาฝ่ามือทั่วท้องฟ้าปกคลุมผ่านไป

จ้าวฮ่าวกวัดแกว่งกระบี่โจมตีตอบโต้ “เยี่ยนจ้าวเกอ วันนี้ข้าจะต้องสังหารเจ้า!”

เจดีย์สูงสีทองพังทลาย ประตูแสงสีแดงเลือนหาย มหาค่ายกลที่ค้ำจุนแดนมารผกผันกลับกะทันหัน

โลกแสงสีแดงที่บรรดาผู้คนยืนอยู่ค่อยๆ พังทลายสลายไป ไอมารสีดำเหนือศีรษะพลันชะงักงัน จากนั้นก็กระจายสลายไปอย่างรวดเร็ว!

ภูเขาเทพทั้งสองลูกนั้น ลูกหนึ่งดำลูกหนึ่งแดง ประดุจเสาเอกค้ำฟ้าก็ไม่ปานปรากฎขึ้นมาอีกครั้งเหนือศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ

ร่างสีดำส่งเสียงคำรามอันเดือดดาลของผู้อาวุโสโม่ดังขึ้น “เจ้าเด็กน้อยตระกูลเยี่ยน เจ้ารนหาที่ตาย!”

ยอดเขาสูงตระหง่าน ทุบแสกศีรษะลงมาทางเยี่ยนจ้าวเกอโดยตรง

ลำแสงเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอพลันมืดสลัวลง เงาดำเหนือศีรษะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์

พลังปราณน่าพรั่นพรึงแทบจะทำให้ทั่วร่างเขาชา ขยับเขยื้อนไม่ได้

“ห่วงตัวเจ้าเองก่อนเถิด” สีหน้าเยี่ยนจ้าวเกอไม่เปลี่ยน ยิ้มอย่างเย็นชา

มหาค่ายกลแดนมารผกผันกลับ ส่วนที่เหลืออยู่จากไอมารมากมายที่สลายไป เริ่มทะลวงเข้าไปในร่างกายของผู้ตกเป็นมารแต่ละคนอย่างบ้าคลั่ง

ผู้กลายเป็นมารที่เดิมทีได้รับไอมารเสริมเติม บัดนี้ไม่เพียงแต่หมดหนทางได้รับพลังเพิ่ทเท่านั้น ไอมารที่ผกผันกลับอย่างรวดเร็ว กลับจะก่อตัวเป็นภัยคุกคามหนักหน่วง ปะทะร่างกายพวกเขาอย่างบ้าระห่ำเสียด้วยซ้ำไป!

ภูเขาเทพสีดำนั้นที่แต่เดิมกดอัดเยี่ยนจ้าวเกอลง บัดนี้กลับสั่นไหวอย่างรุนแรง ประหนึ่งเขาถล่ม

ค่ายกลยันต์มหึมาที่ขับดุนภูเขาเทพสีดำให้เด่นขึ้นมา ยามนี้ก็ไม่มั่นคงขึ้นมาเช่นกัน เริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ ตลอดเวลา!

อาคมยันต์สูญสิ้นไปทีละสาย กลายสภาพเป็นธารแสง ปลิวกระจายไปในท้องฟ้า

ผู้อาวุโสโม่แผดเสียงก้อง “ไอ้ชั่ว!”

ในขณะเดียวกันนั้น ภูเขาเทพสีแดงที่แปรสภาพมาจากพลังเจตจำนงหมัดของซานสือเวิง ก็โจมตีกระแทกภูเขาเทพสีดำดังโครมคราม!

ภูเขาเทพสีดำที่เดิมทีจะล้มไม่ล้มแหล่ บัดนี้เริ่มพังทลายแตกเป็นเสี่ยงๆ โดยพลัน!

ผู้อาวุโสโม่ผงะออกจากไอมารมหาค่ายกล ซานสือเวิงที่แต่เดิมถูกเขากดเป็นรอง พลังกลับเหนือชั้นกว่าผู้อาวุโสโม่ในทันที!

สถานการณ์ต่อสู้พลิกผันกลับฉับพลัน

ค่ายกลยันต์สีดำกับภูเขาเทพสีดำแตกสลายลงพร้อมกัน เผยให้เห็นใบหน้าที่ร้อนรนและไม่ยินยอมของผู้อาวุโสโม่ ลูกตาดำสีทองคู่นั้นจดจ้องภูเขาเทพสีแดงเบื้องหน้า ทั้งยังจดจ้องเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่เบื้องล่างอีกด้วย แสงโลหิตภายในลูกตาดำกระหน่ำส่องประกาย คลื่นเพลิงโทสะเสียดฟ้า

ทว่าซานสือเวิงได้ทีก็ไม่ยั้งมือ ร่างสีแดงที่แปรสภาพมาจากเจตจำนงหมัดโจมตีลงไปอีกครั้ง สะเทือนเสียจนผู้อาวุโสโม่กระอักโลหิตสดออกมาอย่างบ้าคลั่ง!

ผู้อาวุโสโม่แผดเสียงกึกก้องด้วยความโกรธแค้น โซ่เรียวยาวที่ประกอบขึ้นด้วยอักขระค่ายกลเงาแสงสีดำซึ่งเชื่อมต่ออยู่บนร่างต่ออีกเส้น

โซ่เรียวยาวอันแปรสภาพมาจากไอมาร ม้วนกลับกรูเข้าไปภายในร่างของเขา กระแทกจนผู้อาวุโสโม่กระอักโลหิตสดออกมาอีกครั้ง!

การรุกโจมตีของซานสือเวิงนี้ เขาไม่ให้โอกาสผู้อาวุโสโม่ได้โจมตีโต้ตอบเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังพุ่งเข้าเป้าอีกหน!

“เจ้าเด็กน้อยตระกูลเยี่ยน เจ้าจบไม่สวยแน่!” ผู้อาวุโสโม่รู้ดีแก่ใจว่าตนเองยากจะหลีกหนีแล้ว เขาแผดร้อง ละทิ้งซานสือเวิงไปไม่สนใจโดยสิ้นเชิง ด้วยต้องการโหมพลังสุดท้ายขึ้น สังหารเยี่ยนจ้าวเกอเพื่อระบายความแค้นในใจ

ทว่าโซ่อักขระยันต์สีดำที่ม้วนกลับบนร่างเขา ทำให้ร่างกายของเขาที่บาดเจ็บหนักอยู่แล้วถึงขั้นแบกรับภาระหนักอึ้งไม่ไหว เลือดเนื้อแตกปะทุดังโครมคราม

ครั้นร่างกายของผู้อาวุโสโม่หยุดชะงักอยู่กลางท้องฟ้า การโจมตีของซานสือเวิงก็ไล่ตามเขาทัน!

เสียง ‘โครม’ ดังสนั่น ประหนึ่งกับเสียงของหินผาลี้ลับหมื่นปีแตกเป็นเสี่ยงๆ ดับสูญโดยสิ้นเชิงส่งทอดมา

ชะตาของผู้อาวุโสโม่เดินมาถึงจุดสิ้นสุด เขากระอักโลหิตคำหนึ่งออกมา เจตจำนงหมัดและปราณจิตราทั่วร่าง สูญสลายจนหมดสิ้น

เขาตายตาไม่หลับ นัยน์ตาทั้งสองเบิกกว้างจ้องเยี่ยนจ้าวเกออยู่ “…ข้าไม่ยอม!”

ยอดฝีมือมหาปรมาจารย์อาวุโสท่านหนึ่ง ร่วงโรยนับแต่นี้ไป!

พลังปราณดั้งเดิมอันบ้าคลั่งบนท้องฟ้ากระจัดกระจายออกไป ม้วนเอาลมเมฆไร้ขอบเขตขึ้น พัดกระหน่ำเสียจนผู้คนเบื้องล่างก็ยืนไม่อยู่เช่นกัน

กลุ่มเยี่ยฉงโจวและจางเหยาผุดลุกขึ้นอย่างยากลำบาก

เยี่ยนจ้าวเกอทนรับการกระแทกอย่างแรงจากกระแสลม เหมือนเช่นเรือเล็กกลางคลื่นลม ทว่าทั้งสองมือที่ออกกระบวนท่าของเขา กลับมั่นคงดุจก้อนหินหนาใหญ่!

กระบี่หนึ่งแทงไปทางจ้าวฮ่าว อีกฝ่ายถือกระบี่เผาไหม้ในมือโจมตีตอบโต้

มือข้างที่ว่างอยู่ของเยี่ยนจ้าวเกอต่อยหมัดหนึ่งไปยังจ้าวฮ่าว กลุ่มธาตุสูญสลาย ท่วงทำนองพลังน่าหวาดผวาราวกับจักรวาลเปิดออกอีกคราก็ไม่ปานปรากฎขึ้นอีกครั้ง!

เมื่อเผชิญหน้ากับหมัดโลหะขิงเยี่ยนจ้าวเกอ แววตาจ้าวฮ่าวมีทั้งความหนาวเย็นและร้อนรุ่มในเวลาเดียวกัน ทว่าในมือของเขายังรองเตาเครื่องหอมเล็กสีดำขึ้น ใช้มันต้านทานการโจมตีของชายหนุ่ม

ทว่าหมัดของเยี่ยนจ้าวเกอ ในขณะเดียวกันที่สัมผัสกับเตาเครื่องหอมเล็กสีดำนั่น พลังทำลายล้างพลันสงบนิ่งลงทันที ทั้งมวลเปลี่ยนเป็นไร้สุ้มไร้เสียง

คล้ายกับว่า กระบวนการเปิดออกอีกครั้งของจักรวาลยุติลงชั่วคราว ทุกสิ่งกลับสู่กลุ่มธาตุอากาศสลัวอีกครา

ไร้หยินไร้หยาง ไร้ก่อนหน้าไร้ภายหลัง ไร้จุดเริ่มต้นไร้ที่สิ้นสุด ไร้การรับรู้ไร้ความรู้สึก

สีหน้าจ้าวฮ่าวเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ใบหน้าเยี่ยนจ้าวเกอไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก กระบวนท่าในมือเปลี่ยนแปลงฉับพลัน นิ้วทั้งห้าแบออก ข้อมือคว้าไปยังจ้าวฮ่าว!

จ้าวฮ่าวมีประสบการณ์มากมาย ปฏิกิริยาโต้ตอบยิ่งฉับไว ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนกระบวนท่า มือที่ยันเตาเครื่องหอมเล็กสีดำขึ้นของเขาก็พลันออกแรง หลังมือราวกับค้อนใหญ่ ทุบลงไปยังแขนของอีกฝ่าย

วรยุทธ์สืบทอดแห่งสำนักเขาไร้พรมแดน วิชาทลายสุขาวดี!

สายตาเยี่ยนจ้าวเกอดุจสายฟ้า ฟื้นพลังปราณคืนอย่างรวดเร็ว ปลดปล่อยพลังอีกหน!

วิชาดัชชีฟ้าคำรน!

นิ้วทั้งห้ากางออก จากนั้นก็รวบเข้าหากัน แฉลบผ่านข้อมือจ้าวฮ่าวเบาๆ ราวกับมือสะบัดเกาพิณ

ทว่าแขนจ้าวฮ่า กลับสั่นสะท้านประหนึ่งสัมผัสสายฟ้าก็มิปาน ข้อมือโลหิตสดไหลอย่างบ้าคลั่ง เส้นลมปราณทั้งหมดขาดสะบั้น!

มือของจ้าวฮ่าวจับเตาเครื่องหอมไม่ได้อีกต่อไป

เยี่ยนจ้าวเกอไม่คอยท่าให้จ้าวฮ่าวรับมือจัดการ ในมืออีกข้างหนึ่งของเขา กระบี่วิญญาณมังกรมรกตร้องคำรามแล้วปรากฎออกมา พลังน่าพรั่นพรึงดับสลายกลุ่มธาตุ ตัดไปยังอีกฝ่ายอีกครา!

“เยี่ยนจ้าวเกอ!”

ท่ามกลางเสียงตะโกนร้องไม่ยินยอม ต้นคอจ้าวฮ่าวเย็นวาบ!

ต่อจากนั้น เจตจำนงกระบี่ที่ราวกับดับสูญ ลุกลามจากบริเวณปากแผลต้นคอเขาไปจนทั่วกาย ฉีกทั้งร่างกายเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!

เลือดเนื้อ ฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!

กระดูกเส้นเอ็น แตกออกเป็นเสี่ยงๆ!

จิตวิญญาณ แตกสลายไม่มีชิ้นดี!

ทุกสิ่งพังทลายจนเป็นเศษเสี้ยว!

สีหน้าท่าทางเยี่ยนจ้าวเกอเมินเฉยเย็นยะเยือก “หนที่สองแล้ว ความรู้สึกตอนนี้ดูเหมือนว่าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเช่นกันกระมัง?”

……………