ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 194 ผู้ใดกันแน่ที่เดรัจฉาน?

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ปราณจิตรากระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอเข้าสู่กาย ร่างของจ้าวฮ่าวหมดหนทางต่อต้าน แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนสิ้น กลายเป็นหมอกโลหิตเต็มทั่วท้องฟ้า!

เงาลวงหนึ่งที่ปรากฎวับวาบ ราวกับปลิวสะบัดอยู่ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

ลักษณะใบหน้าและองคาพยพทั้งห้า ละม้ายคล้ายจ้าวฮ่าวอยู่ห้าส่วน แต่กลับไม่เหมือนเสียทีเดียว

เยี่ยนจ้าวเกอเคยเห็นจินตภาพของปราชญ์กระบี่เทพอัคคีในอดีตที่เล่าสืบต่อกันมา ดูจากลักษณะรูปร่างของเงาลวงตานี้ นอกจากคล้ายคลึงกับจ้าวฮ่าวแล้ว ยังละม้ายคล้ายปราชญ์ผู้นั้นอีกด้วย

นี่คือจิตวิญญาณของอีกฝ่ายนั่นเอง

เพียงแต่จิตวิญญาณนี้ในขณะนี้ ก็แตกกระจัดกระจายเช่นกัน กำลังใกล้จะดับสลายไป

จ้าวฮ่าว หรือบางทีอาจจะกล่าวได้ว่าคือปราชญ์ผู้นั้น จ้องเยี่ยนจ้าวเกอเขม็งไม่วางตา พลางเปล่งเสียงแผดคำรามที่เงียบงันออกมา แต่กลับเหมือนว่าสะท้อนก้องอยู่ข้างหูของชายหนุ่ม “วันนี้เจ้าไม่ตาย ข้าจักต้องหวนกลับมาอีกเป็นแน่ เพื่อสะสางล้างแค้น!”

“เยี่ยนจ้าวเกอ ยังมีเขากว่างเฉิงเบื้องหลังของเจ้า หากไม่มีผู้ใดตกตายกันไปข้าง ข้าก็จะไม่หยุด จะต้องสู้กับพวกเจ้าจนข้าอยู่เจ้าตายเป็นแน่แท้!”

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเขาอย่างเงียบสงบ เอ่ยพูดอย่างเมินเฉยว่า “เจ้าตาย ข้าอยู่ เช่นนี้ก็ดียิ่ง”

จ้าวฮ่าวเงยหน้าขึ้นฟ้าแผดเสียงคำรามดังก้องอย่างไม่ยินยอม

ยามนี้ในเตาเครื่องหอมเล็กสีดำที่ตกอยู่บนพื้นพลันส่งแรงดูดออกมา ม้วนเอาวิญญาณอันแตกสลายไปแล้วที่เหลืออยู่ของจ้าวฮ่าวเข้าไปภายใน

“มาอีหรอบนี้เช่นกันหรือ?” มุมปากเยี่ยนจ้าวเกอยกขึ้นเบาๆ ก่อนจะยื่นฝ่ามือออกไป พลังบังเกิดขึ้นฉับพลัน หยุดวิญญาณที่เหลืออยู่ของจ้าวฮ่าวไว้ทันที ทำให้มันไม่อาจเข้าสู่เตาเครื่องหอมเล็กสีดำได้

ชายหนุ่มมองจ้าวฮ่าว ยิ้มกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ตอนแรกที่ทะเลสาบปราการมังกร เยี่ยจิ่งใช้วิธีเช่นนี้ได้ เป็นเพราะตอนนั้นข้าไม่ได้คิดที่จะสังหารเขา”

“ส่วนเจ้า สมควรตาย มีชีวิตอยู่ไม่ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอปล่อยพลังฝ่ามือออกมา วิญญาณที่เหลืออยู่ของจ้าวฮ่าวพลันบิดเบี้ยวทันใด!

จ้าวฮ่าวแผดเสียงคำราม “เดรัจฉานอย่างเจ้านี่ช่าง…”

“เจ้าทำความเข้าใจให้ชัดเจนเสียดีกว่า บัดนี้ เจ้าต่างหากที่เป็นสัตว์เดรัจฉานในคำพูดของเจ้า” เยี่ยนจ้าวเกอหัวร่อหยัน

“อ่อนแอจนถึงระดับไหนแล้วเล่า?” ชายหนุ่มยักคิ้ว “อ่อนแอจนถึงขั้นที่ข้าล้วนไม่ใส่ใจว่าเจ้าจะเกลียดชังข้าหรือไม่ ไม่สนใจว่าเหตุใดเจ้าถึงได้มองเขากว่างเฉิงของข้าเป็นศัตรู”

“เจ้าไม่ได้สำคัญอะไร ข้าคร้านจะสนใจเจ้า เจ้ากล้ามาหาเรื่อง เช่นนั้นข้าก็สังหารเจ้าทิ้งเสีย”

เขามองดูจ้าวฮ่าวด้วยความสงบเงียบ “นี่ก็คือความคิดที่ข้ามีต่อเจ้า เรียบง่ายและชัดเจน จะดจัดการเจ้าก็ง่ายดายมากเช่นเดียวกัน”

สีหน้าจ้าวฮ่าวซีดเซียว แต่เขาหมดหนทางเอื้อนเอ่ยวาจาใดๆ แล้ว

จิตวิญญาณเขาอยู่ในฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอ ดับสูญไปโดยสิ้นเชิง!

ขวัญหนีจิตวิญญาณฝ่อ ไร้หนทางฟื้นคืนตลอดกาล!

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสงบนิ่ง แม้แต่เปลือกตาก็ไม่กะพริบ

กลุ่มเยี่ยฉงโจว เซียวอวี่ และจางเหยา ขณะนี้มองดูภาพเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย ตกอยู่ในภวังค์อยู่บ้าง

ส่วนหลิวเซิ่งเฟิงที่ทรุดลงอยู่กับพื้น ยิ่งตกตะลึงตัวแข็งทื่อ ขวัญหนีดีฝ่อ

แท้จริงแล้วตั้งแต่เยี่ยนจ้าวเกอปรากฎกาย จวบจนตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่ชั่วขณะสั้นๆ เท่านั้น

ช่วยผู้คน ทำลายค่ายกล สังหารศัตรู

ทั้งปวงเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ

สถานการณ์ต่อสู้ กลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง ในชั่วเวลาพริบตา

แรกเริ่มประตูแห่งนพยมโลกยังคล้ายกับจะเยื้องกรายมาถึงอยู่รอมร่อ หลังจากนั้นกลับเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่ฟันสังหารกลุ่มของจ้าวฮ่าวอย่างเหี้ยมโหด มหาค่ายกลแดนมารผกผันจนพังทลาย

พวกเยี่ยฉงโจวและจางเหยาเพ่งมองร่างของเยี่ยนจ้าวเกอที่ยืนตระหง่านอยู่บนพื้นปฐพี พากันใจลอยอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอมองไอมารที่มีลักษณะเป็นหมอกดำเต็มไปทั่วท้องฟ้าเบื้องหน้าค่อยๆ สลายไปด้วยความเงียบสงบ

พลังปราณน่าหวาดผวาอันมีต้นกำเนิดมาจากนพยมโลกค่อยๆ ถดถอยกลับไปเช่นกัน ประตูใหญ่ที่แตกเป็นรอยลึกซึ่งมีสภาพลวงตาบนพื้นดิน บัดนี้มลายหายไปโดยสิ้นเชิง

ประหนึ่งกับมีจิตใจแน่วแน่ที่ไม่ยินยอมอย่างยิ่ง ปิดกั้นการส่งทอดมิติเวลาไร้ที่สิ้นสุดไว้ ร้องคำรามอยู่ข้างหูเยี่ยนจ้าวเกอ

ชายหนุ่มมีสีหน้ารียบนิ่งดังเดิม เขาเก็บกระบี่เข้าฝัก แหงนหน้ามองไป ก่อนจะพบว่าไอมารโดยรอบกระจายหายไป กลายเป็นโซ่เส้นต่อเส้นลอยว่อนตัดสลับกันทั่วท้องฟ้า

ไม่เพียงแค่ผู้อาวุโสโม่แห่งเขาไร้พรมแดนเท่านั้น ผู้ตกเป็นมารคนอื่นต่างก็ประสบกับการแว้งกัดของค่ายกลไม่มากก็น้อย ไอมารม้วนย้อนกลับ ถลันทวนสู่กาย

ยิ่งถ้าผู้ตกเป็นมารพลังฝึกปรือค่อนข้างสูง เมื่อประสบกับการแว้งกัดของไอมารเขา ก็จะยิ่งส่งผลกระทบหนักขึ้น

ไม่มีไอมารเสริมความแข็งแกร่งแล้ว กลับจะถูกไอมารทำลายเสียด้วยซ้ำไป ภายใต้การที่สิ่งหนึ่งมลายหายไปอีกสิ่งขึ้นเกิดขึ้นมาแทนที่ แนวรบยอดฝีมือฝ่ายภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตพังทลาย พ่ายแพ้ย่อยยับ

กลางท้องฟ้า ภูเขาเทพสีแดงหยุดอยู่กับที่เล็กน้อย เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าสายตาของซานสือเวิงตกอยู่บนร่างตนเอง

“น่าเสียดายไม่ใช่ศิษย์ไร้พรมของข้า…” ซานสือเวิงคล้ายกับเสียดายและคล้ายกับชื่นชม ทิ้งคำพูดที่เหมือนกับจะมีแต่ก็เหมือนกับไม่มีไว้ประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นก็สังหารปลิดชีพยอดฝีมือภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตคนอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูซานสือเวิงที่อยู่ไกลออกไป พลางเก็บซ่อนสีหน้าและน้ำเสียง กลางฝ่ามือบังเกิดแรงดูด ดึงเอาเตาเครื่องหอมเล็กสีดำนั้นที่ตกอยู่ข้างศพจ้าวฮ่าวขึ้นมา

สำหรับเขาแล้ว เขาสนใจเครื่องหอมอันเล็กนี้มากกว่าจ้าวฮ่าวเสียด้วยซ้ำ

กระบี่ที่สังหารจ้าวฮ่าวเล่มนั้น และกระบี่ที่ก่อนหน้านี้โจมตีจ้าวฮ่าวจนพ่ายแพ้เล่มนั้น เป็นวิชาวรยุทธ์ที่เยี่ยนจ้าวเกอสร้างสรรค์บรรลุด้วยตนเอง

เขาที่พลังฝึกปรือพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ยังสะสางวิชาวรยุทธ์ของตนให้เป็นระเบียบตลอดเวลา จึงเริ่มไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ ด้วยเพราะเกิดความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง

วิชาดัชชีฟ้าคำรนเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นหนึ่งเท่านั้น

วิชาวรยุทธ์วิชานี้ที่แสดงออกเมื่อครู่ ถึงจะเป็นหลักการที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า

ถึงแม้ว่าจะยังเป็นแค่ต้นแบบ แต่เมื่อเทียบกับวิชาดัชชีฟ้าคำรนแล้ว ก็นับว่ายังไม่สุกงอม ทว่าอานุภาพไม่อาจดูแคลนได้ง่ายๆ

เยี่ยนจ้าวเกอสำแดงวรยุทธ์วิชานี้ออกมากลายเป็นเพลงกระบี่ ขับเคลื่อนอาวุธวิญญาณกระบี่วิญญาณมังกรมรกตแทงสังหาร กระนั้นกลับไม่อาจทิ้งรอยขีดข่วนบนเตาเครื่องหอมเล็กสีดำนี้ได้เลย

นี่หมายความว่า เตาเครื่องหอมเล็กสีดำใบนี้ที่ดูเหมือนไม่เตะตา แต่มีคุณสมบัติรากฐานไม่ธรรมดาเลย

ชายหนุ่มจึงรู้สึกสนใจเตาเครื่องหอมสีดำเบื้องหน้าอย่างยิ่งยวด กระนั้นก็มีความหวั่นกลัวอยู่หลายส่วนด้วยเช่นกัน

เขาปรับลมปราณบำเพ็ญบ่มเพาะไปพลาง ฟื้นฟูปราณดั้งเดิมของตนที่สูญเสียไปพลาง และตรวจสอบเตาเครื่องหอมสีดำไปด้วย

ตอนเพิ่งจะเริ่มยังไม่รู้สึกว่ามีอะไร ทว่าเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอรวบรวมจิตทั้งหมดตั้งมั่น ในขณะที่รวมจิตของตนเพ่งมองเตาเครื่องหอมอย่างละเอียด เขารู้สึกว่าจิตของตนสั่นไหวเลื่อนลอย ราวกับว่าวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง โถมเข้าไปในเตาเครื่องหอมสีดำนั่นเองอย่างไรอย่างนั้น

เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มความรู้สึกระแวดระวังเล็กน้อย แล้วสงบจิตใจตนเองไว้

ชายหนุ่มยื่นมือออกไปอย่างช้าๆ กรอกปราณจิตราของตนเองเข้าไปภายใน สาดซัดตลอดเวลา

ปราณจิตราที่กรอกเข้าไปภายใน หายสาบสูญไปไม่เห็นร่องรอยอย่างรวดเร็ว และไม่มีผลสะท้อนกลับใดๆ ตัดขาดการเชื่อมต่อกับเยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าของผู้นี้โดยสิ้นเชิง

เขาพลันรู้สึกถึงความเลื่อนลอยเล็กน้อยอีกครั้ง ตามการรวบรวมจิต กรอกปราณจิตราเข้าไปไม่ยั้ง

เพียงแต่ว่าคราวนี้เขาเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ในขณะที่ป้องกันจิตใจอย่างหนักแน่น ก็ยังคงสืบเสาะเตาเครื่องหอมเล็กสีดำอย่างต่อเนื่อง

จิตสำนึกของเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับผสานเข้าไปในโลกอันมืดมิดโดยสิ้นเชิง ลึกล้ำเงียบสงัด มืดมนไร้ที่สิ้นสุดตลอดกาล

“หืม?” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วมุ่น เขาค้นพบว่ามีพลังอันแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งส่งผลต่อจิตใจของเขา ขัดขวางเขาไม่ให้หลุดพ้นออกจากโลกอันมืดมิดใบนี้ พยายามทำให้เขายิ่งจมดิ่งอยู่ในโลกอันมืดมิดใบนี้

โลกตรงหน้าไม่เห็นแสงสว่างแม้แต่น้อย สีดำสนิทอย่างยิ่งยวด เหมือนว่าลำแสงทั้งหมดที่ส่องไปถึงตัวมันล้วนถูกดูดเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น เหลือไว้เพียงแค่ความมืดมนอันลึกล้ำอย่างที่สุดเท่านั้น

แม้ว่าจะเป็นแค่ความมืดมิดไร้ขอบเขตเท่านั้น แต่จิตใจเยี่ยนจ้าวเกอกลับเหมือนว่าได้รับแรงดึงดูดอันไร้ที่สิ้นสุด หลอกล่อจิตใจของเขาให้ถลำเข้าไปภายในนั้นอย่างแน่วแน่

ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะรับรู้ได้ว่าโลกมืดมิดใบนี้เองไม่มีเจตนาร้ายแฝง กระนั้นเขาสามารถยืนยันได้เต็มร้อย ว่าหากจิตใจของตนเองไม่แข็งแกร่งพอ เมื่อถูกความมืดมิดกลืนกินจนสิ้น เช่นนั้นจิตวิญญาณของเขาก็จะถูกจองจำไว้ในความมืดมิดไร้จุดจบแห่งนี้ตลอดกาล กายหยาบของเขาก็จะเปลี่ยนเป็นเปลือกอันว่างเปล่า

…………..