ตอนที่ 471 ผู้น้อยล่วงเกินผู้ใหญ่

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 471 ผู้น้อยล่วงเกินผู้ใหญ่ โดย ProjectZyphon

สุดท้ายคนตระกูลจั่วและฉินจากไปพร้อมความชิงชัง

พวกเขาไม่มีวิธี อยากจะโจมตีแต่ก็กลัวอีกฝ่ายทำร้ายคนของตน จั่วหยางและฉินซิงสำคัญเกินไป เป็นทายาทสายตรงของตระกูล ฐานะไม่ธรรมดา

และยามนี้ทั้งสองถูกคุมตัวกลับภูเขาชำระจิต ทำให้พวกเขาจำต้องกลับตระกูลไปก่อนเพื่อรายงานข่าวนี้ แล้วค่อยฟังการตัดสินใจของเหล่าผู้อาวุโส

บนภูเขาชำระจิต เหล่าคนหนุ่มสาวต่างกำลังร้องดีใจและตื่นเต้น

ช่วงก่อนหน้านี้ศัตรูดักอยู่หน้าประตูใหญ่ภูเขาชำระจิต ต่างท้าทายและเย้ยหยัน ทำให้พวกเขาทั้งอัดอั้นทั้งขึ้งโกรธ แต่ทำได้เพียงกัดฟันทน

ทว่าวันนี้หลินสวินออกจากการปิดด่านฝึก ฆ่าหลินจือและคนอื่นๆ อีกนับสิบคนอย่างแข็งกร้าวราวกับเทพสังหาร หลังจากนั้นยังจับตัวจั่วหยางและฉินซิงได้ในครั้งเดียว วิธีเผด็จการที่เด็ดเดี่ยวแบบนี้ ทำให้บรรดาคนหนุ่มสาวต่างร้องโห่อย่างสะใจ นี่เท่ากับระบายความแค้นให้พวกเขาได้ยกใหญ่

มีเพียงเหล่าผู้อาวุโสที่สีหน้าแฝงความกังวล รู้ว่าตอนนี้อาจจะสะใจ แต่สถานการณ์ของภูเขาชำระจิตกลับอันตรายขึ้นกว่าเดิม

ในตำหนักภูเขาชำระจิต

เสี่ยวเคอ พญาแร้ง หลินจง จูเหล่าซานและบุคคลเบื้องบนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ยามนี้ต่างมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้

“เฮ้อ ค่อนข้างยุ่งยากแล้ว พวกเราคุมตัวจั่วหยางและฉินซิงไว้ ตระกูลจั่วและฉินไม่หยุดแค่นี้แน่”

คนวัยกลางคนคนหนึ่งจากตระกูลหลินแห่งแสงอุดรถอนหายใจ

“หลินจือตายอย่างอนาถ กลุ่มผู้ฝึกปราณที่ติดตามมาก็ถูกฆ่า หากขุมอำนาจสายรองอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุรู้เข้า ผลลัพธ์นั้นไม่อยากจะคิด”

“ทำอย่างไรดี”

“หลินสวินใช้อารมณ์เกินไปแล้ว แบบนี้แหละที่เรียกว่าเรื่องเล็กไม่ยอมอดทนจะเสียงานใหญ่ เขาทำเช่นนี้เท่ากับแตกหักกันเชียวนะ”

เหล่าผู้อาวุโสจากตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่างเปิดปาก สีหน้าแฝงความกังวลและหนักใจ หายใจไม่ทั่วห้อง

ส่วนเสี่ยวเคอ พญาแร้ง หลินจงและจูเหล่าซานต่างนิ่งเงียบไม่พูดจา

ทว่าพวกเขาต่างฟังออกว่า คนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรพวกนี้ไม่พอใจการกระทำของหลินสวินอย่างเห็นได้ชัด บ่นจู้จี้จุกจิก

“สิ่งที่รุนแรงที่สุดคือ ทีแรกในงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินี หลินสวินได้ล่วงเกินอำนาจของราชวงศ์และคนใหญ่คนโตในจักรวรรดิ วันนี้ก็มาหักหน้าตระกูลจั่วและฉินอย่างสิ้นเชิง สถานการณ์นี้รุนแรงเกินไปแล้ว หากไม่ระวังอาจเจอกับจุดจบที่ต้องพังพินาศ”

ชายผมยาวดำสนิท ท่าทางเคร่งขรึมพูดขึ้น

เขาชื่อหลินไหวเหริน เป็นน้องชายของหลินไหวหย่วนหัวหน้าตระกูลหลินแห่งแสงอุดร มากด้วยบารมี ยามนี้มาอยู่บนภูเขาชำระจิต ก็ถูกจัดให้เป็นตัวแทนดูแลเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับตระกูลหลินแห่งแสงอุดร

“จะทำอย่างไรดี”

พวกคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรถอดหายใจอีกระลอก

“ทุกท่าน เชื่อว่าที่นายน้อยทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะใช้อารมณ์แน่ บางทีอาจมีจุดประสงค์อื่นที่เราไม่รู้”

หลินจงอดพูดไม่ได้

“มีจุดประสงค์อื่นงั้นหรือ”

หลินไหวเหรินอึ้ง สายตามองไปที่พญาแร้ง

พญาแร้งเองก็ไม่เงียบอีก เอ่ยปากอย่างราบเรียบ “รอหลินสวินมาค่อยถามรายละเอียดก็จะรู้เอง”

“หึ เขาเพิ่งออกจากการปิดด่านฝึกตน ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ด้วยซ้ำก็สร้างเรื่องวุ่นวายขนาดนี้แล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะวางแผนอะไรไว้ ข้าว่านะ หลินสวินก็แค่ก่อเรื่องไปตามประสาเด็ก!”

มีคนแค่นเสียงอย่างเย้ยหยัน เป็นคนชราผมขาว ชื่อว่าหลินจื่อฝาง

เขาอายุมากแล้ว ถือว่าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร แม้พลังปราณจะอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น แต่คุณวุฒิกลับสูงมาก

เห็นเขาต่อว่าหลินสวิน แม้พวกหลินจง พญาแร้งต่างขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร

“ข้าว่านะ เดี๋ยวหลินสวินมาจะต้องเคาะกะโหลกเขาสักที หยกไม่เจียระไนก็ไร้ค่า หากเขาก่อเรื่องแบบนี้ต่อไป สักวันภูเขาชำระจิตจะต้องล่มจม!”

หลินจื่อฝางสีหน้าเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับการกระทำของหลินสวินอย่างที่สุด

“นี่…”

หลินจงพูดขึ้น “เหมือนจะไม่เหมาะกระมัง”

หลินจื่อฝางใบหน้าขรึม “หลินจง เจ้าก็ถือเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหลิน ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้อีกหรือ หลินสวินก่อเรื่องเช่นนี้เจ้ายังจะปกป้องเขา นี่ต่างอะไรกับการทำร้ายเขาหรือ”

ไม่รอให้คนอื่นๆ พูด หลินจื่อฝางก็พูดขึ้นอย่างโมโห “ถ้ารู้แต่แรกว่าเด็กคนนี้ใช้การไม่ได้แบบนี้ ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของข้าจะไม่สนับสนุนเขาเด็ดขาด ดูตอนนี้สิ เพราะเขาทำผิด ทำให้ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของพวกข้าต้องเดือดร้อนไปด้วย!”

เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น บรรยากาศภายในห้องโถงก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นทันที

หลินไหวเหรินและพวกคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรสายตาวูบไหว สีหน้าดูแปลกประหลาด

ส่วนพวกเสี่ยวเคอ พญาแร้ง หลินจงต่างขมวดคิ้วโดยพร้อมเพรียงกัน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ หลินจื่อฝางจะพูดจาเช่นนี้!

“ตอนภูเขาชำระจิตผงาดขึ้นมา พวกเจ้าย้ายกลับมาอย่างดีใจ ยามนี้เพียงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเล็กน้อย พวกเจ้าก็บ่นเพียงนี้แล้ว ไม่รู้สึกว่าเกินไปหน่อยหรือ”

เสี่ยวเคอหมดความอดทน พูดเสียงเย็นออกมา

“บังอาจ! นี่มันเรื่องภายในตระกูลหลินของข้า ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างเจ้าจะมาจุ้นจ้านหรือ”

หลินจื่อฝางด่าว่าเสียงเฉียบขาด

“เสี่ยวเคอ อย่าได้พูดมาก”

พญาแร้งห้าม

ถ้าเป็นปกติเสี่ยวเคอจะต้องฟังพญาแร้ง แต่วันนี้นางทนดูต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ หลินจื่อฝางคนนี้ใช้ความเป็นผู้อาวุโสเข้าข่ม เจอปัญหาก็ไม่รู้จักคิดหาวิธีแก้ไข แต่กลับมาตำหนิและกล่าวโทษหลินสวิน น่าชิงชังชะมัด

“เจ้าก็รู้นี่ว่านี่เป็นเรื่องของตระกูลหลินของพวกเจ้า แต่ข้าดูไม่ออกเลยว่าเจ้าเห็นหลินสวินเป็นผู้นำตระกูลหลินจริงๆ!”

เสี่ยวเคอโต้กลับอย่างเย็นชา

หลินจื่อฝางโกรธจนหน้าเขียวทันที “สาวน้อย เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับผู้อาวุโสเช่นข้า เชื่อไหมว่าข้าจะไล่เจ้าออกจากภูเขาชำระจิตเดี๋ยวนี้เลย”

“ไล่ข้างั้นหรือ”

มุมปากเสี่ยวเคอเผยรัศมีโค้งอันเยียบเย็น

เพียงแต่นางเพิ่งจะอ้าปากพูดก็ถูกพญาแร้งห้ามปรามเอาไว้ “หยุดเถียงกันได้แล้ว…”

ทว่าไม่รอให้พญาแร้งพูดจบ หลินจื่อฝางก็กล่าวตัดบทอย่างแข็งกร้าวเป็นที่สุด “ภูเขาชำระจิตเป็นมรดกที่บรรพบุรุษตระกูลหลินของข้าสืบต่อกันมา ไม่ใช่พื้นที่ของคนนอกอย่างพวกเจ้า! วันนี้หากเจ้าไม่ขอขมาข้า ก็ไสหัวออกจากภูเขาชำระจิตได้เลย!”

ได้ยินเช่นนี้สีหน้าของพญาแร้งก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา แววตาเสี่ยวเคอฉายความหนาวเยือก ในขณะที่ความกรุ่นโกรธปรากฏบนหว่างคิ้วของหลินจง

บรรยากาศภายในโถงใหญ่อึดอัดอย่างที่สุด

“อาหกโปรดระงับโทสะ แม่นางเสี่ยวเคอเป็นคนที่หลินสวินเชิญมา ทำเพื่อภูเขาชำระจิตมามาก”

หลินไหวเหรินสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอย่างฉับไว จึงเอ่ยปากเกลี้ยกล่อม

เขาเองก็รู้ดีว่าฐานะของเสี่ยวเคอในภูเขาชำระจิตสำคัญมาก ไม่เป็นรองพวกของพญาแร้งและหลินจงเลย

หลินจื่อฝางท่าทางแข็งกร้าวเหมือนจะไม่ยอมหยุด พูดเสียงเย็น “ถ้าอย่างนั้นต้องให้ข้าขอขมานางงั้นหรือ ข้าว่าแม้แต่หลินสวินมาก็ไม่กล้าให้ข้าทำเช่นนี้!”

ทุกคนต่างมองหน้ากัน

ขณะนั้นเองเสียงของหลินสวินก็ดังแว่วขึ้นในห้องโถง “ขออภัย เกรงว่าจะทำให้ท่านต้องผิดหวังแล้ว”

หลินสวินเดินออกมาจากอีกฝั่งของห้องโถงพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น ดวงตาดำขลับราวกับสายฟ้ากวาดมองหลินจื่อฝางอย่างเย็นเยียบ

“ท่านเอาแต่บอกว่าจะสั่งสอนข้า บอกว่าข้าทำให้ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต้องลำบาก ตอนนี้ยิ่งบอกว่าจะไล่คนของข้า อะไรทำให้ท่านกล้าขนาดนี้”

ทุกคนตะลึงไปทันที

เห็นได้ชัดว่าบทสนทนาเมื่อครู่นี้หลินสวินได้ยินทั้งหมดแล้ว มิเช่นนั้นคำพูดคงไม่แข็งกร้าวและกดดันเช่นนี้

อย่าลืมว่าถ้านับตามลำดับอาวุโส หลินสวินต้องเรียกหลินจื่อฝางว่า ‘ปู่เล็ก’ ด้วยซ้ำ! เพียงแค่ว่าสายเลือดห่างกันค่อนข้างไกลเท่านั้น

ยามนี้หลินสวินกระทู้ถามหลินจื่อฝางต่อหน้าทุกคน ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าก็ออกจะดูไม่มีสัมมาคารวะไปสักหน่อย

“เจ้า…พูดกับข้าอยู่หรือ”

ตามคาด หลินจื่อฝางโกรธจนไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง

“ท่านได้ยินไม่ผิด ข้าหมายถึงท่านนั่นแหละ ทำไม วางมาดผู้อาวุโสมันสนุกนักหรือไง”

หลินสวินเอ่ยเสียงเย็น

ภายในใจเขาเกิดความรังเกียจที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ในสถานการณ์ที่มีทั้งศึกในศึกนอกเช่นนี้ หลินจื่อฝางในฐานะผู้อาวุโสไม่รู้จักคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา กลับออกมาวิ่งเต้นโวยวาย จะให้หลินสวินเคารพเขาได้อย่างไร

“เจ้าบอกว่าข้าวางมาดผู้อาวุโสงั้นหรือ”

หลินจื่อฝางสั่นไปทั้งตัว เห็นได้ชัดว่าหัวเสียอย่างที่สุด สำหรับเขาหลินสวินเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง แต่กลับต่อว่าเย้ยหยันเขาต่อหน้าทุกคน เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเอาเสียเลย!

คนอื่นๆ ก็ตะลึงไปเช่นกัน หลินสวินแข็งกร้าวเกินไปแล้ว ในกฎของตระกูล สิ่งที่เป็นข้อห้ามที่สุดก็คือผู้น้อยล่วงเกินผู้ใหญ่ ถ้าแพร่ออกไปจะต้องเป็นเรื่องตลกอย่างมหันต์แน่

“หลินสวิน พอแล้ว ช่างมันเถอะ”

พญาแร้งเอ่ยปาก

“ใช่ ถอยกันคนละก้าว คนอื่นจะได้ไม่หัวเราะเยาะ”

คนอื่นๆ ต่างพูดขึ้นเช่นกัน

“เป็นไปไม่ได้!”

หลินจื่อฝางคำราม เด็กอย่างหลินสวินทำให้เขาลำบากใจต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้ จะให้เขาทนได้อย่างไร

“ตอนที่ปู่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ยังไม่กล้าทำกับข้าเช่นนี้ เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้ากลับไม่สนทำนองคลองธรรม เป็นผู้น้อยแต่ล่วงเกินผู้ใหญ่ หากไม่คุกเข่าขอขมา ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด!”

เขาลุกขึ้นอย่างโกรธจัด ละอองน้ำลายแทบจะพ่นใส่หน้าหลินสวิน

หลินสวินมองหลินจื่อฝางอย่างเย็นชา มองดูคนแก่ที่ไม่รู้รุกรู้ถอยคนนี้ สุดท้ายก็สูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ลุงจง พาเขาไปทบทวนตัวเองที่สุสานบรรพบุรุษภูเขาชำระจิต!”

ได้ยินเช่นนี้ทุกคนต่างตื่นตะลึง

นี่มันหลินสวินไม่คิดจะแก้ต่างข้อโต้แย้งอะไรทั้งสิ้น แต่ให้กักตัวหลินจื่อฝางไปทั้งอย่างนั้นด้วยซ้ำ!

“หลินสวิน ทำเช่นนี้ไม่ดีกระมัง”

หลินไหวเหรินขมวดคิ้ว คนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรคนอื่นๆ ก็ตะลึง สำหรับพวกเขาแล้ว การกระทำเช่นนี้ของหลินสวินไม่ต่างอะไรกับการผิดทำนองคลองธรรม เขาไม่กลัวจะถูกครหาหรือ

“นายน้อย นี่…”

หลินจงเองก็อดกังวลไม่ได้

“ไป”

หลินสวินพูดออกมาเบาๆ คำหนึ่ง ท่าทางเด็ดเดี่ยว ไม่เปิดโอกาสให้สงสัย

“เจ้า…เจ้ากล้าเกินไปแล้ว… นี่เท่ากับรังแกอาจารย์ล้มล้างบรรพบุรุษชัดๆ เป็นการกระทำที่ผิดทำนองคลองธรรม…”

หลินไหวเหรินโกรธจนลูกตาแทบหลุดออกมา คำรามไม่หยุด แต่ในส่วนลึกของจิตใจ แท้จริงแล้วเขาก็รู้สึกกลัวอยู่รางๆ

ขณะนั้นเองหลินสวินก้าวเข้ามา พลังล่องหนสายหนึ่งหลั่งไหล คุมตัวหลินจื่อฝางเอาไว้ในพริบตา จากนั้นจึงได้ ‘เชิญ’ เขาออกไป

“หลินสวิน! เจ้า…”

สุดท้ายหลินไหวเหรินก็หมดความอดทน ลุกขึ้นอย่างมีโทสะ หลินจื่อฝางเป็นคนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร การกระทำเช่นนี้ของหลินสวินไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าพวกเขา

“รอคลี่คลายศึกในศึกนอกของตระกูลหลินให้ได้ก่อน ข้าจะไปขอขมาเอง แต่ตอนนี้ไม่ว่าใคร ถ้ากล้าก่อความวุ่นวายในภูเขาชำระจิต จะต้องได้รับบทลงโทษอย่างรุนแรง!”

หลินสวินสีหน้าราบเรียบ เผยความเข้มงวดชวนกดดัน

“สถานการณ์ตอนนี้มีทั้งศึกในศึกนอก ทุกคนควรจะร่วมมือร่วมใจกัน รับมือกับภายนอก”

พญาแร้งพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เชื่อว่าทุกท่านก็คงไม่อยากเห็นภูเขาชำระจิตเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นใช่หรือไม่”

“เฮ้อ!”

หลินไหวเหรินถอนหายใจยาว กลับไปนั่งที่เดิมด้วยสีหน้าที่คร่ำเคร่งไม่สงบ

คนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรคนอื่นๆ เองก็สีหน้าอึมครึม ความแข็งกร้าวและเหี้ยมโหดของหลินสวินเหนือความคาดหมายของพวกเขาทุกคน

กับคนในตระกูลยังเหี้ยมถึงเพียงนี้ บนโลกนี้ยังมีเรื่องอะไรที่เขาไม่กล้าทำอีกหรือไม่

……………….