แน่นอนว่าชุยหังที่มีเอกสารหลักฐานแสดงว่าอยู่ในระบบgreen channels รายการที่ต้องทำการชำระเงินทั้งหมดก็เพียงแค่ทำการบันทึกเอาไว้เท่านั้น จากนั้นก็ได้ใบรายการเพิ่มขึ้นมาสองสามใบ 

 

 

“ไปเถอะไปเอาชุดเครื่องนอน กระเป๋าสัมภาระ ถังน้ำ…” เหลียงจื้ออ่านรายชื่อสิ่งของที่เขียนเอาไว้ในใบรายการ 

 

 

ชุยหังดูสถานที่รับสิ่งของที่ระบุเอาไว้ในใบรายการจากนั้นก็รีบนึกถึงสถานที่ที่ตัวเองเคยเดินผ่านก่อนจะพูดขึ้น: “โอเค ฉันน่าจะพอหามันเจอ” 

 

 

เดินจนครบรอบพวกเขาสองคนแทบจะก้าวขาเดินไม่ไหวแล้ว 

 

 

ชุดเครื่องนอนมีทั้งหมดสองชุด ผ้าห่มผืนหนึ่งบาง ผืนหนึ่งหนา ฟูกก็เหมือนกัน แล้วยังมีผ้าปูที่นอนปลอกผ้าห่มอีก ล้วนเป็นลายสีฟ้าอ่อนทั้งหมด 

 

 

ในมือยังหิ้วถังน้ำเอาไว้อีกด้วย พวกเขาเดินโซซัดโซเซลากของมาจนถึงตึกหกเก่าแก่ตึกนั้น 

 

 

เหลียงจื้ออยู่ห้องพักตรงข้ามกับชุยหังคือ 425 

 

 

ตอนที่กลับมาถึงห้องพักชุยหังก็พบว่าข้างในมีคนมาเพิ่มแล้วอีกสองคน 

 

 

เตียงนอนชั้นล่างติดหน้าต่างสองเตียงมีคนจองแล้ว ทั้งยังจัดปูที่นอนเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย มุ้งกันยุงก็ถูกติดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ 

 

 

แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากชุยหังก็คือพวกเขาทุกคนต่างก็มีผู้ปกครองตามมาส่งด้วย 

 

 

เขาเหลือบมองดูสองพ่อลูกที่อยู่เตียงด้านล่างที่ดูละม้ายคล้ายกันอย่างกับแกะสลักออกมา ขนาดสีผมยังคล้ายกันเลยเพราะลูกชายเองก็เริ่มมีผมสีขาวขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน 

 

 

นี่คงจะเป็นที่เรียกว่าผมหงอกก่อนวัยสินะ แต่ว่าชุยหังก็ไม่ได้จ้องนานเท่าไหร่นักเพราะทำแบบนี้ดูเสียมารยาท 

 

 

ส่วนอีกคนที่อยู่เตียงชั้นล่างเหมือนกัน หน้าตาหล่อเหลาเอามากๆ แต่ว่าไม่ใช่ในแบบที่ตนชื่นชอบ 

 

 

“คุณลุงสวัสดีครับ คุณลุงสวัสดีครับ” ชุยหังหันไปกล่าวทักทายผู้ปกครองของทั้งสองคนอย่างมีมารยาท 

 

 

ผู้ปกครองสองคนนั้นก็หันมายิ้มให้เขา แต่พอเห็นว่าชุยหังมาตัวคนเดียวต่างก็พากันตกใจนิดหน่อย 

 

 

“ไม่มีคนมาส่งเลยหรอ” ผู้ปกครองที่ผมขาวคนนั้นเอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังยิ้มๆ ก่อนจะพูดว่า: “บ้านผมอยู่ไกลมาก พ่อแม่ของผมก็ไม่เคยจากบ้านไปที่ไหนไกลๆ แบบนี้ก็เลยไม่ได้ให้พวกเขาตามมาส่งครับ” 

 

 

“ให้พวกเขาออกมาเปิดหูเปิดตาสักหน่อยไง” ผู้ปกครองคนนั้นพูดต่อ 

 

 

ชุยหังพูดตอบอย่างเก้อเขิน: “พวกเขาอ่านหนังสือไม่ออก ตอนขากลับผมกลัวว่าพวกเขาจะนั่งรถกลับกันไม่เป็น” 

 

 

“อ้อ นั่นมันก็จริง” 

 

 

พ่อลูกอีกด้านหนึ่งดูเหมือนจะเงียบขรึมอยู่ในโลกของตัวเอง ท่าทางของคุณพ่อคนนั้นดูไปแล้วก็แอบให้อารมณ์เหมือนเหล่าศิลปินที่ทำงานศิลปะ ผมดัดลอนทั้งหัวดูไปแล้วคล้ายๆ กับแวนโก๊ะอะไรแบบนั้น 

 

 

ชุยหังอยากจะหันไปพูดคุยอะไรสักหน่อยกับพวกเขา แต่ว่าพวกเขาสองคนกลับกำลังคุยภาษาถิ่นกันอยู่ 

 

 

ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นสำเนียงเหอหนาน [1] เขาก็เลยเอาข้าวของสัมภาระทั้งหมดโยนขึ้นไปชั้นบนก่อนจะถอดรองเท้าแล้วขึ้นไปปูที่นอน 

 

 

สองพ่อลูกผมขาวนั้นนั่งอยู่พักหนึ่งหลังจากนั้นก็เดินออกไป ดูท่าทางของพวกเขาแม้แต่ท่าทางการเดินยังเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเลย 

 

 

ส่วนคู่พ่อลูกจากเหอหนานสองคนนั้น พ่อถอดรองเท้าแล้วขึ้นนอนบนเตียงส่วนลูกชายเดินออกไปข้างนอกแล้ว 

 

 

ชุยหังรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดคุยอะไรกับคุณลุงท่านนี้ดี ดังนั้นจึงหันกลับมาตั้งใจจัดการกับข้าวของของตัวเอง 

 

 

เขาพึ่งจะจัดการข้าวของเสร็จไปไม่นาน ก็มีอีกครอบครัวหนึ่งเดินเข้ามา 

 

 

แถมยังเป็นทั้งพ่อทั้งแม่มาด้วยกันกับลูก 

 

 

พ่อแม่คู่นั้นดูไปแล้วช่างสมกับเป็นคู่สามีภรรยากันมากจริงๆ หน้าเรียวรูปไข่แก้มแดงๆ เหมือนกันเลย 

 

 

แต่ว่าพอฟังพวกเขาคุยกันกลับเป็นคนละแบบเลย 

 

 

“คุณลุง คุณป้า พวกท่านก็มาส่งลูกเหมือนกันหรอครับ” ชุยหังหันไปกล่าวทักทาย 

 

 

ส่วนคุณพ่อชาวเหอหนานคนนั้นยังคงนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ ไม่กระดุกกระดิกเลยสักนิด 

 

 

แต่สามีภรรยาคู่นี้กลับพูดจาดีมาก ใบหน้ายิ้มแย้มพูดคุยกับชุยหัง: “อ้อ ทำไมมาเร็วกันจังเลย ต่อจากนี้ไปพวกลูกก็พักอยู่ด้วยกันแล้วนะยังไงก็ช่วยเหลือดูแลกันนะลูก” 

 

 

แน่นอนว่าชุยหังไม่มีทางปฏิเสธ ไม่นานก็พูดคุยกับพวกท่านอย่างสนิทสนม 

 

 

จากที่พูดคุยกันนี้เขาถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วเพื่อนรูมเมทจากอันฮุยคนนี้ก็อยู่ในระบบgreen channels เหมือนกันกับเขา 

 

 

ด้านชุยหังก็พูดคำพูดพวกซาบซึ้งกินใจอะไรแบบนี้ไม่ค่อยเป็น เพียงแต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนเองอยู่ในห้องพักนี้ ห้องเรียนนี้ไม่ได้โดดเดี่ยวตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] เหอหนาน เป็นมณฑลในสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่ทางตอนกลางเยื้องทางตะวันออกของประเทศ