ชุยหังตอบรับ: “เข้าใจแล้วครับอาจารย์” 

 

 

หลังจากนั้นก็ได้แต่ยืนมองอาจารย์หม่าค่อยๆ เดินลับไป 

 

 

เขาเดินกลับมาที่ห้องสำนักงานก่อนหน้านั้นเพื่อมาขนเอากระเป๋าข้าวของของตัวเอง จากนั้นก็เดินลากกระเป๋าไปที่หอพัก 

 

 

ตอนนี้ประตูห้องพักทุกห้องถูกเปิดกว้างเอาไว้ 

 

 

ขณะที่เดินอยู่ระเบียงทางเดินยาวๆ นั้น ชุยหังมองตรงไปเห็นต้นไม้ที่โผล่ขึ้นสูงให้เห็นตรงหน้าต่างพอดีอย่างแอบรู้สึกตั้งตารอชีวิตหลังจากนี้ 

 

 

เพราะเขามาถึงเป็นคนแรก ดังนั้นตู้ทั้งหกนั้นเขาย่อมสามารถเลือกก่อนได้ตามใจชอบ เขาเลือกเอาตู้ที่อยู่ใกล้ตัวเองมากที่สุดก่อนจะเอาเสื้อผ้าของตัวเองจัดเข้าวางในตู้ พร้อมกับเอากุญแจที่ตัวเองซื้อเตรียมมาไว้ก่อนหน้านี้ล็อคเอาไว้เรียบร้อย 

 

 

จากนั้นก็ได้ยินเสียงนกหวีดที่ดังแว่วๆ เข้ามาจากด้านนอก เขาคิดว่าตอนนี้น่าจะถึงเวลารายงานตัวแล้ว 

 

 

เขาหยิบเอาเอกสารแสดงฐานะยากจนที่ทำเอาไว้เรียบร้อยก่อนจะมาที่มหาวิทยาลัยและหนังสือแจ้งให้ทราบการรับเข้าศึกษาต่อของตัวเองก่อนจะเดินลงไปชั้นล่าง 

 

 

ด้านหน้าหอพักในตอนนี้มีโต๊ะยาวๆ ถูกจัดวางไว้หนึ่งแถว ด้านหลังมีอาจารย์ที่ดูรูปร่างค่อนข้างสมบูรณ์ยืนอยู่ทางด้านหลังสองสามคน 

 

 

ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่จัดทำเรื่องการรับรายงานตัวเข้าเรียนในวันนี้ทั้งหมด 

 

 

ชุยหังถือเอาของๆ ตัวเองไปยืนต่อแถวอยู่ด้านหลังของนักศึกษาใหม่ที่ดูใบหน้าอ่อนเยาว์คนหนึ่ง กำเอกสารของตัวเองเอาไว้ในมือ ทั้งยังจงใจม้วนเอกสารแสดงฐานะยากจนของตัวเองเอาไว้ 

 

 

นี่เป็นการดำเนินการยื่นเอกสารเองครั้งแรกของเขาจะว่าไปแล้วก็แอบรู้สึกตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย 

 

 

ในที่สุดก็วนมาถึงคิวของเขาแล้ว ตอนที่เขาเอาเอกสารแสดงฐานะยากจนยื่นให้อาจารย์คนนั้น เขายังแอบๆ รู้สึกต้อยต่ำอับอายอยู่หน่อยๆ 

 

 

ตอนที่อาจารย์คนนั้นรับเอกสารไปก็หันไปถามคนข้างๆ ว่า: “อันนี้เป็นระบบGreen Channels [1] ใช่ไหม” 

 

 

อาจารย์ที่ยืนอยู่ด้านข้างเป็นคนที่ค่อนข้างมีอายุ พุงใหญ่ๆ พอเหลือบตามองดูแล้วก็พยักหน้าขึ้นลงก่อนจะพูดว่า: “ประทับตราลงไปลงบนเอกสารหลักฐานการผ่านระบบGreen Channelsให้เขาก็เรียบร้อยแล้ว” 

 

 

หลังจากที่ชุยหังรับเอาเอกสารหลักฐานอันนั้นกลับมาก็รู้สึกเบาใจลงไปเยอะ 

 

 

ที่เหลือก็แค่รอให้เปิดภาคเรียนแล้วรอให้อาจารย์เอาเอกสารสัญญาเงินกู้ช่วยเหลือนักศึกษาแห่งชาติมาให้ลงนามก็เป็นอันเรียบร้อย 

 

 

เขาพึ่งจะยื่นเอกสารเสร็จ จู่ๆ คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็หันกลับมาถามเขา: “เพื่อน นายพอจะรู้ไหมว่าอาคารห้าอยู่ตรงไหน” 

 

 

อาคารห้าเป็นสถานที่ออกหลักฐานการคิดค่าธรรมเนียมค่าเล่าเรียนและเป็นสถานที่สำหรับรับสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ในการเล่าเรียนด้วย 

 

 

ก่อนหน้านี้ชุยหังเคยเดินสำรวจมาก่อนแล้วจึงพอจะจำได้อยู่บ้าง 

 

 

เขาพูดขึ้น: “ฉันก็กำลังจะไปพอดี เดี๋ยวพวกเราไปด้วยกันเลยแล้วกัน” 

 

 

“ขอบคุณมาก” 

 

 

“จริงสิ นายอยู่คลาสเรียนห้องไหนหรอ” ชุยหังถามต่อ 

 

 

“ห้องสาม” เพื่อนคนนั้นก็ตอบออกมาอย่างสบายๆ 

 

 

ชุยหังพูดต่อ: “จริงหรอ ฉันก็อยู่ห้องสามเหมือนกัน ต่อไปนี้เราก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันแล้วนะ นายชื่ออะไรหรอ” 

 

 

“เหลียงจื้อ” 

 

 

“ฟังจากสำเนียงนายก็เป็นคนทางเหนือเหมือนกันใช่ไหม” 

 

 

“ใช่ๆ เป็นคนจี๋หลิน [2] ” 

 

 

“พูดจริงป่ะเนี่ยฉันก็เหมือนกัน…” ชุยหังรู้สึกประหลาดใจมากๆ 

 

 

พอเหลี่ยงจื้อได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมากยิ้มหน้าบานพูดขึ้นมา: “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นพบเจอคนบ้านเดียวกัน พบพลันน้ำตาคลอล่ะสินะ” 

 

 

“แต่ว่าทำไมนายยังใส่แว่นตาอยู่ล่ะ” อันที่จริงชุยหังสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่เข้าแถวรายงานตัวแล้ว 

 

 

สาขาของพวกเขามีเงื่อนไขเกี่ยวกับค่าสายตา 

 

 

ดังนั้นตอนที่ชุยหังรู้ว่าตัวเองได้รับให้เข้าเรียนที่นี่ก็อ้อนวอนคนที่บ้านไปยืมเงินมาจำนวนไม่น้อยเพื่อทำเลสิกสายตา 

 

 

แต่ว่า ทำไมเหลียงจื้อที่ยังใส่แว่นตาอยู่ ก็สามารถรายงานตัวได้เลยล่ะ 

 

 

เหลียงจื้อพูดขึ้น: “ก็ในเมื่อหลังจากนี้ฉันอาจจะไม่ขึ้นเรือออกทะเลแต่อาจจะไปสอบข้าราชการเข้าทำงานในสำนักงานการเดินเรือแทนไง” 

 

 

“ไม่ใช่ว่าเปิดเทอมจะมีตรวจร่างกายหรอ” ชุยหังพูด 

 

 

“นายสบายใจเถอะมันไม่กระทบหรอกน่า” เหลียงจื่อพูดอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม 

 

 

พวกเขาพูดคุยกันไปจนตอนนี้เดินมาถึงอาคารห้าแล้ว จากนั้นก็ทำตามคำแนะนำเดินขึ้นตึกเพื่อไปชำระเงินให้เรียบร้อย 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] ระบบGreen Channels (绿色通道) เป็นการใช้ระบบบิ๊กดาต้าเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมการศึกษาเพื่อช่วยเหลือเด็กยากจนให้ได้เรียนหนังสือ 

 

 

[2] จี๋หลิน เป็นชื่อมณฑล ตั้งอยู่ทางตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน