ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 245
ฮูหยินหลิงหลงมิได้ปล่อยให้เกิดขึ้นนานนัก ก็ได้ยินข่าวจากสาวใช้ส่วนตัว นางยินดีเป็นอย่างยิ่ง หยวนซื่อไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน ขอแค่เจ้าออกมาก็พอแล้ว
นางแยกตัวออกมาจากสาวใช้ เดินไปข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านแม่ คนจากห้องครัวมีเรื่องจะเรียนถามเจ้าค่ะ” เอ่ยออกมา แล้วกระซิบไปที่ใบหูว่า “เมื่อครู่ชู่อวี่ได้ให้คนมาแจ้งว่า อีกเดี่ยวแม่นมหยางจะประคองหยวนฉุ่ยอวี่ไปเดินเล่นในสวน”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยด้วยความไม่พอใจว่า “เรื่องเล็กแค่นี้ยังต้องมาถามข้า? ให้ห้องครัวทางนั้นจัดการซะ ทำตามที่เราเคยพูดกันไว้เป็นพอ เจ้าก็ไปคอยดูไว้ด้วย ดูตอนที่จุดไฟ วันนี้แขกค่อนข้างเยอะ อย่าให้ตอนที่นำอาหารขึ้นโต๊ะช้าจนแขกไม่พอใจ”
คำพูดหนึ่งประโยคสองความหมายนี้ มีเพียงแค่เฉินหลิงหลงที่ฟังเข้าใจ ชุยไท่เฟยและเหล่าไท่จวินยังนึกว่าเป็นเรื่องของห้องครัว
ฮูหยินหลิงหลงรับคำ “เจ้าค่ะ งั้นข้าไม่รบกวนท่านแม่ ไท่เฟย และเหล่าไท่จวินพูดคุยกันแล้ว”
โค้งคำนับแล้วจึงถอยกลับไป
ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปยังแผ่นหลังของฮูหยินหลิงหลง ถอนหายใจเบา ๆ “หยวนซื่อไม่มีความสามารถ หากไม่ได้หลิงหลงมาดูแลงานบ้านแล้ว หม่อมฉันคงจะไม่มีงานครบรอบวันเกิดนี้”
ชุยไท่เฟยมิได้หยุดถามต่อ “หยวนซื่อทำไมถึงไม่ยอมออกมากันนะ? วันนี้เป็นวันครบรอบของเจ้า หากพูดกันตามเหตุผลแล้วเป็นถึงนายหญิงของจวน ก็ควรที่จะออกมาต้อนรับแขก หลายปีมานี้ ไม่เจอนางออกมาเลย”
ไท่เฟยเป็นผู้ที่มิได้สนใจต่อเรื่องราวของผู้อื่นมานานแล้ว นางคือพระมารดาของอ๋องหก อ๋องฮุ่ย นางเป็นพระสนมในฮ่องเต้พระองค์ก่อน ตั้งแต่สมัยที่พระองค์ยังทรงเป็นเพียงองค์รัชทายาท ตั้งแต่เป็นพระสนมมา กลับโชคดีในตอนที่อายุสี่สิบ ถึงได้มีครรภ์คลอดอ๋องฮุ่ยออกมา ดังนั้นนางจึงอายุมากกว่าฮวงไท่โห่วนัก
หลังจากอ๋องฮุ่ยได้รับตำแหน่งท่านอ๋องแล้ว นางก็ย้ายออกมาจากในวังมาอาศัยอยู่กับลูกชายของตนเอง ทรงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับหลานชายในทุกวัน เข้าร่วมงานเลี้ยงพูดคุยกันกับกลุ่มฮูหยินผู้เฒ่าเป็นครั้งคราว ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นของจวนมหาเสนาบดีในช่วงนี้แล้วนั้น นางเองค่อนข้างที่จะมิได้รู้เรื่องราวต่าง ๆ มากนัก อ๋องฮุ่ยเองก็มิใช่คนที่จะนำเรื่องราวเหล่านี้มาพูดคุยกับนาง มารบกวนความสงบสุขของนาง
ฮูหยินผู้เฒ่ากังวลถึงคำถามของชุยไท่เฟยถึงหยวนซื่อ นางตั้งใจแสร้งตอบอย่างเศร้าสร้อย “หลังจากที่รับหลิงหลงเข้ามา นางก็เริ่มที่จะออกมาน้อยลง นางเป็นหญิงที่มีความสามารถนัก แต่มักจะทำตัวห่างเหิน แล้วยังดูหมิ่นดูแคลนหลิงหลง หลังจากที่หลิงหลงตั้งครรภ์แฝดชายหญิงให้กับตระกูลเซี่ยนั้น แม้แต่สามีนางก็ไม่สนใจ ทุก ๆ วันไม่รู้ว่าทำอะไรกันในเรือนเซี่ยจื่อหย่วน บางครั้งก็ให้ผู้อื่นมาเขียนกลอนวาดรูป นี่เพียงแค่ที่หม่อมฉันเห็นนะเพคะ มิใช่ผู้ที่จริงจังมากนัก คำพูดนี้สามารถพูดได้แค่กับไท่เฟยและเหล่าไท่จวินแล้ว มิอาจพูดคุยกับผู้อื่นได้ น่าขายหน้าจริง! ”
ฮูหยินผู้เฒ่าค่อย ๆ ถอนหายใจพร้อมใบหน้าเศร้าโศก ทำให้ชุยไท่เฟยอดมิได้ที่จะเห็นใจ ทำให้ไม่พอใจต่อหยวนซื่อ
“หากเปลี่ยนเป็นพระชายาอ๋องฮุ่ย แล้วมีอารมณ์แบบนี้ ตระกูลหยวนคงต้องมารับนางกลับไปนานแล้ว นี่ทำให้เจ้าต้องอดทนต่อความโมโหนี้เอาไว้” ชุยไท่เฟยตอบอย่างโมโห
“หม่อมฉันแก่แล้ว ดูแลอะไรไม่ได้มากนัก ต้องโทษที่หม่อมฉันโง่เง่านัก ที่หลงไหลไปกับชื่อเสียงของนางในวันนั้น จะรู้ได้อย่างไรว่านางเป็นคนเยี่ยงนี้? หลายปีมานี้ ไม่เคยดูแลรับใช้หม่อมฉันสักนิด ดูแลสะไภ้ไม่ดีก็ช่างเถอะ แต่ หย๋า คงต้องพูดอย่างหน้าไม่อายออกมาว่า แม้ร่วมห้องสามีภรรยานางก็ไม่ยินยอม เรื่องนี้หากแพร่ออกไปแล้ว น่าขายหน้าซะจริงเชียว”
หยินผู้เฒ่าพูดแล้วหยุด สุดท้ายแล้วทำราวกับอดทนมิได้จึงพูดออกมา เพิ่มความน่าเชื่อถือให้คำพูดอีกหลายคำ
“เกินไปแล้ว?” ชุยไท่เฟยโกรธจัด “เจ้าเรียกนางออกมา ข้าจะต้องพูดอะไรกับนางบ้างแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ “งานวันนี้คงไม่เหมาะกระมัง เปลี่ยนเป็นวันอื่นเถอะเพคะ หากวันไหนไท่เฟยเสด็จมา ทรงช่วยหม่อมฉันสั่งสอนนางหน่อยเล็กน้อยนะเพคะ ต่อหน้าผู้อื่น หม่อมฉันมิกล้าจะพูดแม้แต่ครึ่งคำ มีเพียงท่านสองคนเท่านั้นที่หม่อมฉันเอ่ยด้วย”
“ก่อนหน้ามีแต่ผู้คนอิจฉาเจ้าที่ได้แต่งสะไภ้ที่มีความสามารถมีชื่อเสียง มิรู้ว่านางจะเป็นคนเช่นนี้ อ๋องหกของข้าเอาแต่พูดว่าหยวนซื่อนั้นดีแค่ไหน บอกว่ามหาเสนาบดีเซี่ยนั้นโชคดีมาก ควรจะให้เด็กคนนั้นมาฟังดู เปิดตาดูว่าหยวนซื่อนั้นเป็นคนเยี่ยงไร”