ตอนที่ 834 ดูซิยังจะอ้างอะไรอีก

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

คนเราเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ต่างกันก็ย่อมมีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนกัน เสี่ยวเชี่ยนคิดได้แล้ว ทำไมเธอต้องรอให้ตัวเองเติบโตมากกว่านี้แล้วถึงค่อยมีลูกล่ะ มีเขาคอยอยู่เคียงข้าง ให้ลูกมาร่วมเติบโตไปพร้อมกับพ่อแม่ มันก็เป็นช่วงจังหวะหนึ่งของชีวิต

 

 

เธอเพิ่งผ่านชีวิตที่อยู่ระหว่างความเป็นกับความตายมา เสี่ยวเชี่ยนจึงปลงได้ทุกอย่าง ถือได้ว่าเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี

 

 

“ต่อไปผมไม่มาบ้านคุณละ รู้สึกแย่” เจิ้งซวี่ตัดสินใจจะออกจากที่ที่อยู่แล้วเสียดแทงใจแบบนี้ เดี๋ยวก็เรื่องแต่งงานบ้างล่ะ มีลูกบ้างล่ะ น่าสะเทือนใจทั้งนั้น

 

 

“เรื่องอัดเสียงสะกดจิตไว้ฉันจะให้คนเอาไปให้ นายก็เก็บเอาคำพูดของฉันไปคิดนะ ไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง อยากจะเที่ยวยังไงก็เที่ยวไป แต่อย่ามองว่าการแต่งงานเป็นเรื่องเล่นๆ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนยืนพูดด้วยความหวังดีอยู่หน้าบ้าน เจิ้งซวี่รีบมุดเข้าลิฟท์แม้แต่คำลาก็ไม่ได้พูด เพราะเขาเห็นสาวผมทองที่ชวนให้ประสาทเสียคนนั้นยืนถือของอยู่หน้าบ้านเสี่ยวเชี่ยน ถ้าเขาไม่รีบไปคงได้ยินคำว่าริดสีดวงอีกแน่

 

 

นี่เป็นหนึ่งในคำที่ฟังแล้วน่าโมโหที่สุดประจำปีนี้

 

 

อาข่าเห็นเจิ้งซวี่รีบร้อนเข้าลิฟท์ ที่แท้เขาก็ไม่อยากแต่งงานนี่เอง

 

 

“มีธุระเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนถามอาข่า

 

 

“อันนี้ให้เธอ” อาข่ายื่นถุงให้

 

 

“อะไรน่ะ?”

 

 

“ชาสมุนไพรกล้วยไม้กับรังนก ช่วยบำรุงคอเธอ”

 

 

“ฉันไม่เอา” เสี่ยวเชี่ยนเห็นของพวกนี้แล้วก็กลัว กว่าเธอจะยกให้แม่อวี๋ที่ชอบทำซุปบำรุงไปไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เธอไม่อยากกินของพวกนี้อีก

 

 

“รับไว้เถอะ บอสโมโหฉันเรื่องเธอยกใหญ่ ฉันไม่เคยเห็นเขาโมโหขนาดนี้ ถ้าเธอไม่รับของที่เขาซื้อให้ เขาคงหักเงินเดือนฉันทั้งปีเกลี้ยงแน่”

 

 

อาข่าประนมมือไหว้ ทำท่าทางขอร้อง

 

 

เสี่ยวเชี่ยนมองของเยี่ยมที่ราคาไม่ใช่น้อยๆนี้แล้วหรี่ตา

 

 

“อยากให้ฉันรับเหรอ?”

 

 

อาข่ารีบพยักหน้า

 

 

“ให้ฉันรับไว้น่ะได้ เรียกบอสลึกลับของเธอมาสิ ไม่อย่างนั้น…” เสี่ยวเชี่ยนยิ้มเจ้าเล่ห์

 

 

“ฉันไม่เพียงแต่จะไม่รับ ยังจะหยุดยาด้วย”

 

 

“เธอขู่ฉัน” อาข่าเบิกตาโพลง ประธานเชี่ยนร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร

 

 

เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า “ฉันไม่ได้ขู่ ฉันแค่แกล้งเธออยู่”

 

 

เรื่องนิสัยชอบแกล้งคนนี้ ถ้าเลิกไม่ได้ก็จะติดมาก

 

 

อาข่าหน้าเศร้า ทำไงดีล่ะเนี่ย…

 

 

“ฉันไม่สนว่าเขามีจุดประสงค์อะไร ฉันก็แค่ไม่ชอบให้คนอื่นเป็นธุระจัดแจงส่งคนมาอยู่ข้างฉันโดยที่ยังไม่ได้ถามความเห็นจากฉัน ถ้าเขาไม่อยากทำให้เข้าใจผิดมากไปกว่านี้ ทางที่ดีรีบมาหาฉันเองดีกว่านะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนปิดประตูใส่อาข่า

 

 

อาข่าทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรื่องเป็นแบบนี้เธอควรทำไง…

 

 

เมื่อกลับไปถึงบ้านใหม่เสี่ยวเชี่ยนก็มาร์คหน้าอย่างอารมณ์ดี เธอจัดการเรื่องต่างๆไปพอประมาณแล้ว ตอนนี้สามารถเล่นเน็ต เขียนเคสคนไข้ได้อย่างสบายใจแล้ว

 

 

ทางเสี่ยวเฉียงยังไม่มีข่าวคราว เวลานี้เขาน่าจะกำลังสู้เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติอยู่

 

 

เสี่ยวเชี่ยนนั่งพิงโซฟาอย่างสบายๆ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คอยู่บนตักเธอ เธอเปิดหน้าเว็บเรื่องการเตรียมพร้อมมีบุตร ถึงเวลาที่ต้องคิดเรื่องมีลูกแล้ว…

 

 

เธอวางแผนไว้แล้วว่าจะอยู่เรียนต่อที่เมืองหลิน ถ้าปีนี้เตรียมมีลูก ปีหน้าเรียนจบปริญญาโทก็คงพร้อมมีได้เลย เรียนปริญญาเอกช่วงปีแรกไม่ยุ่ง อยู่เลี้ยงลูกได้พอดี

 

 

เป็นแผนที่เพอร์เฟคอะไรขนาดนี้

 

 

ประธานเชี่ยนรู้สึกเหมือนเสี่ยวเหวยตัวน้อยกำลังซุกอยู่ในอ้อมอกเธอ รอเสี่ยวเฉียงกลับมาเธอก็จะบอกเขาเรื่องเตรียมมีลูก เขาต้องดีใจจนเป็นบ้าแน่

 

 

เสี่ยวเชี่ยนจดข้อมูลที่สืบค้นได้ ช่วงบ่ายว่างๆเธอจะไปซื้อหนังสือเตรียมมีบุตรมาสองเล่ม

 

 

เมื่อชาติก่อนเสี่ยวเหวยมาแบบไม่ทันตั้งตัว ถึงลูกจะเติบโตได้อย่างไม่มีปัญหา แต่คนเป็นพ่อแม่ก็มักจะตั้งความหวังให้ตัวเองทำได้อย่างดีที่สุด ชาตินี้เสี่ยวเชี่ยนจึงอยากเตรียมพร้อมในทุกด้าน

 

 

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะออกจากบ้านทางป้อมยามก็โทรเข้ามา

 

 

“พี่สะใภ้ครับ มีอาจารย์แซ่หลิวบอกว่าเป็นอาจารย์ของพี่มาหาครับ ให้เข้าไปไหมครับ?”

 

 

อาจารย์มาเหรอ?

 

 

เสี่ยวเชี่ยนรีบลงไปรับด้วยตัวเอง

 

 

น้อยครั้งที่อาจารย์จะมาหาเธอถึงที่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?

 

 

ศาสตราจารย์หลิวหิ้วถุงใบใหญ่เดินเข้าไป เสี่ยวเชี่ยนรีบเข้าไปต้อนรับ

 

 

“อาจารย์จะมาทำไมไม่โทรบอกหนูก่อนล่ะคะ หนูจะได้ไปรับ”

 

 

“เรื่องนี้ฉันต้องมาพูดกับเธอด้วยตัวเอง คอเธอเป็นไงบ้างแล้ว?”

 

 

“ก็โอเคระดับนึงแล้วค่ะ หนูกะว่าพรุ่งนี้จะไปมหาวิทยาลัยอยู่พอดี แต่อาจารย์จะมาหาทำไมต้องหอบหิ้วของมาเยอะแยะด้วยล่ะคะ ดูเกรงใจเกินไป”

 

 

“เคสคนไข้ทั้งนั้น ไม่ได้เกรงใจอะไรหรอก”

 

 

“…” เสี่ยวเชี่ยนหมดคำจะพูด

 

 

มาหาถึงที่ไม่ได้เอาผลไม้มาฝากแต่เป็นเคสคนไข้ ใช้ได้ ใช้ได้ สมแล้วที่เป็นศาสตราจารย์หลิว

 

 

พอไปถึงบ้าน ศาสตราจารย์หลิวก็กวาดตามองรอบๆ บ้านเล็กๆนี่ตกแต่งใช้ได้ ดูมีรสนิยม แต่เธอมาครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อดูว่าบ้านใหม่เสี่ยวเชี่ยนตกแต่งเป็นยังไง เธอมีเรื่องใหญ่

 

 

“เคสคนไข้พวกนี้เธอลองเอาไปอ่านดูนะ เป็นเคสที่ช่วงหลายปีมานี้ฉันจดบันทึกเอง ค่อนข้างมีจุดเด่นอยู่ พื้นฐานความรู้เธอแน่นอยู่แล้ว ตอนนี้เรื่องแพทย์คลินิกไว้เธอก็ต้องไปดู ถ้าอีกหน่อยเขาทดสอบเธอ เธอก็ต้องแสดงความสามารถให้เต็มที่”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนอึ้งกับของที่อาจารย์เอามาฝาก นี่มันสมบัติล้ำค่าของอาจารย์ไม่ใช่เหรอ เล่นยกมาให้เยอะแบบนี้ เล่นใหญ่ไปไหม

 

 

บันทึกของศาสตราจารย์ดังแบบนี้ใช้เงินทองแลกมาไม่ได้หรอกนะ ข้างนอกมีคนอยากขอดูตั้งเยอะแยะ แต่อาจารย์เธอใส่ถุงดำหิ้วมา?

 

 

“อาจารย์คิดจะทำอะไรกันแน่คะ? หรือว่ามีการแข่งขันระดับนานาชาติให้หนูเข้าร่วมอีก?”

 

 

“เด็กโง่ ครั้งนี้ไม่ใช่การแข่งขัน เป็นเรื่องดี ไม่ใช่เธอยังไม่ได้อ่านอีเมลนะ?”

 

 

“อีเมลอะไรคะ?”

 

 

“ถ้ายังไม่ได้อ่านก็รีบไปอ่าน รับรองดีใจตายแน่”

 

 

เห็นศาสตราจารย์หลิวเร่งแบบนี้เสี่ยวเชี่ยนจึงเปิดคอมพิวเตอร์อย่างงงๆ เธอไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไรที่จะทำให้เธอดีใจตาย?

 

 

พอเห็นหัวข้อศาสตราจารย์ชี สมองเสี่ยวเชี่ยนก็ถึงกับหยุดทำงานไปชั่วขณะ

 

 

เธอกดเปิดอ่าน แม้แต่บอสสาวที่ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วนยังเอามือปิดปาก แม่งเอ๊ย

 

 

“เดี๋ยวหนูไปชงชาให้ อาจารย์นั่งพักก่อนนะคะ”

 

 

“ไม่ต้องหนีเลยนะ มานั่งนี่ เข้าใจแล้วหรือยัง?” ศาสตราจารย์หลิวจับตัวเสี่ยวเชี่ยนที่คิดหนีให้นั่งลง จากนั้นก็ชี้ไปที่คอมพิวเตอร์อย่างภูมิใจ

 

 

ดูซิว่ายัยเด็กจอมเจ้าเล่ห์นี่ยังมีอะไรจะพูดอีก

 

 

ด้วยความที่กลัวลูกศิษย์จะแกล้งลบอีเมลหรือเล่นตุกติกอีกเธอจึงตั้งใจมาหาเพื่อให้เห็นกับตาว่าเปิดอ่าน สีหน้าของเสี่ยวเชี่ยนในเวลานี้บันเทิงมากจริงๆ เพียงพอที่จะทำให้ศาสตราจารย์หลิวสนุกไปอีกหลายวัน

 

 

“คือว่า ภาษาอังกฤษของหนูไม่ค่อยดี ต้องเปิดดิกชันนารีหาก่อนค่ะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนอยากให้ตัวเองดูผิดจริงๆ ศาสตราจารย์ชีส่งอีเมลมาหาเธอได้ยังไง แถมยังนัดไปสัมภาษณ์ที่โรงพยาบาลกลางพรุ่งนี้ด้วย?

 

 

เธอหนีได้แล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่าหนีจากโอกาสที่จะได้เจอหน้าศาสตราจารย์ชีไปแล้วเหรอ?

 

 

“เลิกพูดจาไร้สาระ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอสอบภาษาอังกฤษระดับหกได้เจ็ดร้อยแปดคะแนน การเขียนขาดสองคะแนนจะได้เต็ม? ไม่ใช่แค่นั้นนะ เธอยังชำนาญภาษาDด้วย แม้แต่ภาษาของประเทศหมู่เกาะแถบนี้เธอยังใช้สนทนาในชีวิตประจำวันได้ ถ้าเธอได้แลกเปลี่ยนความรู้กับเหล่าชีรับรองไม่มีปัญหาแน่”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพูดจาอ้ำอึ้ง “เขาโตที่เมืองนอก พวกเราจะคุยกับเขารู้เรื่องได้ไงคะ”

 

 

“ตอนหนุ่มๆเหล่าชีมาพักอยู่ในประเทศ ภาษาจีนของเขาน่าจะใช้ได้อยู่ ไม่อย่างนั้นเธอคิดว่าเขาจะสอนเด็กอยู่ที่ทางใต้ได้ยังไง?” ดูซิยังจะอ้างอะไรอีก