พอจะดูออกว่าเขาเป็นคนค่อนข้างจะเก็บตัว นอกจากพูดออกมาไม่กี่คำนี้แล้วก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีก 

 

 

ชุยหังค่อยๆ จำชื่อของแต่ละคนไว้ในใจ รวมทั้งบ้านเกิดของพวกเขาทุกๆ คน หลังจากนั้นก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง: “ต่อไปนี้พวกเราจะเรียกกันยังไงดี” 

 

 

ถังเฉิงที่อยู่เตียงชั้นล่างของเขาถามขึ้น: “นายอยากจะเรียกยังไงล่ะ เรียกชื่อเล่นหรอ” 

 

 

“ชื่อเล่นดูไม่เหมาะเท่าไหร่ อีกอย่างพวกเราเป็นผู้ชายด้วย เราว่าแค่จัดลำดับก็น่าจะโอเคแล้ว เมื่อกี้มีใครบ้างที่บอกว่าอายุ 21บ้าง เอาเป็นว่าทุกคนบอกวันเกิดของตัวเองหน่อยสิ” ชุยหังเสนอความเห็นขึ้นมา 

 

 

เขาเกิดเดือนสิบสองดังนั้นคงจะไม่ใช่พี่ใหญ่สุดแน่นอน 

 

 

ส่วนจ้าวหลินกับถังเฉิงต่างก็โตมากกว่าเขา 

 

 

ต่อมาวังเจิ้นเฉียงกับจังเผิงต่างก็บอกว่าพวกเขาก็อายุ21เหมือนกัน 

 

 

จากที่จัดการเรียงลำดับของพวกเขาจากเหล่า [1] ต้า (พี่ใหญ่) ไปจนถึงเหล่าลิ่ว (น้องหก) เรียงตามลำดับได้เป็นจ้าวหลิน วังเจิ้นเฉียง จังเผิง ถังเฉิง ชุยหัง วังเฉียง 

 

 

ตอนแรกชุยหังคิดว่าตัวเองเคยเรียนซ้ำมาหนึ่งปี ในหอพักตัวเองน่าจะจัดว่าค่อนข้างจะแก่หน่อย คิดไม่ถึงว่าพอเอามาเรียงลำดับดูแล้วเขากลับจัดอยู่ในอันดับรองสุดท้ายเลยทีเดียว 

 

 

“เหล่าต้า นายเป็นหัวหน้าหอพักด้วยเถอะ” ชุยหางเสนอขึ้น 

 

 

จ้าวหลินได้ยินแบบนั้นก็ร้องถาม: “ทำไมอะ” 

 

 

“เพราะนายคือพี่ใหญ่ไง เรื่องนี้จำเป็นต้องถามหาเหตุผลด้วยหรอ” 

 

 

“ไม่จำเป็น” ถังเฉิงรีบพูดเสริมขึ้นมาทันที 

 

 

ง่ายดายมาก ตำแหน่งหัวหน้าหอพักถูกพวกเขาทั้งหมดมอบหมายให้จ้าวหลินไปอย่างง่ายดาย 

 

 

“เมื่อกี้อาจารย์หม่าบอกว่าถ้าแต่ละหอพักเลือกหัวหน้าห้องพักได้แล้วอีกเดี๋ยวให้ลงไปประชุมรวมกันด้านล่าง พี่ใหญ่เรื่องนี้คงต้องรบกวนพี่แล้วนะ” ชุยหังพูดขึ้นมาอีกประโยค 

 

 

จ้าวหลินมองมาที่เขาก่อนจะพูดว่า: “เหลาอู่ ว่ากันว่าคนตงเป่ยเป็นคนซื่อๆ ไม่ใช่หรอ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายไหวพริบเยอะอะไรขนาดนี้ล่ะ” 

 

 

ชุยหังพูดต่อ: “ฉันไม่ได้ไหวพริบดีอะไรหรอก กับเรื่องดีๆ แบบนี้ฉันย่อมต้องพิจารณาจากคนอื่นก่อนเสมอ” 

 

 

ถังเฉิงยิ้มออกมาอย่างใจกว้างก่อนจะพูดตามว่า: “เจ้าห้า ฉันนี่ยอมนายเลยจริงๆ” 

 

 

“ทำไมล่ะพี่สี่ ทำไมถึงได้ยอมเร็วขนาดนี้ล่ะ” ชุยหังถามอย่างมีอารมณ์ขัน 

 

 

ถังเฉิงพูด: “ได้ยินมาว่าคนตงเป่ยฝีปากเก่งกาจ พอวันนี้ได้มาเห็นกับตาตัวเองแบบนี้ช่างสมคำร่ำลือจริงๆ เลยนะ” 

 

 

“อย่าพูดแบบนั้นสิ ข่าวลือที่ได้ยินมาไม่อาจเชื่อถือได้” ชุยหังพูดต่อ 

 

 

ด้านวังเฉียงก็เข้าร่วมด้วยเหมือนกัน: “โลกผู้ใหญ่ของพวกผู้ใหญ่เนี่ยเข้าใจยากจริงๆ เลยนะ” 

 

 

“น้องหก นายนี่ทีเดียวฆ่าห้าคนรวดเลยนะเนี่ย ทำเอาพี่ชายห้าคนอย่างพวกเราถึงกับต้องนิ่งไปเลย” ชุยหังมองวังเฉิงที่อยู่ตรงข้ามกับตัวเองแล้วพูดยิ้มๆ 

 

 

พวกเขาทุกคนพูดคุยกับอย่างสนุกสนานแต่ด้านจังเผิงกับวังเจิ้นเฉียงกลับเหมือนว่าไม่เคยเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ตั้งแต่ต้นจนจบเลยด้วยซ้ำ 

 

 

ถึงแม้ปากของจ้าวหลินจะพูดว่าชุยหังวางแผนจัดการเขา แต่ก็พอจะมองออกว่าเขามีความเป็นพี่ใหญ่อยู่สูงมากจริงๆ ไม่นานก็จัดการเก็บข้าวของของตัวเองก่อนจะลงไปประชุมข้างล่าง 

 

 

ที่นอนของเขาถูกจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่ว่าฟูกที่นอนที่ทางคณะเอาให้เขาไม่ได้ปูมันลงไปแต่ว่ากลับเอาเสื่อเย็นปูลงไปกับแผ่นไม้กระดานเตียงนอนเลย ส่วนผ้าห่มก็ถูกพับวางไว้ที่ปลายเตียง แถมยังติดมุ้งกันยุงเอาไว้ด้วยดูไปแล้วช่างประณีตเรียบร้อยมากจริงๆ 

 

 

พอชุยหังหันกลับมามองที่นอนของตัวเองกลับรู้สึกเหมือนถึงจะถูกตบกะโหลกเข้าเบาๆ ยังไงอย่างนั้น 

 

 

หลังจากที่จ้าวหลินเดินออกไปเพื่อปรับบรรยากาศภายในห้องพัก ชุยหังก็เอาแต่หาเรื่องมาพูดไม่หยุด แต่ทว่านิสัยของจังเผิงกับวังเจิ้นเฉียงดูเหมือนจะยากที่จะกระตุ้นให้ขยับเข้ามามีส่วนร่วมได้จริงๆ 

 

 

กระทั่งรอจนจ้าวหลินกลับเข้ามา ชุยหังรู้สึกเหมือนชีวิตของตัวเองช่างดูน่าสงสารอย่างถึงที่สุดเลย 

 

 

สองคนนี้ตีสนิทด้วยยากมากเลยจริงๆ  

 

 

แต่ต่อมาภายหลังชุยหังถึงได้รู้ว่าเป็นเพราะเขาพูดเร็วเกินไป อีกอย่างคำพูดที่เขาพูดส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาตงเป่ยทั้งหมดมันก็เลยทำให้สองคนนั้นเหมือนจะฟังไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ 

 

 

“พี่ใหญ่ ในที่สุดก็กลับมาสักทีนะ นี่ฉันนึกว่าจะไม่ได้เจอนายอีกแล้ว…ขนาดไม่เจอกันแค่แปปเดียวพวกเราก็เริ่มจะคิดถึงนายหน่อยๆ แล้วเนี่ย ถ้านายยังไม่กลับมาพวกเราว่าจะให้พี่รองขึ้นมาเป็นพี่ใหญ่แทนแล้ว…” ชุยหังตั้งใจจะพูดหยอกล้อกับเขา 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] เหล่า (老)ในที่นี้เป็นคำนำหน้าที่เอาไว้ใช้เรียกในหมู่เพื่อนสนิท ในที่นี้เหล่าต้า หมายถึงพี่ใหญ่ แล้วตามด้วยเลขลำดับไว้ด้านหลังคือ เอ้อร์ ซาน ซื่อ อู่ ลิ่ว โดยเรียงลำดับการเรียกตามอายุ