บทที่ 74 ตบหน้า
โกรธ?
องค์หญิงอันผิงมีสิทธิ์อะไรมาโกรธกัน
ผู้ที่มีสิทธิ์ที่จะโกรธมากที่สุดคือนาง เฟิ่งชิงเฉิน
เทศกาลดอกท้อที่ถูกจัดขึ้นมาในวันนี้
เฟิ่งชิงเฉินมิได้หันกลับไปมอง พลันหันหลังกล่าวกับองค์หญิงอันผิงว่า
“องค์หญิงมิต้องกระทำตัวอย่างสุภาพกับชิงเฉินก็ได้เพคะ ถึงแม้จะต้องโดนกระทำอีกครั้งหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่กลัว
น่าเสียดายนัก ที่หกคนนั้น ”
นี่เป็นข้อตกลงระหว่างคำข่มขู่
ตราบใดที่องค์หญิงอันผิงมีสมองขึ้นมาเล็กน้อย พระนางย่อมต้องรู้จักยอมประนีประนอม!
หากลูกธนูนี้ได้ถูกยิงออกไปเมื่อใด
เรื่องเมื่อครู่
จะไม่ถูกพูดออกมาจากปากเฟิ่งชิงเฉินอีก มิเช่นนั้น
นาง เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้สามารถสานสัมพันธ์กับหวังจิ่นหลิง
และอวี่เหวินหยวนฮั่วได้ ไม่มีอะไรเทียบกับการฝังศพไว้ด้านนอก สิ่งที่เกิดขึ้นภายในตำหนักแยกของราชวงศ์นั้น อย่างไรก็สามารถสืบค้นพบเรื่องราวได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าจะไม่พบก็ตาม แต่น้ำโคลนที่สกปรกก็ย่อมมาเปรอะเปื้อนตัวของอค์หญิงอันผิงอยู่ดี
องค์หญิงอันผิงพลันพูดไม่ออกในทันที
เธอหาได้กลัวว่าเรื่องมันจะรั่วไหลออกไปหรือไม่ แต่นางกลัวว่าคุยชายใหญ่จะล่วงรู้ถึงเรื่องนี้เข้า
แล้วเขาจะเข้าใจว่า นางเป็นสตรีที่โหดเหี้ยม
คุณชายใหญ่ที่เป็นคนดีเช่นนั้น อย่างไรนางไม่อาจให้คุณชายใหญ่ล่วงรู้ถึงตัวตนของนางได้เป็นอันขาด
สีหน้าขององค์หญิงอันผิงพลันเปลี่ยนไปมา
พลางหันไปกล่าวกับคุณหนูชิวฮุ่ยผู้นั้นว่า “ไปเถอะ”
แต่ท้ายที่สุดแล้ว พระนางก็ยอมจำนน พร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้เสียงดัง
“องค์หญิงเพคะ” ใบหน้าของชิวฮุ่ยพลันซีดขาวไร้สีไปอย่างสมบูรณ์
ในยามนี้ นางหาได้มีท่าทีหยิ่งผยองเช่นในคราแรกไม่
บุตรสาวนายพลชิวงั้นหรือ ดูอย่างไรก็ตัวไร้ประโยชน์ดี ๆ นี่เอง
“มิได้ยินที่เปิ่นกงพูดงั้นหรือ
มิเช่นนั้น พวกเจ้าก็ไปยืนแทนที่นางเสีย”อ งค์หญิงอันผิงพลันออกคำสั่งด้วยท่าทีมิใคร่สบอารมณ์นัก พร้อมกับออกคำสั่งกับคุณหนูคนสนิทต่าง ๆ ให้ไปทำตามที่ตนสั่ง
ยังไม่รีบไปอีก เจ้า เจ้าเจ้าเจ้า ลากนางออกไป
สหายที่ยอมพาเจ้าออกไปตาย แต่ไม่ยอมร่วมหัวจมท้ายตายไปกับเจ้า
คุณหนูทั้งหลายที่ถูกองค์หญิงชี้ตัวมานั้น ต่างก็รีบก้าวออกไปด้านหน้า
พร้อมกับใช้แรงลากชิวฮุ่ยออกไปในระยะร้อยเมตร พร้อมกับให้ชิวฮุ่ยที่มีท่าทีตื่นตระหนกตกใจถือแอปเปิ้ลเอาไว้บนหัว
“ไม่ ไม่ ไม่ ข้าไม่อยากเป็นเป้ายิงธนู”
ขาของชิวฮุ่ยพลันสั่นเทา ใบหน้าของนางพลางขาวซีดราวกับคนตาย ทว่า คุณหนูทั้งหลายที่ลากนางออกมานั้น ก็เห็นใจนางเช่นกัน
แต่ว่า
“ชิวฮุ่ย
อย่าโทษพวกข้าเลยนะ หากจะโทษก็โทษที่เฟิ่งชิงเฉินเสีย
เจ้ายืนดี ๆ เล่า”
พูดจบ ก็พลันทิ้งชิวฮุ่ยเอาไว้และรีบวิ่งออกไปในทันที
พวกนางกลัวว่า
ลูกธนูที่ไร้ตา เมื่อมาอยู่ในมือของเฟิ่งชิงเฉินนั้น
จะบินมาปักบนร่างของนางได้
“ไม่ ไม่เอา
ชิวฮุ่ยพลันร้องเสียงดังออกมา แอปเปิ้ลที่อยู่บนหัวของนาง ต่างก็ตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่เอา ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย”
“เช่นนี้ข้าจักยิงได้อย่างไรเล่า พวกเจ้าออกไปข้างหน้าและจับนางเอาไว้
ไม่ต้องกังวล ทักษะการยิงธนูของข้านั้นดีเลิศ แม้ว่าข้าจะหลับตา
แต่ข้าก็สามารถยิงมันให้เข้าเป้าได้”
ไม่รู้ว่าจะเข้าเป้าที่คน
หรือว่าเข้าเป้าที่แอปเปิ้ลกันแน่
พูดยากนัก
ทั่วทั้งสนาม
ยามที่นางกำลังง้างคันธนูออกมานั้น ก็พลันชี้ไปที่สาวใช้สองคนด้วยรอยยิ้ม
ผู้ที่มีอารมณ์แย้มยิ้มคงมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น นั่นก็คือเฟิ่งชิงเฉิน
องค์หญิงอันผิงพลันถอนหายใจและโบกมือไปมา “ไปจับนาง”
สาวใช้ทั้งสอง
ในที่สุดก็สามารถวางแอปเปิ้ลไว้บนหัวนางได้เสียที
พลันก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญเพื่อจับคุณหนูที่มีนามว่าชิวฮุ่ยเอาไว้
“เยี่ยมม
เช่นนี้ข้าจะยิงแล้วนะ !” เฟิ่งชิงเฉินพลันหลับตา
แล้วค่อย ๆ ดึงสายคันธนูง้างออกในทันที
ผู้ชมทั่วทั้งสนาม
พลันตกอยู่ในความสงบ
พร้อมกับปิดตาลงด้วยท่าทีไม่อยากจะมองไปยังภาพที่อยู่ตรงหน้า
พลันได้ยินเสียง “ฟึบ”
หัวใจของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็หยุดเต้นไปในทันที
“อ๊ายยย”
เสียงกรีดร้องของสตรีนามว่าชิวฮุ่ยดังออกมา

พร้อมกับกลิ่นเหม็นที่ลอยคละคลุ้งออกมาในทันที!
บุตรสาวของท่านนายพลที่มีนามว่าชิวฮุ่ย
ตกใจเสียจนอั้นปวดเบาเอาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว
ช่างหน้าขายหน้ายิ่งนัก
เมื่อทุกคนลืมตาขึ้นนั้น ก็พลันเห็นเฟิ่งชิงเฉินขว้างคันธนูและลูกธนูลงพื้นไปเสียแล้ว “ไม่เห็นสนุกเลย ข้ายังมิทันได้ยิงธนูออกไปเลยด้วยซ้ำ เจ้าก็หวาดกลัวถึงเพียงนี้แล้ว มิใช่กล่าวว่า
เจ้าช่างทำให้บิดาของตนเองขายหน้าเสียจริง ในยามที่บิดาของเจ้าเป็นทหารภายใต้การนำทัพบิดาของข้า เกรงว่าจะเป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อยกระมัง ทิเช่นนั้นคงมิสั่งสอนบุตรสาวตนเองให้ไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้หรอก”
ตนเองเป็นบุตรสาวของนายพลหรือ?
เฟิงชิงเฉินมิได้ซ่อนความดูถูกและความเย่อหยิ่งของตนเองเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
นางไม่เพียงแต่กล่าววาจาทำให้ชิวฮุ่ยเสียหาย อีกทั้งยังลากบิดาของนางมาทำให้ด่างพร้อยไปทั่วกันอีกด้วย
กล้าพูดถึงบิดาของนางเฟิ่งชิงเฉิน
เจ้าก็ควรจะไปแขวนคอบนดวงใจเสีย
หากคิดว่าชีวิตของตนเองยืนยาวเกินไปนัก
ทุกคนพลันมองไปยังสตรีผู้นั้นด้วยความเห็นอกเห็นใจ หากแต่มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินผู้ดียวที่ยิ้มอย่างเย็นชาออกมาแทน
นี่ก็แค่ความเห็นอกเห็นใจราคาถูกเท่านั้น
หากพวกเขาเห็นอกเห็นใจคุณหนูผู้นั้นจริง
เหตุใดถึงไม่มีผู้ใดเสียสละตนเองแทนนางเลยเล่า?
สงสารหรือ? มีอะไรให้ต้องเห็นใจคุณหนูชิวฮุ่ยผู้นั้นกัน?
ยามที่ให้นางวางแอปเปิ้ลบนหัวเพื่อเป็นเป้าล่อนั้น
เจ้ารู้จักคำว่าหวาดกลัวหรือยังเล่า?
นางยังกรีดร้องจนสุดเสียง เมื่อเรื่องมาถึงตนเองเช่นนี้
สายไปแล้ว!
เฟิ่งชิงเฉินสามารถถูกรังแกได้!
แต่บิดาของนาง
นางไม่อาจทำให้พวกเขาแปดเปื้อนด้วยคำพูดที่ดูถูกได้!
“ไปเอาคนลงมา” เจ้าหญิงอันผิงยิ่งทวีคุณความเกลียดชังเพิ่มมากขึ้น
หากแต่ จะแสดงออกในยามนี้ก็ไม่ดีนัก จึงได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้ เพื่อยับยั้งไม่ให้ตนเองระบายความโกรธไปลงที่ชิวฮุ่ย
ที่ทำให้พระนางอับอายขายหน้าเช่นนี้
เมื่อถูกเฟิ่งชิงเฉินปั่นจนหัวหมุนเช่นนั้น
คุณหนูทั้งหลายต่างก็ไม่มีอารมณ์ที่จะประลองอันใดอีกแล้ว ทุกคนต่างก็หันมามององค์หญิงอันผิงเป็นตาเดียว
เพื่อหวังว่าองค์หญิงจะช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้พวกนางบ้าง
ใช่แล้ว ระบายอารมณ์ออกไป
ถึงแม้ว่าชิวฮุ่ยจะอับอายขายหน้า หากแต่คุณหนูที่หลงเหลืออยู่
ต่างก็รู้สึกแบบเดียวกัน ที่พวกนางตั้งใจมาในวันนี้ ก็มีเจตนาที่จะมาเยาะเย้ยเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น
แต่ผลที่ได้กลับมาคืออะไรเล่า?
พวกนางกลับถูกตอบโต้กลับด้วยการทำให้ขายหน้าเช่นนี้ ช่างน่ารำคาญจริงๆ
องค์หญิงอันผิงมิได้ทำให้ทุกคนผิดหวัง
พระนางพลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับรอยยิ้มแข็งทื่อปรากฏขึ้นที่มุมปากของนางในทันที “ทักษะการยิงธนูของคุณหนูเฟิ่งนั้น ไ ม่เลวเลยทีเดียว ดูอย่างไรก็มีบิดามารดาสั่งสอนที่ดี ทว่า มิรู้ว่าทักษะทางด้านกาพย์กลอนฉินเพลงพิณวาดภาพจักเป็นเช่นไรบ้าง เช่นนั้นก็แสดงให้คุณหนูเหล่านี้ได้ชื่นชมเป็นอย่างไร
เช่นนั้น วันนี้พวกเราจะแยกเวทีให้คุณหนูเฟิ่งได้โชว์ความสามารถของนางอย่างเต็มที่ เพื่อให้เจ้าแสดงให้เห็นว่า เจ้าดูแตกต่างไปจากคนอื่นจริง ๆ ”
เมื่อประโยคสุดท้ายจบลงนั้น เสียงหัวเราะเยาะเย้ยพลันดังขึ้นมาในทันที
“ฮึฮึ
อย่างไรย่อมต้องแตกต่างอยู่แล้ว สตรีที่พยายามทำผลงานอย่างเต็มที่ หากมิใช่เพราะความเมตตาขององค์หญิง
จะมามีหน้าอยู่ในงานเทศกาลชมดอกท้อได้อย่างไรกัน”
สตรีที่สวมอาภรณ์สีเหลืองไข่ห่านพลันย่างกรายออกมา
ทำให้เกิดเสียงที่นุ่มนวลและก้องกังวาลออกมา หากแต่มิได้น่าฟังเท่าใดนัก
แหวนหยกที่รอบเอวของนางพลันเคลื่อนชนกัน
บุตรสาวของเจิ้นกั๋วกง องค์หญิงอู่อัน
เสมือนว่านางจะชมชอบตงหลิงจื่อลั่วกระมัง
แต่ก่อนนางก็รังแกเฟิ่งชิงเฉินคนเก่าอยู่บ่อยครั้ง
“ชิงเฉินเข้าเฝ้าองค์หญิงอู่อันเพคะ”
พร้อมทั้งพยายามเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเลือกทางผิด
เฟิ่งชิงเฉินพลันโค้งคำนับด้วยความอ่อนน้อม
“เป็นถึงบุตรสาวของท่านนายพล ข้าก็คิดว่า จะมีแต่นิสัยหยาบคาย
หากแต่มิได้รู้จักยางอายของตนเองเลยแม้แต่น้อย ” องค์หญิงอู่อันต้องการจะทำให้เฟิ่งชิงเฉินอับอายอย่างเห็นได้ชัด
ก็ยังดีที่ยังรู้จักมารยาทบ้าง
หากไม่ใช่ว่าสถานที่ไม่เอื้อนอำนวย เฟิ่งชิงเฉินอยากจะกรอกตามองบนใส่นางเสียเหลือเกิน
เจ้าคิดว่า? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกัน?
ไม่น่าแปลกใจที่เฟิ่งชิงเฉินคนเก่าถึงได้ขี้ขลาดและเอาแต่เก็บตัว ก็เพราะนางถูกรังแกเช่นนี้นี่เอง

น่าเสียดาย ที่นางหาใช่เฟิ่งชิงเฉินคนก่อนไม่
แม้แต่องค์หญิงอันผิง นางก็กล้าฆ่า นางจะมาเกรงกลัวอะไรกับองค์หญิงที่ได้รับพระราชทานตำแหน่งเช่นนางกัน.
ที่จะมาถูกรังแกและก้มหัวให้เช่นนั้น เป็นองค์หญิงแล้วอย่างไรกัน
เฟิ่งชิงเฉินพลันมองไปที่องค์หญิงอู่อัน ด้วยสายตาที่ประเมินฝ่ายตรงข้าม
พร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยในดวงตาของนาง หากเจ้าต้องการพูดถึงความบริสุทธิ์ต่อหน้าแพทย์นั้น
เจ้าต้องรับประกันในความบริสุทธิ์ของตนเองเสียก่อน
ริมฝีปากของของเฟิ่งชิงเฉินพลันโค้งขึ้นเล็กน้อย
ด้วยท่าทางที่น่าสงสาร พร้อมกับถอนหายใจออกมา “ฝ่าบาท ชิงเฉินคิดว่าหยกที่แท้จริง
มันควรจะสะอาดและบริสุทธิ์ แต่แท้จริงแล้ว มันกลับเป็น”
คำสุดท้ายที่ถูกเว้นเอาไว้เป็นเวลานาน
เพื่อให้ทุกคนต่างคาดเดาไปต่าง ๆ นานา
เฟิ่งชิงเฉินกล้าที่จะเดิมพันด้วยปริญญาเอกทางด้านการแพทย์ของนางเลยว่า องค์หญิงอู่อันผู้นี้
หาใช่สตรี พรหมจรรย์ไม่ ในฐานะหมอคนหนึ่ง
หากนางมองเรื่องนี้ไม่ออก นางก็ไม่ควรจะมาเป็นหมอแล้ว
“เจ้าว่าผู้ใดกัน?”
องค์หญิงอู่อันพลันโกรธจัด
ด้วยสีหน้าที่แดงก่ำและนัยน์ตาฉายแวววาวโรจน์ออกมา
แท้จริงแล้ว
ไม่เหมือนเฟิ่งชิงเฉินที่เรื่องราวฉาวโฉ่โด่งดังไปทั่วเมืองหลวงเช่นนี้
นางไม่ใช่สตรีพรหมจรรย์นั้นเป็นเรื่องจริง หากแต่ผู้ใดจะทำอันใดได้ เรื่องนี้หาได้มีคนล่วงรู้ไม่
“ผู้ใดที่รับ
ก็คือคนผู้นั้น องค์หญิง
อู่ อัน” เฟิ่งชิงเฉินพลันแสดงสีหน้ารู้ความลับของพระนางออกมา
ห๊า….
ภายในกลุ่มฝูงชนนั้น
เมื่อเหล่าคุณหนูกลับมามีสติอีกครั้ง สายตาก็พลันจับจ้องไปทั่วร่างขององค์หญิงอู่อันในทันที
มิรู้ว่าผู้ใดส่งเสียงอุทานออกมากันแน่
ไม่ใช่กระมัง
องค์หญิงอู่อันมิได้บริสุทธิ์แล้ว
แต่องค์หญิงอู่อันยังมิได้ออกเรือนไปไม่ใช่หรือ
เมื่อองค์หญิงอู่อัน เห็นสายตาทุกคนที่มองมาเช่นนี้
ก็ทำให้องค์หญิงอู่อันรู้สึกไม่สบายใจในทันที พร้อมกับรีบร้อนชี้แจงออกมา
เสมือนว่าเป็นการพิสูจน์ความบริสูทธิ์ของตนเอง องค์หญิงอู่อันจึงตะโกนออกมาอย่างเสียงดังว่า
“เฟิงชิงเฉิน
เจ้ากล้ากรีดเลือดสาบานหรือไม่ว่า เรื่องราวของเจ้าที่ฉาวโฉ่ไปทั่วเมืองหลวง มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้จักเจ้า หากเจ้าอยากจะเป็นผู้บรสุทธิ์ เจ้าก็ลองไปกระโดดแม่น้ำเพื่อพิสูจน์ความบรสุทธิ์ของตนเองเสียสิ
อย่าได้มาใส่ร้ายผู้อื่นที่นี่ ”
คราวนี้
เหล่าคุณหนูทั้งหลายที่ไม่เห็นด้วยนั้น
ต่างก็มองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน
ถึงแม้ว่า พวกนางจะเกลียดชังเฟิ่งชิงเฉินมากก็ตาม
พวกนางไม่รังเกียจที่จะรับรู้เรื่องอื้อฉาวของสตรีผู้สูงศักดิ์คนอื่น ๆ
แต่ทว่า
หากองค์หญิงอู่อันเป็นอย่างที่เฟิ่งชิงเฉินพูดจริงๆ เช่นนั้น
รอยยิ้มที่มีชีวิตชีวา พลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของสาวๆในทันที
เทศกาลดอกท้อในปีนี้ น่าสนุกเสียจริง!