บทที่ 280
สีหน้าหลินเสี่ยวอวิ๋นเปลี่ยนไป ประกายในแววตากำลังวูบไหว

ฉู่เทียนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหมือนที่ปักบนตัวเขาไม่ใช่กระบี่ ที่ไหลออกมาไม่ใช่เลือดของเขา

“ทำไมไม่หลบ ทำไมนายไม่หลบ!”

หลินเสี่ยวอวิ๋นตะโกนออกมาแทบขาดใจ

“ดาบของนายล่ะ ทำไมไม่เอาดาบออกมา นายบื้อหรือไง”

ฉู่เทียนพูดอย่างราบเรียบ “ฉันไม่ใช้ดาบกับเธอ ไม่มีทางเด็ดขาด!”

สีหน้าหลินเสี่ยวอวิ๋นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มือเริ่มสั่น

พวกนักเรียนคณะสงบใจ เห็นภาพตรงหน้า แววตาหันมามองด้านคณะหนึ่งเดียว หานเฟิงเอาเนื้อแห้งออกมาจากในอก แบ่งให้ลู่ฝานและคนอื่น แบ่งพลางพูดว่า “มาๆ ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ฉู่สิง ศิษย์น้องลู่ฝาน นี่เป็นเนื้อแห้งที่เจ้าดำทำใหม่ๆ ทุกคนลองชิม เจ้าดำอย่ากัดฉัน แค่กินเนื้อแห้งของแกนิดหน่อยเอง ต้องทำขนาดนี้เหรอ”
ลู่ฝานปลอบใจเจ้าดำ กินเนื้อแห้งอย่างมีความสุข มองศิษย์พี่ฉู่เทียนกับหลินเสี่ยวอวิ๋นมองหน้ากันอย่างมีเยื่อใย
ดูเหมือนศิษย์พี่ฉู่เทียนโดนกระบี่แทง แต่ความจริงแล้วบาดเจ็บเพียงแค่ผิวหนังเท่านั้นเริ่มเป็นประกาย

หลินเสี่ยวอวิ๋นออมมือตอนวินาทีสุดท้าย พลังปราณไม่ได้เข้าไป

บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่เป็นปัญหาอะไร

ลู่ฝานและคนอื่นเหมือนดูเรื่องสนุก

อาจารย์อี้ชิงมองหานเฟิงและคนอื่น น่าอับอายจริงๆ

ศิษย์พี่ของตัวเองกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของความรัก ไอ้พวกนี้กลับกินอาหารกัน แต่ละคนกินจนมีเสียงแจ๊บๆ ออกมา เสียบรรยากาศ เสียบรรยากาศจริงๆ

ไม่เหลือเนื้อแห้งให้พวกเขาสักนิด……

ฉู่เทียนพูดกับครูว่า “รอบนี้ผมยอมแพ้”

ครูหัวเราะแล้วพยักหน้า จีบสาวตอนแข่งขันคณะ ภาพแบบนี้ไม่ได้เห็นง่ายๆ

คนพูดกันว่าคณะหนึ่งเดียว แต่ละคนล้วนอัศจรรย์พันลึก วันนี้ได้เห็น สมคำร่ำลือจริงๆ

หลินเสี่ยวอวิ๋นเก็บกระบี่กลับมา จากนั้นมองฉู่เทียน แล้วเดินกลับไป

ตอนที่ชักกระบี่ออกไป เลือดก็หยุดแล้ว จากพละกำลังของศิษย์พี่ฉู่เทียน บาดแผลเล็กน้อยแค่นี้ แค่นอนก็หายแล้ว

เดินกลับมาช้าๆ หานเฟิงมองฉู่เทียนแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่รอง ขอโทษด้วยนะ ส่วนของพี่โดนเจ้าดำแย่งไปแล้ว”

ฉู่เทียนพูดว่า “ขอโทษด้วย ฉันแพ้รอบแรก แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับพวกนายใช่ไหม”

หานเฟิงโบกมือไปมา “พี่แพ้จนชินแล้ว ใครจะว่าอะไรล่ะ ดูเหมือนรอบที่สอง ต้องให้ผมไปโชว์แล้วล่ะ ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคน ฉันไปสู้ละ”

กินเสร็จแล้วเช็ดปาก หานเฟิงถือกระบี่หยกเดินออกไป

ฉู่สิงถามฉู่เทียนเบาๆ ว่า “จะพาพี่สะใภ้กลับตระกูลตอนไหน”

ฉู่เทียนหน้าแดง แบบเห็นได้ไม่บ่อย “พี่สะใภ้อะไร อย่าพูดมั่วซั่ว”

ศิษย์พี่ใหญ่หัวเราะเสียงดัง แล้วพูดว่า “ฉันว่าโอเคนะ พากลับไปตอนเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีในปีนี้สิ”

ลู่ฝานก็ยิ้มตาม แต่จู่ๆ เขาเห็นว่าสายตาของหลิงเหยา เอาแต่มามองที่เขา

ลู่ฝานสบตากับหลิงเหยา จู่ๆ หลิงเหยาก้มหน้าลงอย่างเขินอาย

วันนี้หลิงเหยาแต่งตัวธรรมดามาก แต่กลับมีออร่าเบาๆ สวมชุดขาวทั้งตัว มีปอยผมด้านหน้า ท่วงท่างดงามเป็นธรรมชาติ

ลู่ฝานรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงขึ้น ความรู้สึกหวั่นไหวเหรอ

คงใช่!

ที่แข่งขัน หานเฟิงยืนอย่างโอหัง

ยืนแยกขาออก จนแทบจะลงไปอยู่บนพื้น

นี่คือท่ายืนก้าวร้าวที่ศิษยพี่หานเฟิงพูด ยืนทำท่าก้าวร้าวดุดัน ได้ยินศิษย์พี่ฉู่สิงพูดว่า เพื่อท่านี้ หานเฟิงฝึกอยู่หนึ่งวัน