ตอนที่ 1536 โชคชะตาของอวิ๋นเซียว (4) / ตอนที่ 1537 ภูผาสุสานเทพ (1)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1536 โชคชะตาของอวิ๋นเซียว (4)  

 

 

ผู้อาวุโสจวินยินดีเสียสละเพื่อนางมากขนาดนี้ หัวใจของนางเองก็ไม่ใช่หิน ดังนั้นนางจะรู้สึกอะไรเลยได้อย่างไร 

 

 

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงรับพู่หยกแล้ววางเอาไว้ใกล้กับหน้าอกของนาง ดวงตาสีดำสนิทเป็นประกาย 

 

 

“เสี่ยวอวิ๋น เจ้ายังไม่ได้เรียกข้าว่าท่านตาเลย” ชายชราส่งสายตาเสียใจให้นาง “เจ้ากำลังจะไปแล้ว เจ้าไม่คิดจะเรียกข้าว่าท่านตาสักครั้งหรือ” 

 

 

รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปากของนาง “ท่านตา” 

 

 

นางพูดเสียงเบาและเย็นชาแต่ก็กระแทกเข้าหัวใจของผู้อาวุโสจวินจนทำให้เขาพึงพอใจ 

 

 

นางเรียกคำว่า ‘ท่านตา’ ทำให้เขาพึงพอใจ ถ้าเด็กสาวไม่ได้กำลังออกไปตามหาสามีของนาง เขาก็คงเก็บไว้ที่นี่ นางจะได้พูดคำนี้ทุกวัน 

 

 

“ข้ากำลังจะไปแล้ว รักษาตัวด้วย” อวิ๋นลั่วเฟิงประสานหมัดเคารพแล้วหันหลังออกไปจากลาน 

 

 

“ปล่อยข้านะ! ให้ข้าเข้าไป ข้าอยากเจอหลิงเอ๋อร์” ทันใดนั้นเสียงเอะอะก็ดังขึ้นจากข้างนอกทำให้จวินหลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว 

 

 

“หลิงเอ๋อร์ เจ้ารู้จักนางหรือ” จวินเซวี่ยนมองจวินหลิงเอ๋อร์ด้วยความงุนงงแล้วถาม 

 

 

จวินหลิงเอ๋อร์พยักหน้าแล้วมองคนที่คุ้มกันประตู เสียงไพเราะและเฉยชาของนางก็ดังขึ้น “ให้นางเข้ามา” 

 

 

เมื่อจวินหลิงเอ๋อร์อนุญาต ผู้คุ้มกันก็หยุดบังทางแล้วยอมให้นางเข้ามาในสวนได้ 

 

 

“หลิงเอ๋อร์” ดวงตาของเยี่ยหรงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจหยุดลงที่จวินหลิงเอ๋อร์ ก่อนที่นางจะได้พูดอะไรต่อ นางก็ถูกเด็กสาวอีกคนขัดขึ้นมา 

 

 

“เยี่ยหรง ข้ากับเจ้าไม่ได้สนิทกัน อย่ามาเรียกข้าว่าหลิงเอ๋อร์ เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูหลิงเอ๋อร์เหมือนคนอื่นเถอะ” 

 

 

มุมปากของจวินหลิงเอ๋อร์ยกขึ้น ถึงแม้ว่าเฉาเย่ว์ฉินจะสร้างปัญหาให้นางมากมาย แต่นางก็ต้องขอบคุณเฉาเย่ว์ฉินอย่างหนึ่ง เพราะเฉาเย่ว์ฉินทำให้นางได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเยี่ยหรง 

 

 

“หลิงเอ๋อร์ ข้าพูดอย่างนั้นก็เพราะข้าถูกนางหลอก” เยี่ยหรงตื่นตระหนกและต้องการจะวิ่งไปหาจวินหลิงเอ๋อร์แต่ถูกผู้คุ้มกันสองคนขวางทางไว้ ทำให้นางอยู่ห่างจากจวินหลิงเอ๋อร์หลายเมตร 

 

 

หัวใจของเยี่ยหรงรู้สึกเย็นเยียบ “เจ้าไม่มีแผนจะยกโทษให้ข้าจริงๆ หรือ” น้ำตาของนางไหลอาบหน้าขณะที่นางมองความเฉยชาของจวินหลิงเอ๋อร์ขณะที่กัดปากแน่น 

 

 

“เยี่ยหรง เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเคยพูดอะไรไว้ เจ้าพูดว่าเจ้าเป็นเพื่อนกับเฉาเย่ว์ฉินก็เพื่อตระกูลเยี่ย แล้วเจ้าก็แค่ใช้ข้า” จวินหลิงเอ๋อร์ส่งเสียงขึ้นจมูก “เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้าจะยกโทษให้เจ้าเล่า” 

 

 

หัวใจของเยี่ยหรงกระตุกแล้วก่นด่าตัวเอง แค่นางติดตามเฉาเย่ว์ฉินก็พอ ทำไมนางถึงพูดบบนั้นกับจวินหลิงเอ๋อร์เพื่อพยายามจะพิสูจน์ความภักดีกับเฉาเย่ว์ฉิน ใครจะคิดว่าเฉาเย่ว์ฉินจะเป็นตัวปลอมแล้วทำให้นางมีปัญหากับจวินหลิงเอ๋อร์ได้ 

 

 

“หลิงเอ๋อร์ เจ้าไม่ใช่คนที่โหดร้าย…” น้ำตาเอ่อคลออยู่ที่ดวงตาเจ็บปวดของเยี่ยหรง 

 

 

“ท่านพ่อ ข้าไม่อยากเห็นหน้านางอีก” จวินหลิงเอ๋อร์ทำปากยื่นด้วยความไม่พอใจ “ผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจมาก น่ารังเกียจยิ่งกว่าพวกประจบสอพลอพวนั้นเสียอีก” 

 

 

“เข้าใจแล้ว” จวินเซวี่ยนลูบศีรษะนางอย่างตามใจ “ถ้าอย่างนั้นบิดาจะให้คนโยนนางออกไปแล้วขับไล่ตระกูลเยี่ยออกจากนครจวินตลอดไป ดีหรือไม่” 

 

 

ใบหน้าของเยี่ยหรงซีดเผือด ตัวนางเริ่มสั่นน้อยๆ 

 

 

ถ้าตระกูลเยี่ยถูกบังคับให้ออกจากนครจวิน นางก็จะกลายเป็นอาชญากรตลอดชีวิตที่เหลือ แล้วผู้อาวุโสของพรรคก็ไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ 

 

 

แต่ว่าจวินเซวี่ยนก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้นางสร้างความยุ่งยากให้จวินหลิงอ๋อร์ เขาโบกมือก่อนจะออกคำสั่งให้ผู้คุ้มกันโยนนางออกไปจากจวน 

 

 

จวินหลิงเอ๋อร์ไม่ได้ขอร้องเพื่อช่วยตระกูลเยี่ยเลยแม้แต่น้อย นางอาจจะใจดีแต่นางก็ไม่มีทางยอมทนกับการหลอกลวง! เยี่ยหรงหลอกนางดังนั้นนางก็ต้องชดใช้! 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1537 ภูผาสุสานเทพ (1)  

 

 

ภูผาสุสานเทพเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในแคว้นเจ็ดเมืองไม่ใช่แค่เพราะมีสัตว์อสูรวิญญาณอยู่เต็มไปหมด แต่เพราะมีเขตอันตรายและกับดักมากมายในภูเขา ใครก็ตามที่ไปกระตุ้นกับดักก็จะถูกส่งขึ้นฟ้า ต่อให้พวกเขาแข็งแกร่งทัดเทียมเทพก็ตาม 

 

 

นี่คือเหตุผลที่ภูผาสุสานเทพได้ชื่อนี้มา เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นกระทั่งสุสานฝังกลบทวยเทพ ความอันตรายข้างในนั้นอยู่เหนือจินตนาการ! 

 

 

แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าทั้งภูเขาจะเต็มไปด้วยเป็นอันตราย แต่ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ส่วนนอกของภูผาสุสานเทพจะมีสัตว์วิญญาณดุร้ายจำนวนมหาศาล ทว่าก็ยังยอมให้คนออกมาได้แบบมีชีวิต 

 

 

ตอนนี้หญิงสาวในอาภรณ์สีขาวกำลังเดินช้าๆ เข้าไปในภูผาสุสานเทพ เส้นผมของนางปลิวไสวไปตามลม แสงบางปกคลุมทั่วใบหน้างดงามและร้ายกาจของนาง 

 

 

“นายหญิง…” เสี่ยวโม่ออกมาจากมิติคัมภีร์เซียนแล้วปรากฏตัวหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง เขามองเด็กสาวขณะกัดปากเล็กน้อย “ท่านมั่นใจหรือว่าท่านอยากจะเข้าไปข้างในภูผาสุสานเทพ ความจริงแล้วข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภูผาสุสานเทพเลย แล้วก็ไม่รู้สถานการณ์ข้างในด้วย” 

 

 

“ข้ามั่นใจ” นางไม่มีทางยอมให้อวิ๋นเซียวเผชิญกับอันตรายตามลำพัง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นางก็จะอยู่เคียงข้างเขา 

 

 

“ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าจะช่วยท่านเต็มที่” เสี่ยวโม่ยิ้ม 

 

 

เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาหลายปี การได้เจอกับอวิ๋นลั่วเฟิงนับเป็นโชคชะตาของชีวิต ดังนั้นเขาจะหวาดกลัวขณะที่นางเผชิญหน้ากับอันตรายได้อย่างไร 

 

 

“อวิ๋นอี้” อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้ตอบแล้วเรียกอวิ๋นอี้แทน 

 

 

ทันใดนั้น ร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของอวิ๋นอี้ก็มายืนอยู่ข้างหลังอวิ๋นลั่วเฟิง คอยคุ้มกันความปลอดภัยของนางเหมือนภูเขาไทซาน 

 

 

ภายในภูผาสุสานเทพมีอันตรายนับไม่ถ้วน ดังนั้นนางจึงเรียกหุ่นเชิดออกมาเผื่อมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น 

 

 

“พวกเราไปกันเถอะ” นางหันไปมองภูเขาที่ทอดยาวออกไปข้างหน้า ความมุ่งมั่นฉายชัดบนใบหน้า 

 

 

อวิ๋นเซียว รอข้าก่อน! ข้าจะไปหาเจ้าทันที!  

 

 

… 

 

 

ภายในภูผาสุสานเทพมีอันตรายอยู่รวมกันมากมาย ทันทีที่อวิ๋นลั่วเฟิงก้าวเข้าไปข้างใน นางก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดัน 

 

 

ถ้าเสี่ยวซู่อยู่ที่นี่ อย่างน้อยนางก็จะรู้สึกปลอดภัยขึ้น แต่เสี่ยวซู่กำลังหลับลึก นางไม่สามารถพึ่งพาเขาได้ ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงจึงระมัดระวังมากขึ้น 

 

 

สวบ สวบ สวบ!  

 

 

ทันใดนั้นกลิ่นอายสังหารออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วแล้วร้องเตือน “ระวัง!” 

 

 

เวลาเดียวกัน โครงกระดูกจำนวนมากก็เดินออกมาจากพุ่มไม้ โครงกระดูกแต่ละตัวถือกระบองกระดูกเอาไว้ในมือ เบ้าตาของพวกมันมีไฟนรกสีเขียวเหมือนตะไคร่น้ำลุกโชนอยู่ในจุดที่เคยเป็นลูกตา ทำให้เกิดภาพน่าขนลุกและพิสดาร 

 

 

พวกมันดูราวกับทหารกองหนึ่ง ฝีเท้าของพวกมันก้าวเดินพร้อมกันและเป็นลำดับ 

 

 

“นายหญิง นี่คือราชาโครงกระดูกและกองทหารของเขา! ความแข็งแกร่งของราชาโครงกระดูกอยู่ขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับกลาง ตัวอื่นอย่างน้อยก็ขั้นเซียนปราชญ์ระดับสูง แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกมันอยู่ในขั้นเซียนปราชญ์ระดับต่ำ!” เสี่ยวโม่สูดหายใจอย่างยากลำบาก 

 

 

“ถ้าข้าเดาไม่ผิด กองทัพนี่น่าจะมาเสียชีวิตที่นี่ ข้าไม่เข้าใจว่าทหารพวกนี้ใช้กระดูกเพื่อทำให้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร แล้วยังพัฒนาความแข็งแกร่งมาถึงขั้นนี้อีก!” 

 

 

หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ถ้านี่เป็นฝูงสัตว์อสูรวิญญาณ นางอาจจะยังพอสู้ได้ แต่ว่ากองทหารโครงกระดูกที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง…เป็นโครงกระดูกไม่รู้สึกเจ็บปวดและตายไปแล้ว! 

 

 

แล้วนางจะสู้กับกองทหารกระดูกนี่ได้อย่างไร