บทที่ 372 เดินทางกลับ

บทที่ 372 เดินทางกลับ

เมื่อเห็นท้องฟ้ามืดที่ด้านนอก อวี้ฮ่าวหรานก็เหลือบมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์

ตอนนี้เวลา 6 โมงเย็นแล้ว พวกเขายังอยู่ในชั้นใต้ดินเป็นชั่วโมง

“เหมือนครั้งก่อนเลยค่ะ อาจจะนานกว่าด้วยซ้ำ”

ซูหว่านเอ๋อบอก เธอเห็นหน้าตางุนงงของเขา ครั้งก่อนเธอเองก็ตกใจมากเช่นกัน

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า เรื่องราวพิศวงส่งผลกับการรับรู้ของคน ตอนนี้ชายชราได้กลับบ้านไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่าทนอยู่รอด้านนอกไม่ไหว

ยามนี้ฟ้ามืดแล้ว การเดินทางกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับชายหนุ่มแต่อย่างใด หากแต่คงไม่ใช่สำหรับซูหว่านเอ๋อ

“เย็นมากแล้ว คุณรู้จักโรงแรมแถวนี้ไหมครับ?”

“โรงแรมเหรอคะ? ที่นี่ไม่มีหรอกค่ะ” เธอนิ่งเงียบไป ก่อนตอบคำถามเขา

“ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ต่อให้มีโรงแรมก็คงไม่มีใครเข้าพัก”

“อย่างนั้นคราวก่อนคุณพักที่ไหนครับ?”

“ครั้งก่อนฉันกลับตั้งแต่บ่ายค่ะ ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ว่าวันนี้เย็นมากแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้ารับรู้ ครั้งนี้คงมาอย่างฉุกละหุกเกินไป แต่เขายังคิดว่าตนเองสามารถพาเธอกลับได้

“ครับ งั้นเรากลับไปที่ปั๊มกันก่อน ตอนลงจากรถจำได้ว่ามีโรงแรมอยู่”

“คะ… เย็นป่านนี้แล้วจะยังกลับไปเหรอคะ?”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะพาคุณกลับเอง”

พวกเขาตกลงกัน ซูหว่านเอ๋อจึงยอมให้เขาพากลับออกไป ทว่ากลับพบบ้านของชายชราเจ้าของร้าน พวกเขาได้บอกว่าเรื่องทุกอย่างได้คลี่คลายเรียบร้อยแล้ว

แม้ชายชราจะยืนกรานขายในราคาไม่แพง

หากแต่อวี้ฮ่าวหรานกลับใช้โทรศัพท์โอนเงินให้เขาเป็นล้านหยวน

“ราคานี้ถึงจะเหมาะสมครับ”

เพราะเขาโอนเงินผ่านโทรศัพท์ได้ในวงเงินจำกัด จึงไม่สามารถโอนให้มากกว่านี้ได้ ไม่เช่นนั้นปิ่นหยกดำหายากชิ้นนี้คงมีราคาสูงมากกว่านี้แน่

ถึงกระนั้นชายสูงวัยยังแทบทรุดลงด้วยความดีใจ เขานึกไม่ถึงว่าสมบัติของตระกูลซึ่งไม่มีใครคิดสนใจมาก่อนจะมีค่ามากถึงเพียงนี้

“เทพมาโปรดแท้ ๆ…เทพมาโปรดแท้ ๆ…”

“อย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ไม่จำเป็นต้องไปส่งหรอกค่ะ”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายลนลานจะออกไปส่ง ซูหว่านเอ๋อช่วยไม่ได้ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทางเข้าหมู่บ้าน

“อวี้ฮ่าวหรานคะ…คุณแน่ใจเหรอ…ว่าเราจะกลับไปจริง ๆ น่ะค่ะ?”

ซูหว่านเอ๋อมีท่าทีลังเลใจขณะมองทางเดินมืดมิด หลังบอกลาชายชรา เวลาล่วงเลยมาจนถึงหนึ่งทุ่ม นอกจากแสงไฟจากหมู่บ้าน ท้องฟ้าจรดผืนดินมืดสนิท

เห็นชัดว่าไม่เหมาะกับการเดินทาง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องห่วง”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าให้เธอ โลกที่เขาเห็นตรงหน้าไม่แตกต่างจากในตอนกลางวัน

เขามองเห็นได้อย่างชัดเจน

“อย่างนั้น… เราก็คงต้องเดินกันเป็นชั่วโมงเลยนะคะ”

ซูหว่านเอ๋อปวดเท้าจนไม่อาจเดินต่อได้ ความจริงแล้วเธอไม่ได้ร่างกายแข็งแรงเท่าคนปกติ เรี่ยวแรงทั้งหมดหายไปกับการเดินทาง

แล้วตอนนี้ก็เย็นย่ำมากแล้ว…

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะอุ้มคุณไปเอง”

อวี้ฮ่าวหรานหันขวับมาหาเธอ พลันรู้สึกถึงบางสิ่งแปลกประหลาด

“คุณอยู่ใกล้ผมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอเดินตามประชิดด้านหลัง เมื่อหันหลังไปทั้งสองจึงสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

“ฉัน…”

ซูหว่านเอ๋อหน้าแดงในทันใด อยู่ใกล้กันขนาดนี้ เธอได้กลิ่นหอมตามประสาบุรุษเพศโชยจากกายเขา

“ฉัน…กลัวความมืดน่ะค่ะ”

เธอครุ่นคิดอยู่นานก่อนบอกเขาออกไปในท้ายที่สุด บรรยากาศกลางดึกสนิทชวนให้เธอรู้สึกอยู่ท่ามกลางความมืดมิด จึงไม่อาจปิดบังความตื่นตระหนกไว้ได้

เธอพลันนึกถึงคำพูดก่อนเขาหันมาหาได้

“เอ่อ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ?”

“ผมบอกว่าผมจะอุ้มคุณเดินไปเองครับ ผมมองเห็นทางอยู่” อวี้ฮ่าวหรานบอก “อีกอย่างที่พักในหมู่บ้านนี้ดูจะล้าสมัยไปสักหน่อย หากต้องการอยู่ค้างที่นี่ นอกจากจะไม่สะดวกสบายแล้ว ยังเกรงว่าจะไม่ได้อาบน้ำอีกด้วย”

“คุณ…”

เธอดูอึ้งกับคำตอบของเขา

ผู้ชายโพล่งขึ้นว่าต้องการจะช่วยอุ้มเธอ เธอควรปฏิเสธไปหรือไม่?

หากแต่มันเป็นเหตุสุดวิสัย อย่างน้อยพวกเขาก็สนิทสนมกันมานานจนเธอไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติ

“งั้น…ก็ได้ค่ะ”

หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง อวี้ฮ่าวหรานไม่รอช้า รีบอุ้มเธอขึ้นทันที

ทั้งคู่แนบชิดกัน ร่างผอมบางของเธอตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา

“ไม่เห็นตัวหนักเลยครับ น่าจะ 50 กิโลได้”

“อื้อ…”

น้ำเสียงแผ่วเบาไม่ต่างกับยุงบินของเธอดังขึ้น เธอจึงทำได้เพียงขานรับเบา ๆ เท่านั้น

เธอรู้สึกราวกับอยู่บนผืนดินอันอบอุ่น ศีรษะซบลงบนแผงอกของเขา เสียงใจเต้นแรงดังขึ้นให้ได้ยินเลือนราง

มีเขาโอบกอดไว้แบบนี้ อาการกลัวความมืดของเธอก็จางหายไป

แม้วิสัยทัศน์การมองเห็นจะมีจำกัด แต่แก้มและลำคอบอบบางแดงเรื่อของเธอยังเผยให้เห็น ผิดกับหัวใจที่เต้นระรัวในอกคล้ายมีฝูงกวางวิ่งพล่านไปทั่ว ราวกับจะกระเด็นออกมา

“ไปกันเถอะครับ อย่าเสียเวลาเลย”

อวี้ฮ่าวหรานไม่รู้สึกถึงความแตกต่างแต่อย่างใด ตัวเธอหนักไม่ต่างจากเสื้อผ้าที่สวมใส่

เขาเร่งฝีเท้าเดินออกจากประตูหมู่บ้าน หายตัวเข้าไปท่ามกลางความมืดมิด

หากแต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ คือเมื่อออกห่างจากหมู่บ้านมาได้ไม่เท่าไร ปิ่นหยกดำที่เก็บเอาไว้กลับมีพลังวิญญาณเพิ่มขึ้น!

ดูเหมือนจะมีวิชาบางอย่างที่ยังเชื่อมโยงด้วยกันอยู่ ยังไม่สูญสลายไปกระทั่งถึงตอนนี้

เขานึกสงสัย ดูเหมือนว่ามันจะมีผลอย่างอื่นนอกจากสร้างโลกมายาในชั้นใต้ดินอย่างแน่นอน

ทว่าตอนนี้ก็ดึกแล้ว เขาจึงยังไม่คิดหาคำตอบ

กลางดึกอันมืดมิด ดวงดาวพร่างพราว เขาพยายามเร่งความเร็วสุดฝีเท้าด้วยกำลังขาของเขา ทั้งคู่กลับมาถึงปั๊มน้ำมันภายในชั่วโมงเดียว

“คะ…ถึงแล้วเหรอคะ”

เมื่อซูหว่านเอ๋อเห็นแสงไฟ ดวงตางดงามก็เบิกกว้าง

ก่อนหน้านี้เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน เธอรู้สึกปลอดภัยมาเสียจนเกือบผล็อยหลับโดยไม่รู้ตัว

“ครับ”

อวี้ฮ่าวหรานวางเธอลง พลางมองสำรวจ จึงเห็นว่ามีโรงแรมอยู่ไม่ห่างออกไป

แม้ไม่ใหญ่โตแต่คงดีกว่าอยู่พักแรมในหมู่บ้าน

เวลานี้มีรถแล่นผ่านไปมาบางตา เหลือเพียงพนักงานปั๊มคนเดียวซึ่งกำลังงีบหลับอยู่บนม้านั่ง

ความเงียบงันโรยตัวทั่วบริเวณ

ตอนนี้เวลาสองทุ่ม บรรยากาศมืดสนิท ต่อให้เขาต้องการขับรถกลับ แต่คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่ชั่วโมง

** มาแล้วผู้อ่านจ๋าาา เปิดนิยายให้อ่านฟรี กว่า 700 ตอน **คัดสรรนิยาย 4 เรื่อง 4 แนว สุดฮิตมาให้อ่านกันตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ ต้องรีบไปอ่านแล้ววว ⏰ ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย – 18 เม.ย. นี้อ่านได้เลยที่ www.enjoybook.coติดตามผลงานและข่าวสารจากเราได้ที่ เพจ EnjoyBook