บทที่ 215 สวมเขาให้กู้โม่หาน

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 215 สวมเขาให้กู้โม่หาน

เพียงแต่ว่า การระดมกำลังโจมตีแบบนี้ มันง่ายเกินไปสำหรับหยุนอี่ว์โหรว และจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นด้วย

เพราะถึงอย่างไรดอกบัวขาวก็ไม่ได้โง่ ฉลาดเฉลียวมากทีเดียว นางจะอาศัยกู้โม่หานในการเอาตัวรอดจากวิกฤติได้ทุกครั้ง

เรื่องการลอบสังหารหากไม่มีหลักฐานชัดเจน ที่พิสูจน์ได้ว่าหยุนอี่ว์โหรวต้องการให้นางตาย หนานหว่านเยียนก็ไม่สามารถสังหารได้ในการโจมตีครั้งเดียว

ยังมีบุตรชายสายรองแห่งจวนแม่ทัพที่สมรู้ร่วมคิดกับหยุนอี่ว์โหรวด้วย!

ในเมื่อเขากล้าร่วมมือกับหยุนอี่ว์โหรวคิดกำจัดนาง หากจะบอกว่าไม่ได้แอบคิดการใดหยุนอี่ว์โหรว ให้ตายนางก็ไม่เชื่อ ต่อให้ไม่มีจริงๆ นางก็จะถือดาบไว้เอง จะผูกมัดพวกเขาไว้ด้วยกันเพื่อก่อเรื่องราวฉาวโฉ่ สวมเขาให้กู้โม่หาน!

หนานหว่านเยียนทำสีหน้าเย็นชา ขึ้นรถม้าที่เสิ่นอี่ว์จัดเตรียมไว้ให้

ใครก็ตามที่ทำให้นางเดือดร้อน นางจะทำให้คนผู้นั้นต้องทุกข์ทรมานมากกว่านางเป็นพันเท่าหมื่นเท่า!

เมื่อเสิ่นอี่ว์เห็นศพเกลื่อนพื้น ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน

ท่านอ๋องเพิ่งกลับถึงจวน เห็นได้ชัดว่ามีคนรู้ว่าพระชายาอยู่ตามลำพังในเวลานี้ จึงสบโอกาสที่จะลอบสังหาร

เขาเพิ่มการระแวดระวัง ก่อนขึ้นรถม้าได้เหลือบมองนักฆ่าบนพื้นอย่างรอบคอบ คนเหล่านี้ที่ฝ่ามือล้วนมีพังผืดหนา ไม่ใช่นักเลงธรรมดาทั่วไป แต่เป็นนักฆ่าในยุทธจักร

ความคิดของเสิ่นอี่ว์ดำดิ่งลง ขมวดคิ้วขึ้นควบม้า พาหนานหว่านเยียนห้อตะบึงมุ่งหน้ากลับจวนอ๋อง

ในไม่ช้ารถม้าก็มาถึงจวนอ๋องอี้ พ่อบ้านกาวกำลังรออยู่ที่ประตู แต่กลับเห็นหนานหว่านเยียนลงจากรถม้าเลือดเต็มตัว

เขาตกตะลึงอ้าปากค้างทันที ตกใจจนหน้าถอดสี “ท่านอ๋อง พระชายาท่าน…”

“แขนของท่านได้รับบาดเจ็บ เร็วเข้า รีบตามหมอมาดูพระชายา!”

หนานหว่านเยียนมีคราบเลือดทั่วร่างกาย เพิ่มความน่าใจหายใจคว่ำและแปลกประหลาดมากขึ้นไปอีก นางไม่สนใจพ่อบ้านกาวเท่าใดนัก ถามประโยคหนึ่งด้วยสายตาเย็นชา “กู้โม่หานล่ะ?”

พระชายากล้าเรียกชื่อท่านอ๋องโดยตรง แต่พ่อบ้านกาวกลับไม่กล้าตำหนิเลย แต่กลับตอบอย่างใจฝ่อ “ท่านอ๋อง…เขาอยู่ในเรือนจู๋หลานกับมากับพระชายารองหยุน…”

ฮ่า เป็นอย่างที่คาดไว้

หนานหว่านเยียนมุ่งหน้าไปที่เรือนจู๋หลานอย่างไม่รีรอ

เสิ่นอี่ว์ตามหลังไป เหงื่อเย็นเฉียบแตกพลั่ก

เมื่อครู่พระชายาถูกลอบสังหาร ตอนนี้มุ่งหน้าไปหาท่านอ๋องด้วยท่าทีดุดัน คงไม่ได้จะ…

พ่อบ้านกาวเห็นดังนั้นก็ไม่สนใจเรื่องตามหมอหลวงแล้ว ปาดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วตามไปอย่างเร่งรีบ

เวลานี้ในเรือนจู๋หลาน

หมอหลวงหลี่ถูกกู้โม่หานเรียกตัวออกมาจากวังอย่างเร่งด่วน กำลังจับชีพจรให้หยุนอี่ว์โหรวที่กำลังอ่อนแรง

หลังจากนั้นไม่นาน หมอหลวงหลี่ก็โค้งคำนับกู้โม่หาน กล่าวอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด “เรียนท่านอ๋องอี้ กระหม่อมตรวจชีพจรของพระชายารองแล้ว ระดูของพระชายารองแปรปรวน มีอาการปวดท้องหน่วงๆ อาจจะเป็นเพราะเลือดลมไม่ไหลเวียน กอปรกับความเย็นในมดลูก”

“ความหนาวเย็นเป็นข้อห้ามสำหรับสตรี หลายวันมานี้อากาศเย็น พระชายารองควรรักษาความอบอุ่นให้มากขึ้น กินยาจำนวนหนึ่ง อาการก็น่าจะดีขึ้น”

เขาเป็นหมอมาหลายสิบปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นหยุนอี่ว์โหรวมีอาการเช่นนี้มาก่อน เลือดไหลไม่หยุด ปวดท้องจนทนไม่ไหว แต่เมื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้

นอกจากโรคหนาวใน เขาก็นึกถึงสาเหตุอื่นๆ ไม่ออกเลย

เชี่ยนปี้ยืนถัดจากหมอหลวงหลี่ เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก

วิธีการของหนานหว่านเยียนเหนือชั้นถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งหมอหลวงก็ยังไม่ระแคะระคายใดๆ?!

นางมองไปที่หยุนอี่ว์โหรวทันที หลังจากสองนายบ่าวประสานสายตากัน เชี่ยนปี้ก็เข้าใจในทันที

นางรีบคุกเข่าลงดัง“พรึ่บ” มองกู้โม่หานทั้งน้ำตา

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พระชายารองของข้าถูกพระชายาถีบตกทะเลสาบเมื่อหลายวันก่อน จากนั้นก็มีเลือดออกไม่หยุดมาโดยตลอด…”

“ท่านอ๋อง ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้กับพระชายารองนะเพคะ! ตอนนั้นพระชายารองไม่ได้รักษาให้หายขาดเพื่อท่าน ต่อมาบ่าวคอยดูแลอย่างเอาใจใส่ทุกวัน เพราะกลัวจะเกิดเหตุไม่คาดคิด แต่ตอนนี้กลับเป็นว่า…พระชายารองไม่เคยทรมานเช่นนี้มาก่อนนะเพคะ”

เมื่อก่อนหยุนอี่ว์โหรวเคยแอบเรียกหมอมาตรวจ เขาบอกว่ากินยาระยะหนึ่งก็จะสามารถฟื้นตัวได้ ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ต้องการเรียกกู้โม่หานกลับมา นางคงไม่ทำให้ตัวเองต้องทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้

พอเห็นเชี่ยนปี้เล่นบทโศกเศร้าเพื่อนาง มุมปากของหยุนอี่ว์โหรวก็วาดรอยยิ้มอันพึงพอใจที่สังเกตเห็นได้ยากขึ้นมา

นาทีต่อมานางได้เปลี่ยนสีหน้าไปอย่างสิ้นเชิง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “เชี่ยนปี้ ถ้าเจ้ายังพูดจาเหลวไหลต่อไป ข้าจะเรียกคนมาลงโทษเจ้าตามกฎของจวน!”

แต่เชี่ยนปี้กลับมีท่าทีไม่ยินยอม น้ำตาคลอดวงตาแดงก่ำ กล่าวอย่างจริงจัง “พระชายารอง! ในเมื่อพระชายาทรงปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้ ท่านยังมีอะไรที่ไม่สามารถพูดได้อีก”

“วันนั้นหากไม่ใช่เพราะพระชายาทรงอิจฉาริษยาในอำนาจภายในจวนของท่าน แล้วจะถีบท่านตกทะเลสาบในวันที่อากาศหนาวเย็น ทั้งๆ ที่รู้ว่าท่านมีสุขภาพไม่ดีได้อย่างไร เป็นเพราะนางทนไม่ได้ที่จะเห็นท่าน…”

ยังพูดไม่ทันจบ เชี่ยนปี้ก็หยุดลงกลางคัน เมื่อเห็นสายตาอันดุดันและกดดันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของกู้โม่หาน ก็กลัวเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาอีกแม้เพียงครึ่งคำ

กู้โม่หานมองนางอย่างเย็นชา แววตาดุดัน

“ถ้าเจ้าพูดให้ร้ายพระชายามากกว่านี้อีกคำเดียว ข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้งซะ!”

“เพคะ เพคะ…ท่านอ๋อง” เชี่ยนปี้คุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว หายใจติดขัดทันที

นางคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนี้จะพูดให้ร้ายหนานหว่านเยียนไม่ได้แม้แต่คำเดียว หมอหลวงยืนยันว่าที่พระชายารองเป็นเช่นนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับหนานหว่านเยียน ท่านอ๋องยังช่วยนางอยู่อีกหรือ?!

มันไม่สมเหตุสมผลเลย!

หยุนอี่ว์โหรวก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งเช่นกัน

ต่อให้หนานหว่านเยียนจะตายไป แต่ความอิจฉาริษยาในก้นบึ้งของหัวใจนางมีแต่จะเพิ่มขึ้นเช่นเดิม

นางมองกู้โม่หานด้วยสีหน้าคับข้องใจ “ท่านอ๋องโกรธหรือเพคะ? เชี่ยนปี้มีนิสัยตรงไปตรงมาตั้งแต่เด็ก โหรวเอ๋อร์ไม่ได้อบรมให้ดีเอง โหรวเอ๋อร์…”

“การอบรมบ่าวไพร่เป็นหน้าที่ของเจ้า ปากเปราะแบบนี้ ไปที่ไหนก็มีแต่จะนำพาความเดือดร้อนมาให้เจ้า!”

ความอึมครึมปรากฏขึ้นในสายตาของกู้โม่หาน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ไว้หน้าหยุนอี่ว์โหรวขนาดนี้

“โหรวเอ๋อร์ ที่ข้าไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้อะไรเลย วันนั้นเจ้ายั่วยุหนานหว่านเยียนก่อน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ลงไม้ลงมือกับเจ้า”

เขารู้อยู่แก่ใจดี หยุนอี่ว์โหรวกับเชี่ยนปี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย กำลังพยายามทำให้เขาโกรธ แล้วระบายใส่หนานหว่านเยียน

เขาละอายที่ใช้วิธีการเช่นนี้ แต่ตอนนี้ร่างกายของหยุนอี่ว์โหรวก็อ่อนแอจนขยับไม่ได้

กู้โม่หานรู้สึกว่าเขาควรเอาอกเอาใจนาง นางช่วยชีวิตเขาไว้ เขาจะกลั่นแกล้งนางได้อย่างไร

ดังนั้น เต็มที่ก็แค่ประโยคสองประโยค ไม่กล้าพูดอะไรที่รุนแรงเกินไป

หยุนอี่ว์โหรวปิดปากทันที มองกู้โม่หานอย่างไม่เชื่อสายตา “ท่านอ๋อง โหรวเอ๋อร์…”

นางไม่รู้ว่า กู้โม่หานรู้ความจริงได้อย่างไร!

ไม่เห็นต้องคิดมาก นังสารเลวหนานหว่านเยียนนั่นต้องเป็นคนพูดแน่!

แต่สุดท้ายกู้โม่หานก็ไม่ลงโทษนาง หมายความว่ายังอยู่ข้างนาง!

หยุนอี่ว์โหรวแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง คว้าแขนเสื้อของเขาไว้อย่างน่าสงสาร กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

เสียง“ปัง”ดังขึ้นอย่างฉับพลัน ประตูถูกถีบเปิดออกอย่างไร้ความปรานี

มีคนเดินเข้ามาจากข้างนอก

หลายคนในห้องมองตามเสียงไป เห็นหนานหว่านเยียนเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา เต็มไปด้วยพลังอาฆาตแค้น…