ตอนที่ 257 ถูกโจมตีเกือบตาย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

งูพิษ แมงป่องพิษ ตะขาบพิษ สัตว์พิษทั้งสามมารวมตัวกัน

เมื่อเห็นสัตว์พิษเหล่านี้ใกล้เข้ามา อู๋ตี๋กับเสี่ยวหงก็รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก คิดจะลงมือกับสัตว์พิษทั้งสาม

ส่วนมู่เฉียนซีก็รับรู้ได้ถึงอันตรายที่อยู่รอบข้าง หากปล่อยให้สัตว์พิษเหล่านี้ไต่ขึ้นมาบนร่างกายของตนเอง มีหวังไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตเป็นแน่ นี่มัน…

ชิงอิ่งกำลังจะลงมือแต่กลับโดนมู่เฉียนซีห้ามเอาไว้

“เกรงว่าผู้เฒ่านั่นจะมีกฎไม่ให้คนอื่นช่วย คงจะเหมือนกับตอนที่เก็บสมุนไพร”

ผู้เฒ่าประหลาดหัวเราะ “เหอะ ๆ ๆ! แม่สาวน้อย ข้าไม่ทันได้บอกกฎแต่เจ้าก็รู้เสียก่อนแล้ว เจ้าเป็นผู้สืบทอดที่ดีเลิศที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาจริง ๆ”

สีหน้ามู่เฉียนซีเคร่งขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด “ในเมื่อท่านชื่นชมข้าเช่นนี้ ก็อย่าทดสอบอะไรที่วิปริตนักได้หรือไม่ล่ะ หากเป็นเช่นนี้แล้วข้าจะหลอมยาได้อย่างไรกัน ?”

ในชีวิตของนาง ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติใด นางได้ผ่านการหลอมยามานับครั้งไม่ถ้วน แต่การหลอมยาท่ามกลางสัตว์พิษรอบตัวเช่นนี้เป็นครั้งแรกของนาง

ขณะที่จะต้องควบคุมการหลอมยา นางก็ต้องรับมือกับสัตว์พิษที่กำลังจะใกล้เข้ามาด้วย นางจำใจต้องต่อสู้รับมือกับพวกมัน

“บุปผาหลั่งสายฝน!”

พลังธาตุวารีจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป โชคดีที่ผู้เฒ่าประหลาดนั้นไม่ได้ทำเกินไป หากเขาใช้ให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์มารุมนางแล้วล่ะก็ มีหวังนางไม่อาจหลอมยาต่อได้เป็นแน่

นี่เป็นเพียงแค่สัตว์วิญญาณระดับต่ำ ความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีที่นางมีทั้งหมดสามารถรับมือกับสัตว์วิญญาณได้

เพียงแต่ตอนนี้เป็นเวลาที่นางต้องหลอมยา! จะทุ่มพลังทั้งหมดกับสัตว์วิญญาณนี้ได้อย่างไร ?

บริเวณรอบ ๆ เต็มไปด้วยภัยอันตราย ซ้ำร้ายยังไม่มีใครคอยปกป้อง หลังจากที่มู่เฉียนซีโจมตีไปครั้งหนึ่ง จากนั้นภายในเตาหลอมยาของนางก็ปรากฏควันสีดำขึ้น

ไหม้!

ไหม้เสียแล้ว!

การหลอมยาครั้งนี้ล้มเหลวไปโดยสิ้นเชิง

มู่เฉียนซี “พวกเจ้ามันสมควรตายยิ่งนัก กล้ามาทำลายการหลอมยาของข้า เสี่ยวหง แผดเผาพวกมันซะ!”

ในเมื่อการหลอมยาได้ล้มเหลวลงแล้ว การที่เสี่ยวหงจะลงมือในตอนนี้ก็มิไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎ

เสี่ยวหงตะโกนอย่างดุเดือด “รับคำสั่งนายท่าน ข้าอดทนกับพวกมันมานานแล้ว อดทนมานานเกินไปแล้ว! อ๊าก!!!”

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกมา สัตว์พิษทั้งสามถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟอันร้อนแรง

เสี่ยวหง “ข้าอดทนกับพวกเจ้ามานานมากแล้ว กล้ามารบกวนนายท่านของข้าตอนหลอมยา ข้าจะทำให้ร่างของพวกเจ้าหายสาบสูญไปประเดี๋ยวนี้!”

อารมณ์ความโกรธของเสี่ยวหงถึงขีดสุด ภายในชั่วพริบตาเดียว ร่างของสัตว์พิษทั้งสามก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

มู่เฉียนซีนั่งพักอยู่ครู่หนึ่งและเตรียมที่จะหลอมยาอีกครั้ง ทว่าสมุนไพรวิญญาณที่มีอยู่ตอนนี้สามารถหลอมยาได้เพียงแค่สามครั้งเท่านั้น

ณ เวลานี้การหลอมยาได้ล้มเหลวไปครั้งหนึ่งแล้ว นั่นหมายความว่านางจะมีโอกาสหลอมยาได้อีกเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น

หากโอกาสสองครั้งนี้หมดไป นางจะต้องลงมือหาสมุนไพรวิญญาณใหม่ และในป่าแห่งนี้จะมีสมุนไพรวิญญาณที่นางต้องการใช้หลงเหลืออยู่อีกหรือไม่นั้นนางไม่อาจรู้ได้เลย

เพราะฉะนั้น โอกาสสองครั้งที่เหลืออยู่นี้ นางจะทำออกมาให้ดีที่สุด

มู่เฉียนซีลงมือหลอมยาใหม่อีกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้หดหู่ใจมากที่สุดนั่นก็คือมีสัตว์พิษโผล่ออกมาจ้องจะเล่นงานนางอีกคราแล้ว และครานี้เคราะห์ร้ายนัก มันเป็นสัตว์พิษที่ดุร้ายกว่าคราแรกอย่างมาก

อู๋ตี๋กับเสี่ยวหงกล่าวขึ้นด้วยความแปลกใจว่า “เหตุใดมันถึงได้แห่กันมาอีกเล่า ? ข้าเผาพวกมันอย่างไรก็เผาไม่หมด จะให้หมดเรี่ยวแรงไปก่อนรึ ? เจ้าพวกสัตว์พิษน่ารำคาญ!”

เปลวไฟสีแดงเข้มของเสี่ยวหงพร้อมที่จะพุ่งไปตลอดเวลา แต่หากมันลงมือตอนนี้ ก็เท่ากับเป็นการแหกกฎ เพราะฉะนั้นมันจึงทำได้เพียงแค่อดทนเอาไว้

เสี่ยวหง “ข้าว่าผู้เฒ่าแห่งถ้ำหมื่นพิษนี่คงไม่อยากให้นายท่านหลอมยาสำเร็จกระมัง!”

อู๋ตี๋ “หึ! มันจงใจกลั่นแกล้งนายท่านของพวกเรา คิดว่าหากไม่ทำตามข้อตกลงของมัน เราจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้เช่นนั้นรึ ? ข้าอู๋ตี๋ไม่มีวันเชื่อปีศาจอย่างมันเป็นแน่”

ทั้งสองโกรธมาก ในขณะที่ชิงอิ่งกลับดูนิ่งสงบอย่างประหลาด ทว่าสายตาของเขานั้นจ้องมองมู่เฉียนซีอย่างไม่กะพริบตา

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์พิษที่คอยรุมล้อมเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็อยากจะลงมือกับพวกมัน แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้ต้องหลอมยาให้สำเร็จ นางก็ไม่สามารถลงมือกับสัตว์เหล่านั้นได้ มิเช่นนั้นแล้วการหลอมยาคงจะล้มเหลวเหมือนครั้งก่อนเป็นแน่

มู่เฉียนซีใช้พลังจิตครึ่งหนึ่งควบคุมการหลอมยาเอาไว้ และใช้พลังจิตอีกครึ่งหนึ่งโจมตีพวกมัน

“บุปผาหลั่งสายฝน!”

“โล่มังกรวารี!”

“วารีสะท้านสวรรค์!”

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

มู่เฉียนซีโจมตีพวกมันทีละตัว จนพวกมันกลัวไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้ และเม็ดยาในหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ในตอนนี้ก็กำลังเป็นรูปเป็นร่าง

สีหน้าของเสี่ยวหงและอู๋ตี๋ฉายแววยินดี เสี่ยวหงกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “นายท่านยอดเยี่ยมที่สุด! ทำเช่นนี้ก็ได้ด้วย โอ้!”

อู๋ตี๋ยิ้มพลางกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าดูก่อนสิว่านางคือนายท่านของใคร”

มู่เฉียนซีสกัดกั้นสัตว์พิษระลอกแรกเอาไว้ได้ แต่จากนั้นไม่นานนัก สัตว์พิษระลอกที่สองก็แห่เข้ามาอีกครั้ง และสัตว์พิษกลุ่มนี้ก็พุ่งเข้ามาเหมือนว่าจะไม่เกรงกลัวความตายแต่อย่างใดเลย

เมื่อสัตว์พิษเหล่านั้นรวมตัวเข้ามาหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ มู่เฉียนซีก็ไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้ นางจึงจำต้องใช้พลังจิตในการหลอมยาไปจัดการกับสัตว์พิษเหล่านี้ และผลสุดท้าย…

— ตูม! —

เม็ดยาที่กำลังจะเป็นรูปเป็นร่างก็ได้ระเบิดขึ้นอีกครั้ง

ช่างน่าเสียดายนัก!

“แค่ก ๆ ๆ!” ควันดำนั้นทำให้นางสำลักออกมา และแล้วการหลอมยาก็ล้มเหลวลงอีกครั้ง

มู่เฉียนซีเกรี้ยวกราด นางกล่าว “เสี่ยวหง อู๋ตี๋! ทำลายพวกมันให้สิ้นซาก”

เสี่ยวหงกับอู๋ตี๋ยังไม่ทันได้ลงมือ เหล่าบรรดาสัตว์พิษก็ได้ถอยหนีออกไปเสียก่อนแล้ว หากพวกมันอยู่ต่อมีหวังชะตาของพวกมันก็คงต้องขาด ร่างของพวกมันจะต้องสาบสูญไปจากโลกนี้แน่นอน

มู่เฉียนซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สมุนไพรที่นางมีอยู่ตอนนี้มีเหลือเพียงชุดสุดท้าย หากครั้งนี้ล้มเหลว นางก็คงจะลำบากแล้ว

ครั้งที่ผ่าน ๆ มานางไม่สามารถควบคุมพลังจิตเอาไว้ได้ มันจึงเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น ครั้งนี้นางต้องตั้งมั่น ควบคุมพลังจิตเอาไว้ให้ได้

มู่เฉียนซีให้เวลาตนเองได้พักผ่อน จากนั้นก็รวบรวมพลังอย่างเต็มที่เพื่อจะหลอมยาหม้อสุดท้าย

สัตว์พิษเหล่านั้นออกมาอีกครั้ง เพียงแต่ภายใต้การโจมตีของพลังธาตุวารีที่บ้าคลั่ง ทำให้พวกมันไม่กล้าเข้ามาใกล้นาง

สัตว์พิษที่พุ่งเข้าไปหานางก่อนหน้านี้นั้น นางโจมตีมันอย่างไม่เกรงใจต่อสิ่งใด เพียงแต่…

ภายใต้แรงกดดันทั้งสองด้านในการหลอมยาและการต่อสู้นี้ นางที่เพิ่งจะทะลวงพลังวิญญาณเป็นปรมาจารย์ภูตระดับหนึ่งได้ไม่นาน ในที่สุดครั้งนี้นางก็ทะลวงพลังวิญญาณได้อีกขั้น

นางเป็นปรมาจารย์ภูตระดับสองแล้ว!

แม้กระทั่งเสี่ยวหงกับอู๋ตี๋ยังตะลึงลาน

“นายท่าน นายท่านทะลวงพลังวิญญาณได้เช่นนี้เลยหรือนี่ ?!”

เมื่อทะลวงพลังเป็นปรมาจารย์ระดับสองได้ พลังธาตุวารียิ่งแข็งแกร่งขึ้น

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

สัตว์พิษทั้งหมดเหล่านั้นถูกมู่เฉียนซีโจมตีด้วยพลังอันรุนแรงจนกระเด็นออกไป

และในขณะเดียวกันนั้น กลิ่นหอมของยาวิญญาณก็โชยออกมาจากหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ เสี่ยวหงกับอู๋ตี๋ต่างพากันขยับจมูกสูดดมกลิ่นนั้น “อา… หอมเหลือเกิน นายท่านหลอมยาสำเร็จแล้ว”

มู่เฉียนซีรีบเอาทั้งสองเข้าไปในมิติ จะปล่อยให้ทั้งสองสูดดมยาพิษโดยไม่ป้องกันเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นมีหวังตายแน่ ๆ!

พวกสัตว์ผิษโดนพิษเล่นงานเข้าให้ ต่อให้มันเป็นสัตว์พิษ เมื่อสูดดมกลิ่นพิษเหล่านี้แล้ว เหล่าสัตว์พิษที่อยู่บริเวณรอบ ๆ นั้นต่างก็หมดสติลงไปทันที

มีเพียงชิงอิ่งเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ด้วยสีหน้านิ่งสงบโดยที่ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดเลย

มู่เฉียนซีเอาเม็ดยานั้นออกมา กล่าวขึ้นว่า “ผู้เฒ่า ข้าหลอมยาสำเร็จแล้ว”

“…”

“ผู้เฒ่าประหลาด!”

“ท่านผู้เฒ่าได้ยินหรือไม่ ?!”

ทว่าไม่ว่ามู่เฉียนซีจะตะโกนเรียกอย่างไร ผู้เฒ่าประหลาดกลับไม่ได้สนใจนาง

จวบจนมู่เฉียนซีเริ่มโกรธขึ้นมา นางตะเบ็งด้วยเสียงอันดัง “ผู้เฒ่า ท่านหยุดแสร้งแกล้งทำเป็นตายได้หรือไม่ ?!”

หลังจากนั้นไม่นานนัก เสียงอันแปลกประหลาดก็ดังขึ้น

“อ๊าก!  ข้าไม่ได้แสร้งแกล้งทำเป็นตาย แต่ข้าเกือบจะโดนเจ้าโจมตีจนตายจริง ๆ ต่างหากเล่า”

“สามครั้ง เพียงสามครั้งเจ้าก็สามารถหลอมยาได้สำเร็จ นี่ นี่มันท้าทายฟ้าดินแล้ว…”

“เพียงแค่สามครั้ง แต่เจ้าสามารถควบคุมพลังจิตรับมือกับสัตว์พิษและควบคุมการหลอมยาได้ในเวลาเดียวกัน และเจ้าก็ทำมันออกมาได้ดีอย่างยิ่ง”

“เจ้า…”

เสียงของผู้เฒ่าประหลาดสั่นเครือ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่นางทำเป็นการกระตุ้นเขาได้ไม่เบาเลยทีเดียว

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างลำพองใจ “พอได้แล้ว ท่านหยุดหดหู่เถอะ ข้าผ่านด่านทดสอบของท่านแล้ว พาข้าออกไปเดี๋ยวนี้!”

.