บทที่ 374 ถูกคนอื่นเห็นเป็นแพะรับบาปซะแล้ว

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

ตู้ม!

หมัดขวาของเย่เทียนเฉินปะทะลงบนปราณกระบี่อันใหญ่โตที่เฉินฮุยฟาดฟันออกมา ระเบิดจนเกิดประกายแสง แต่ในตอนที่มุมปากของเฉินฮุยเผยรอยยิ้มเชื่อมั่นในตัวเองออกมา คิดว่ากระบี่นี้ของตนจะต้องฟันเย่เทียนเฉินจนแยกเป็นสองส่วนแน่นอนนั้นเอง กลับได้ยินเสียงแกรกดังขึ้น กระบี่ในมือขวาของเขาพลันแตกออก ถูกหมัดของเย่เทียนเฉินโจมตีจนแตกเป็นผุยผง กระเด็นออกไปทั้งร่างแทบจะตกลงมาอัดพื้น

ศิษย์ของพรรคท่องกระบี่สองคนที่ยืนอยู่หลังเฉินฮุยได้เห็นฉากนี้ต่างพากันสูดหายใจเย็นยะเยือก มองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยท่าทีตกตะลึง จะอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่ดูผิวเผินไม่ค่อยจะเท่าไหร่คนนี้ จะถึงกับสามารถต่อยกระบี่ในมือของศิษย์พี่รองเฉินฮุยจนแตกได้ นี่จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

ในพรรคท่องกระบี่ ฝีมือของเฉินฮุยไม่อ่อนแอเลย เรียกได้ว่านอกจากศิษย์พี่ใหญ่เสี้ยวหย่วนแล้ว เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีฝีมือแข็งแกร่งที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้ความเข้าใจของเฉินฮุยไม่ด้อยเลยจริงๆ ได้รับคำชื่นชมจากหัวหน้าพรรคท่องกระบี่หลายครั้ง เพียงแต่น่าเสียดาย หลายปีมานี้เขาไม่ได้รับเคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่มาตลอด นี่ทำให้เฉินฮุยไม่พอใจมากที่สุด หลังจากผ่านการฝึกฝนอย่างยากลำบากมาหลายปี เพลงกระบี่ของเขาก็ค่อยๆ ไล่ตามศิษย์พี่ใหญ่เสี้ยวหย่วนได้ ศิษย์ของพรรคท่องกระบี่หลายคนสัมผัสได้ว่า หัวหน้าพรรคท่องกระบี่คนใหม่คงจะต้องเลือกออกมาจากเฉินฮุยหรือไม่ก็เสี้ยวหย่วนแน่นอน ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงไม่ถูกกันเหมือนน้ำกับไฟ ต่อให้เบื้องหน้าจะดูอ่อนโยนสามัคคี แต่นั่นแค่ทำให้หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันและลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่เห็นเท่านั้น

เย่เทียนเฉินเองก็คิดไม่ถึงว่าตนจะถูกเข้าใจผิดเป็นเถียนปอกวงวิปริตอะไรนั่นไปได้ รู้สึกร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่สามคนนี้ก็มั่นใจหนักหนาว่าตนคือเถียนปอกวง และเฉินฮุยที่ลงมือโจมตีเขาก็บ้าอำนาจและยโสโอหังเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าต่อให้เขาไม่ใช่เถียนปอกวงก็จะฆ่าอยู่ดี

เพียงหมัดเดียวก็ทำให้กระบี่ในมือเฉินฮุยสั่นสะเทือนจนแตกเป็นผุยผง เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไรมาก หมุนตัวเดินมุ่งหน้าไปยังส่วนกลางของยอดเขาต่อไป เขาไม่อยากเสียเวลาเพราะคนพวกนี้อีก

เฉินฮุยก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ เดิมทีคิดว่าการฆ่าชายหนุ่มเบื้องหน้านี้เป็นเรื่องง่ายดายมาก ไหนเลยจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะร้ายกาจขนาดนี้ เพียงหมัดเดียวต่อยปะทะเข้ากับกระบี่ในมือของเขาโดยตรงจนกระบี่แตกเป็นเสี่ยงๆ เกือบจะทำร้ายเขาได้อยู่แล้ว ทำให้เฉินฮุยอดคิดไม่ได้ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?

“ศิษย์พี่รอง คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

“ไม่เป็นไร คนคนนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน พวกเราตามไปฆ่ามันด้วยกันเถอะ!” เฉินฮุยมองแผ่นหลังของเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยม

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินฮุย ศิษย์ของพรรคท่องกระบี่อีกสองคนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตะลึง เกิดความหวาดกลัวเล็กน้อย หมัดอันรุนแรงของเย่เทียนเฉินเมื่อครู่นี้พวกเขาล้วนเห็นอยู่กับตา ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าทะยานเข้าไปง่ายๆ ในฐานะที่เฉินฮุยเป็นศิษย์อันดับสองของพรรคท่องกระบี่ เขากลับถูกเย่เทียนเฉินทำลายกระบี่ในมือด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว จะไม่ให้พวกเขาสองคนที่มีการบ่มเพาะต่ำกว่าหวาดกลัวได้อย่างไร?

ความจริงแล้ว การที่เฉินฮุยถูกเย่เทียนเฉินใช้หมัดเดียวทำลายกระบี่ในมือได้นั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะความลำพองใจของเขา เขาคิดไม่ถึงว่าฝีมือของเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งห้าวหาญขนาดนั้นจึงฟาดฟันดาบออกไปด้วยท่าทีมองข้ามอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง มิฉะนั้นด้วยฝีมือของเขาที่อย่างน้อยก็อยู่ในขอบเขตนักรบราชันระดับต้นคงไม่พ่ายแพ้เย่เทียนเฉินง่ายขนาดนั้น ในตอนที่เย่เทียนเฉินใช้หมัดเดียวทำลายกระบี่ในมือของเฉินฮุย เย่เทียนเฉินเองก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หมัดเช่นกัน ในใจตื่นตะลึงกับปราณกระบี่อันแข็งแกร่งของพรรคท่องกระบี่ ตนให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะกายเนื้อมาก ด้วยความแข็งแกร่งของกายเนื้อในตอนนี้ อย่างน้อยก็ยากที่จะรู้สึกเจ็บปวด แต่พรรคท่องกระบี่แข็งแกร่งจริงๆ เฉินฮุยเองก็ไม่อาจดูถูกได้

“นี่…ศิษย์พี่รอง ผมว่าช่างมันเถอะ รอศิษย์พี่ใหญ่มาถึงก่อนค่อยว่ากัน!” ศิษย์คนหนึ่งพูดอย่างขลาดเขลา

“ศิษย์พี่ใหญ่? ถ้าไม่มีเขาเสี้ยวหย่วน ฉันเฉินฮุยก็ทำอะไรไม่ได้เลยหรือไง ฆ่าเถียนปอกวงไม่ได้งั้นเหรอ?” เฉินฮุยมองไปยังศิษย์น้องคนนั้นแล้วตะโกนอย่างโหดเหี้ยม

“ไม่ ไม่ใช่ครับศิษย์พี่รอง ที่สำคัญก็คือ เรื่องในครั้งนี้ท่านอาจารย์บอกว่าให้ศิษย์พี่ใหญ่รับผิดชอบ ยังไงพวกเรา…” ศิษย์น้องคนนั้นรีบเอ่ยปากอธิบาย

“หึ ให้ศิษย์พี่ใหญ่รับผิดชอบ? เกรงว่าเขาคงฆ่าเถียนปอกวงไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะยังไงพวกเราไปฆ่าเจ้าโจรไร้อย่างอายนั้นก่อนเถอะ ช้าขนาดนี้แล้ว ผู้หญิงสลบไสลที่ถูกแบกอยู่บนหลังคนนั้นอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้!” เฉินฮุยพูดยุยงศิษย์อีกสองคนที่เหลือ

“แต่ว่า…ศิษย์พี่รองครับ ฝีมือของไอ้หมอนั่นไม่เบาเลย เกรงว่าพวกเราสามคน…” ลูกศิษย์พรรคท่องกระบี่อีกคนหนึ่งพูดออกมาอย่างระมัดระวัง

ภาพที่เย่เทียนเฉินใช้หมัดเดียวทำลายกระบี่ในมือเฉินฮุยเมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาสั่นสะท้านเกินไปจริงๆ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้ยินว่าจะมีคนใช้หมัดเพียวๆ ทำลายกระบี่ในมือของลูกศิษย์พรรคท่องกระบี่ได้เลย โดยเฉพาะลูกศิษย์ยอดเยี่ยมแห่งพรรคท่องกระบี่อย่างเฉินฮุย เนื่องจากกระบี่ในมือของลูกศิษย์ทุกคนแห่งพรรคท่องกระบี่ล้วนแฝงไปด้วยปราณกระบี่ตัว อีกทั้งเดิมทีตัวกระบี่เหล่านี้ก็สร้างจากเหล็กกล้า เมื่อรวมเข้ากับปราณกระบี่ทำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เรียกได้ว่ายากที่จะพังทลาย แต่เย่เทียนเฉินกลับใช้หมัดเดียวทำลายได้ ร้ายกาจจริงๆ

เฉินฮุยขมวดคิ้ว มองเงาหลังของเย่เทียนเฉินที่แบกตงฟางเมิ่งเดินไปยังส่วนกลางของยอดเขา อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น โกรธจนสั่นไปทั้งตัว หลายปีมานี้เขาแสดงฝีมือตนและคอยสร้างบารมีในหมู่ลูกศิษย์มาตลอด เพื่อที่ว่าหากมีสักวันหนึ่งที่ต้องแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคท่องกระบี่เขาจะได้ชนะ แต่วันนี้กลับขายหน้าครั้งใหญ่ หากแพร่ออกไป พูดกันว่าตนถูกชายหนุ่มคนหนึ่งใช้หมัดเดียวทำลายกระบี่ในมือ บารมีของเขาในพรรคท่องกระบี่คงตกต่ำอย่างรุนแรง ดังนั้นไม่ว่าเย่เทียนเฉินจะเป็นเถียนปอกวงหรือไม่ เขาเฉินฮุยก็จำเป็นต้องฆ่า

“ไอ้พวกโง่ ฉันจะบอกพวกแกตามจริง ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่เถียนปอกวง แต่ฉันก็จะฆ่าเขาอยู่ดี…” เฉินฮุยทนไม่ไหว มองไปยังศิษย์น้องทั้งสองแล้วพูดขึ้นอย่างดุดัน

“นี่…”

“ศิษย์พี่รอง ความหมายของคุณคือ…”

ศิษย์น้องสองคนได้ยินคำพูดของเฉินฮุยก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ไม่รู้ว่าเฉินฮุยหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ที่แท้ศิษย์พี่รองรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มที่แบกสาวงามอยู่บนหลังคนนั้นไม่ใช่เถียนปอกวง แต่ยังคงคิดจะฆ่าเขาหรือ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

“หึ พวกแกมันสมองหมู เถียนปอกวงมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ว่าเป็นพวกวิปริต พรรควรยุทธโบราณหลายพรรคต่างต้องการฆ่ามัน แต่มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่ามันหน้าตาเป็นยังไง ยิ่งไปกว่านั้นไอ้วิปริตนี่ฝีมือไม่ธรรมดา ร้ายกาจมาก อาจารย์เคยบอกว่าจะไม่แน่ว่าจะฆ่าฆ่าเถียนปอกวงได้ แต่ครั้งนี้พวกเราพรรคท่องกระบี่เคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ ลูกสาวของท่านอาจารย์ถูกเถียนปอกวงดูหมิ่นรังแกจนเกือบจะเสียตัว ท่านอาจารย์จึงต้องการให้พรรควรยุทธโบราณทั้งหมดได้รู้ว่าความสามารถของพรรคท่องกระบี่ของพวกเราแข็งแกร่ง ต่อให้เป็นเถียนปอกวงที่เดินทางหมื่นลี้เพียงลำพัง หากหาเรื่องพรรคท่องกระบี่ของพวกเราก็ต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย แต่… ด้วยความเร็วในการเดินทางของพวกเรา คงตามเถียนปอกวงไม่ทันแน่ ถ้าพวกเราฆ่าเถียนปอกวงได้ จะต้องเป็นผลงานใหญ่หลวงแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น ท่านอาจารย์จะต้องให้รางวัลพวกเราอย่างงาม กระทั่งเคล็ดปราณกระบี่ลับที่อยากได้ก็คงได้ด้วย…” ในขณะที่พูด เฉินฮุยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างโหดเหี้ยมขึ้นมา ศิษย์น้องอีกสองคนได้เห็นก็พากันชะงักไป

“ศิษย์พี่รอง คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”

“เคล็ดปราณกระบี่ลับ? พวกเราได้รับเคล็ดปราณกระบี่ลับเหรอ? มีโอกาสด้วยเหรอครับ?”

เมื่อศิษย์ของพรรคท่องกระบี่ทั้งสองคนนี้ได้ยินคำว่าเคล็ดปราณกระบี่ลับที่เฉินฮุยพูดก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง นั่นเป็นสิ่งที่มีค่าควรเมืองของพรรคท่องกระบี่ และเป็นสิ่งที่ลูกศิษย์แห่งพรรคท่องกระบี่ทุกคนฝันอยากได้มา แต่พวกเขาสองคนเป็นลูกศิษย์ที่เพิ่งเข้าร่วมพรรคท่องกระบี่ได้ไม่นาน โดยปกติไม่มีหวังจะได้เคล็ดปรณกระบี่ลับมาเลย ตอนนี้ถูกเฉินฮุยพูดให้มีความหวัง จะไม่กระตือรือร้นได้อย่างไร ขอเพียงได้เคล็ดวิชาปราณกระบี่ลับมา เมื่อฝึกฝนแล้วจะต้องกลายเป็นยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณคนหนึ่งแน่นอน ใครจะไม่หวั่นไหวบ้าง?

“แน่นอน ความหมายของฉันก็คือ ไม่ว่าไอ้หมอนั่นจะใช่เถียนปอกวงหรือไม่ พวกเราก็จะฆ่ามันซะ จากนั้นเอาหัวของมันกลับไปที่พรรคท่องกระบี่ของพวกเรา พูดจาหนักแน่นว่ามันคือเถียนปอกวงวิปริตคนนั้น พอพูดแบบนั้นท่านอาจารย์จะไม่ดีใจเหรอ? จะต้องให้พวกเราได้เรียนเคล็ดปราณกระบี่ลับแน่นอน พูดให้ชัดเจนก็คือ ไอ้หมอนี่เป็นแพะรับบาปที่จะทำให้พวกเราได้รับเคล็ดปราณกระบี่ลับไงล่ะ!” เฉินฮุยพูดอย่างโหดเหี้ยม

เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา ลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่ทั้งสองคนก็ชะงักไป คิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่รองเฉินฮุยจะมีความคิดลึกล้ำขนาดนี้ ในเวลาเพียงพริบตาเดียวก็สามารถคิดวิธีการโหดเหี้ยมเช่นนี้ขึ้นมาได้ ให้เย่เทียนเฉินเป็นแพะรับบาป จะอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ว่าเถียนปอกวงมีหน้าตาอย่างไร เนื่องจากทุกครั้งที่ไอ้วิปริตคนนี้เคลื่อนไหวล้วนปิดบังหน้าตา ความสามารถของเขาอาจจะสู้ประมุขพรรควรยุทธโบราณไม่ได้ แต่ได้รับฉายาว่าโดดเดี่ยวหมื่นลี้ ดังนั้นวิชาตัวเบาจะต้องยอดเยี่ยมแน่นอน ยากที่จะถูกผู้อื่นไล่ตาม ดังนั้นหลายปีมานี้เถียนปอกวงจึงยังไม่ถูกจับ

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น พวกแกเห็นสาวงามบนหลังไอ้หมอนั่นหรือเปล่า นั่นเป็นสาวงามล่มเมืองเลยทีเดียว ถึงตอนนั้นพวกเราก็สามารถเสพสุขได้ แล้วค่อยฆ่าเธอซะ ตายไปแล้วก็ไม่มีหลักฐาน ต่อให้ตอนหลังมีใครมาพบว่าคนที่พวกเราฆ่าไม่ใช่เถียนปอกวงก็ไม่อาจโทษพวกเราได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเถียนปอกวงหน้าตาเป็นยังไงกันแน่ ส่วนเคล็ดวิชาปราณกระบี่ลับ พวกเราก็ได้มาแล้ว…” บนใบหน้าของเฉินฮุยเต็มไปด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม

ลูกศิษย์ทั้งสองของพรรคท่องกระบี่ได้ยินเฉินฮุยพูดเช่นนี้ดวงตาก็เปล่งประกาย เดิมทีรู้สึกขลาดเขลาอยู่บ้างก็เริ่มใจกล้าขึ้นมาแล้ว จะอย่างไรแผนร้ายของเฉินฮุยนี้ก็ทำได้จริง ไม่มีใครรู้ว่าเถียนปอกวงหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ เอาหัวของเย่เทียนเฉินกลับไปก็สามารถหลอกหัวหน้าพรรคได้แล้ว และจะได้รับเคล็ดปราณกระบี่ลับมาด้วย เพียงแต่จะทำแบบนี้จำเป็นต้องฆ่าคนบริสุทธิ์ แต่ในพรรควรยุทธโบราณ การฆ่าฟันไม่เคยสิ้นสุด นี่จะนับเป็นอะไรได้?

“ได้ ศิษย์พี่รอง พวกเราฟังคุณ!”

“ใช่ ฆ่าไอ้หมอนั่นซะ พวกเราก็จะได้เคล็ดปราณกระบี่ลับมาแล้ว!”

“ถ้างั้นพวกเราก็ลงมือด้วยกัน และจะได้เคล็ดปราณกระบี่ลับด้วยกัน!” เฉินฮุยพูดอย่างโหดเหี้ยม

ในตอนนี้ เย่เทียนเฉินที่ยังคงเดินไปยังส่วนกลางของยอดเขาไม่รู้เลยว่าตนเองถูกคนอื่นเห็นเป็นแพะรับบาปไปแล้ว เขาแค่ไม่อยากเสียเวลาอีก เพราะจะทำให้โอกาสที่ตงฟางเมิ่งจะรอดชีวิตน้อยลงไป เขาไม่รู้เลยว่าลูกศิษย์ใจคอโหดเหี้ยมทั้งสามของพรรคท่องกระบี่ที่อยู่ด้านหลังไล่ตามมาแล้ว…

………….