บทที่ 375 ฆ่าสาระเลวทั้งสามแห่งพรรคท่องกระบี่

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

ในหมู่ลูกศิษย์ทั้งสามคนของพรรคท่องกระบี่มีเฉินฮุยเป็นผู้นำไล่ตามสังหารเถียนปอกวงที่ขึ้นชื่อเรื่องวิปริต แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปลากเย่เทียนเฉินเข้ามาเกี่ยวข้อง เริ่มแรกเฉินฮุยก็รู้แล้วว่าเย่เทียนเฉินไม่ใช่เถียนปอกวง เนื่องจากวรยุทธที่เย่เทียนเฉินใช้ออกมาไม่ใช่ประเภทเดียวกับวรยุทธของเถียนปอกวงโดยสิ้นเชิง แต่เฉินฮุยเป็นผู้มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต เพื่อให้ตนได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อให้ได้เคล็ดปราณกระบี่ลับของสำนักท่องกระบี่ จึงไม่ลังเลที่จะใช้ทุกวิถีทาง ดังนั้นจึงไม่แยกแยะถูกผิด มุ่งสังหารเย่เทียนเฉินโดยไม่ถามความให้กระจ่าง จุดประสงค์ของเขามีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือให้เย่เทียนเฉินเป็นแพะรับบาป ทำให้เขาเคล็ดปราณกระบี่ลับของสำนักท่องกระบี่มา

ความจริงเย่เทียนเฉินไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่คิดว่าศิษย์ทั้งสามของพรรคท่องกระบี่จำคนผิดเท่านั้น ส่วนเฉินฮุยก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่เป็นไปทั่ว ตนเองใช้หนึ่งหมัดทำลายกระบี่ของเขาเพื่อให้เขารู้ตัวและถอยไป อย่าได้มาสร้างความลำบากอะไรอีก เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ชอบฆ่าฟันและไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเฉินฮุยทั้งสามคนนี้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเฉินฮุยจะมีแผนร้ายเช่นนั้น ต้องการให้ตนเป็นแพะรับบาป และยังคิดจะลงมือกับตงฟางเมิ่งลับหลังอีกด้วย เช่นนั้นครั้งนี้เย่เทียนเฉินยังจะต้องยั้งมืออีกเหรอ?

ฉัวะๆๆ!

ปราณกระบี่อันบ้าคลั่งทั้งสามโจมตีมาจากด้านหลังเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินรู้ตัวได้ในทันที เนื่องจากเขากางพลังพิเศษแห่งการรับรู้อยู่ตลอด หันกลับไปตามสัญชาตญาณ ในขณะเดียวกันก็กางโล่พลังพิเศษขึ้นเบื้องหน้า

ตู้มๆๆ!

ปราณกระบี่ทั้งสามถูกโล่พลังพิเศษของเย่เทียนเฉินสกัดกั้นเอาไว้ เพียงแต่อีกนิดเดียวก็จะซัดให้เย่เทียนเฉินปลิวไปได้แล้ว พรรคท่องกระบี่ใช้กระบี่เป็นสำคัญ ปราณกระบี่ย่อมร้ายกาจเป็นอย่างมาก เย่เทียนเฉินใช้เพียงโล่พลังพิเศษขวางกั้นปราณกระบี่ของศิษย์พรรคท่องกระบี่ทั้งสามที่มีฝีมือไม่เลวเอาไว้ยังคงลำบากอยู่มาก จะอย่างไรเขาก็ยังแบกตงฟางเมิ่งอยู่ที่หลังจึงต้องต่อสู้และปกป้องความปลอดภัยของผู้หญิงคนนี้ไปพร้อมกัน

ฟิ้วๆๆ!

เงาร่างสามร่างพุ่งเข้ามา แต่ละคนล้วนถือกระบี่อยู่ในมือ ปราณกระบี่อันเย็นยะเยือกส่องประกายเป็นระลอก เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว สามคนนี้ต้องการฆ่าเขาจริงๆ ไม่ใช่แค่จำคนผิดเท่านั้น ท่าทางชายที่สู้กับเขาที่ถูกเขาใช้หมัดเดียวทำลายกระบี่ไปคงรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมากจึงต้องการล้างแค้น จะใจแคบเกินไปแล้ว

“พวกแกต้องการฆ่าฉันเหรอ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามเสียงเย็น

“แกจะฆ่าตัวตายก็ได้!” เฉินฮุยพูดด้วยรอยยิ้มไม่พอใจ

“แกคิดว่าแกฆ่าฉันได้งั้นเหรอ?” เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เขาไม่อยากลงมือฆ่าคนจริงๆ แต่หากมีคนไม่รู้ความ หมัดของเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อแน่นอน

“ฉันบอกแกตามจริงก็ได้ ฉันต้องการให้แกเป็นแพะรับบาปเพื่อทำเป้าหมายของฉันให้สำเร็จ ฉันรู้ว่าแกไม่ใช่เถียนปอกวง แต่ฉันเฉินฮุยก็ยังจะฆ่าแก!” เฉินฮุยพูดอย่างมั่นใจยิ่งนัก

“เป็นอย่างนี้นี่เอง…งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมือ หมัดเมื่อกี้ทำลายกระบี่ของแกไปแล้ว หมัดต่อไปจะระเบิดหัวแกซะ!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย

เฉินฮุยขมวดคิ้วแน่น เขาคิดไม่ถึงว่าเมื่อเย่เทียนเฉินเผชิญหน้ากับยอดฝีมือทั้งสามแห่งพรรคท่องกระบี่อย่างพวกเขาจะไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย กลับมีท่าทางเรียบเฉยด้วยซ้ำ ในคำพูดเต็มไปด้วยเจตนาเหยียดหยามความสามารถของตนเฉินฮุย นับเป็นการโจมตีความมั่นใจและหยิ่งยโสของตนยิ่งนัก

“พวกแกสองคนยังมัวอึ้งอะไรกันอยู่ ฆ่ามันซะ!” เฉินฮุยตะโกน

ศิษย์สองคนที่อยู่หลังเฉินฮุยสบตากัน มือกำกระบี่แน่น พุ่งเข้าใส่เย่เทียนเฉิน สะกิดตัวกระโดดขึ้น กระบี่ซึ่งแฝงไปด้วยปราณกระบี่อันเข้มข้นถูกฟาดฟันไปยังเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เร่งเร้าพลังพิเศษทั่วทั้งร่างในฉับพลัน พลังการต่อสู้เพิ่มขึ้นเท่าตัว ในตอนที่ศิษย์แห่งพรรคท่องกระบี่ทั้งสองสองยังไม่ทันได้ฟาดฟันกระบี่ลงมา มือขวาของเย่เทียนเฉินก็ส่องประกาย ทันใดนั้นเลือดสดๆ สาดกระเซ็น ศีรษะของศิษย์พรรคท่องกระบี่ทั้งสองแยกออกจากร่าง ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองไปทางเฉินฮุย ตายตาไม่หลับไปเช่นนี้

เฉินฮุยที่ได้เห็นก็ตกตะลึงครั้งใหญ่ อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเย็นยะเยือก เดินถอยหลังไปสองก้าว เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะร้ายกาจขนาดนี้ โจมตีสังหารศิษย์น้องทั้งสองของเขาไปได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ในมือขวาของเย่เทียนเฉินยังมีง้าวฟางเทียนปรากฏขึ้นด้ามหนึ่ง เขาไม่ได้เรียกกระบี่อวี๋ฉางหรือกระบี่ไท่อาออกมา เนื่องจากไม่จำเป็น หากต้องเรียกหนึ่งในกระบี่เทพออกมาเพียงเพื่อจะฆ่าสามคนนี้ เกรงว่าความสามารถของเขาเย่เทียนเฉินคงจะอ่อนแอเกินไปแล้ว

“แก…แกเป็นใครกันแน่?” เฉินฮุยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่อาจสังหารศิษย์ของพรรคท่องกระบี่ที่มีความสามารถไม่อ่อนแอทั้งสองได้อย่างเย่เทียนเฉิน

“ฉันฆ่าคนของแก เพราะแกมาหาเรื่องฉัน รนหาที่ตาย!” เย่เทียนเฉินพูดออกมาอย่างเรียบเฉย ในตอนนี้เขารู้สึกโกรธขึ้นมาแล้ว เดิมทีไม่คิดจะฆ่าพวกเฉินฮุยทั้งสาม แต่สามคนนี้ถึงกับจะให้เขาเป็นแพะรับบาป ใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้เขาย่อมไม่ยั้งมือ

“หึ โอหัง แกกล้าล่วงเกินพรรคท่องกระบี่ของพวกเรา ต้องตายแน่!” เฉินฮุยแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างดุดัน

“แกคิดว่าแกพูดชื่อพรรคออกมาแล้วฉันจะไม่ฆ่าแกรึไง? แกผิดแล้ว แกก็ต้องตายเหมือนกันนั่นแหละ!” เย่เทียนเฉินเผยรอยยิ้มไร้พิษภัยออกมาที่มุมปากแล้วพูดขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน เฉินฮุยก็อดไม่ได้ที่จะใบหน้ากระตุก ดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง ความจริงตอนนี้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้บนร่างของเย่เทียนเฉินก็มีไอสังหารแผ่ออกมา ทำให้เฉินฮุยรู้สึกตื่นตะลึงยิ่งนัก ตอนนี้เขาถึงค่อยคิดขึ้นมาว่าคนคนนี้เป็นใครกันแน่? ตนต้องการฆ่าเขาโดยไม่แยกแยะถูกผิด ความจริงนับเป็นการบุ่มบ่ามเกินไป และไปกระตุ้นให้ชายหนุ่มคนนี้โกรธอย่างสิ้นเชิง เมื่อพูดชื่อพรรคของตนออกมา นั่นเป็นการแสดงถึงความหวาดกลัวของเฉินฮุยแล้ว เขาต้องการอาศัยคำว่าท่องกระบี่ไปข่มขู่เย่เทียนเฉิน อย่างน้อยก็ทำให้เย่เทียนเฉินไม่กล้าฆ่าเขา แต่เย่เทียนเฉินกับเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ เขาไม่ชอบฆ่าฟัน เขาไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผา เขามีทั้งด้านที่เป็นอันธพาลและด้านที่เป็นเทพสังหาร เมื่อจริงจังขึ้นมา ต่อให้เป็นพระเจ้า ถ้าเขาอยากฆ่าก็จะฆ่า

“ใครจะตายก็ยังไม่แน่!”

เฉินฮุยตะโกนออกมา เก็บกระบี่ขึ้นมาจากพื้นแล้วฟาดฟันไปยังเย่เทียนเฉินติดต่อกันสิบครั้ง เพลงกระบี่รวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่ละกระบี่ที่ฟาดฟันออกไปแฝงไปด้วยปราณกระบี่ที่มีพลังทำลายล้างมหาศาล ในตอนนี้เฉินฮุยไม่กล้ายั้งมืออีกต่อไป ลงมือเต็มที่แล้ว คิดจะใช้การโจมตีกะทันหันเช่นนี้สังหารเย่เทียนเฉิน เขารับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉินอย่างแท้จริง ไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะอาศัยความสามารถเพียวๆ ฆ่าเย่เทียนเฉินได้

ตู้มๆๆ…

เศษหินปลิวว่อนไปทั่ว ต้นไม้ใบหญ้าระเบิดออก ปราณกระบี่ของเฉินฮุยบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง พรรคท่องกระบี่แข็งแกร่งจริงๆ เพียงแค่ปราณกระบี่นี้ก็เพียงพอที่จะป่นหินทลายภูเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถของเฉินฮุยคงไม่แข็งแกร่งที่สุดในพรรคท่องกระบี่แน่นอน ยังไม่ได้ฝึกเคล็ดปราณกระบี่ลับที่แข็งแกร่งที่สุดของพรรคท่องก็มีความสามารถเช่นนี้ได้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

ตู้ม!

ฝ่ามืออันใหญ่โตมโหฬารโจมตีไปยังเฉินฮุยจากฟ้าสู่พื้น ต่อให้เฉินฮุยฟาดฟันปราณกระบี่ออกมาขวางไว้ไม่หยุดก็ไม่สามารถหยุดยั้งพลังทำลายล้างของฝ่ามือที่ซัดมาได้ สุดท้ายเฉินฮุยจึงทำได้เพียงกรีดร้องอย่างตื่นตะลึงด้วยใบหน้าซีดขาว

ครืน!

เย่เทียนเฉินใช้ฝ่ามืออันใหญ่โตมโหฬารที่สร้างรูปลักษณ์ขึ้นมาจากพลังพิเศษโจมตีไปยังเฉินฮุย ชั่วขณะที่โจมตีไปนั้นยอดเขาพลันสั่นสะเทือน เห็นได้ถึงพลังทำลายล้างอันแข็งแกร่งของฝ่ามือนี้ เฉินฮุยที่มีระดับพลังอยู่ในขอบเขตนักรบราชันขั้นต้นถูกตบตายไปในฝ่ามือเดียว เย่เทียนเฉินเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ฝ่ามือนี้เย่เทียนเฉินใช้พลังพิเศษของตนรวมเข้ากับความเข้าใจของตน ลอกเลียนมาจากเคล็ดวิชา “ฝ่ามือสะท้านฟ้า” ที่ชิงเฉิงเยว่เคยใช้บริเวณภูเขาหลังมหาวิทยาลัยหลงเถิงเมื่อวันนั้น เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีพลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งขนาดนี้

หลังจากตบเฉินฮุยตายไปในฝ่ามือเดียว เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ถึงเรื่องที่เขาล่วงเกินพรรคท่องกระบี่อะไรนั่นอีก เขาไม่ใช่คนที่ห่วงหน้าพะวงหลัง ฆ่าก็ฆ่าไปแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นเป็นพวกเฉินฮุยสามคนนี้ที่ต้องการให้เขาเป็นแพะรับบาป เขาถึงได้ลงมือ ไม่ได้ฆ่าคนบริสุทธิ์

หลังจากฆ่าพวกเฉินฮุยทั้งสามแล้ว เย่เทียนเฉินก็แบกตงฟางเมิ่งเดินไปยังตำแหน่งส่วนกลางของยอดเขา ที่นั่นเขาหาก้อนหินก้อนใหญ่พบจากพลังพิเศษแห่งการรับรู้ บนก้อนหินมีตัวอักษรสลักอยู่ มีต้นไม้สองต้นที่สูงเสียดฟ้า และมีเสียงน้ำไหลดังออกมาจากหลังก้อนหิน หลังจากเย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่งก็แบกตงฟางเมิ่งเดินไปข้างก้อนหิน กำมือขวาแน่น ใช้หมัดที่แฝงไปด้วยพลังพิเศษอันรุนแรงซัดลงไปบนก้อนหินโดยพลัน ก้อนหินใหญ่ไม่สะทกสะท้าน ไม่มีร่องรอยว่าจะถูกทำลายแม้แต่น้อย กระทั่งรอยแตกก็ไม่มี มือขวาของเย่เทียนเฉินรู้สึกเจ็บ หินก้อนนี้แข็งมากจริงๆ

“ท่าทางการจะเข้าไปที่พรรคสุสานโบราณคงยากไม่น้อย!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า พูดพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม

เขาวางตงฟางเมิ่งลง เดินไปข้างก้อนหินแล้วนั่งขัดสมาธิบนพื้น แผ่ขยายพลังพิเศษแห่งการรับรู้ของตนออกไปสัมผัสก้อนหินก้อนใหญ่นั้นเล็กน้อย นี่เป็นก้อนหินที่แปลกมาก มีความแข็งจนไม่ธรรมดา หากต้องการจะบุกเข้าไปในประตูของพรรคสุสานโบราณทั้งแบบนี้เกรงว่าจะยากมาก พรรควรยุทธโบราณเหล่านี้มีของที่สืบทอดกันมามากมาย มีกลไกและค่ายกลไม่น้อย ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงรู้ว่าจำเป็นต้องใช้ไหวพริบฝ่าเข้าไป หากจะใช้กำลังถล่มเขาไปตรงๆ คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และคงเข้าไม่ได้แม้แต่ประตู

เพียงแต่น่าเสียดาย สำรวจอยู่นานก็ยังไม่พบส่วนที่แปลกประหลาดอะไรบริเวณนั้น ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินมองไปยังตงฟางเมิ่งที่สลบไสลอยู่ อยากทำให้ผู้หญิงคนนี้ตื่นจริงๆ ถ้าทำแบบนี้ก็จะเข้าไปในพรรคสุสานโบราณได้อย่างราบรื่น แต่จางอีเต๋อเคยบอกว่า ในตอนที่ตงฟางเมิ่งตื่นขึ้นมา หากไม่ได้ฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกทันทีเธอก็จะตายแน่นอน เนื่องจากตอนนี้ตงฟางเมิ่งอยู่ในช่วงเวลาสำคัญสุดท้ายของชีวิต จางอีเต๋อจึงใช้วิชาลับกดอาการบาดเจ็บของเธอให้มั่นคง และนี่เป็นขีดจำกัดแล้ว ไม่สามารถทำอะไรให้เสียเปล่าได้แม้แต่น้อย

ทันใดนั้นเองเย่เทียนเฉินได้ยินเสียงน้ำไหลอีกครั้งจากด้านหลังของเขา คราวนี้ชัดเจนมาก ราวกับกระทั่งก้อนหินใหญ่ก็ไม่สามารถขวางกั้นเสียงนี้ได้ ตอนนี้เย่เทียนเฉินพลันคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ในใจรู้สึกนับถือคนก่อตั้งพรรคสุสานโบราณ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกนับถือความฉลาดของตัวเอง ฮ่าๆ!

ตู้ม!

เย่เทียนเฉินตบฝ่ามือลงบนพื้นครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นที่พื้นมีรูเกิดขึ้น ในนั้นมีหินก้อนใหญ่ที่เหมือนกับฐานหินอยู่ก้อนหนึ่ง เย่เทียนเฉินหัวเราะ ใช้มือขวากดลงไปเบาๆ ออกแรงเล็กน้อย ได้ยินเสียงครืนดังขึ้น หินใหญ่ก้อนนั้นค่อยๆ ขยับ…

……………………….