ทางเข้าพรรคสุสานโบราณอยู่ด้านหลังก้อนหินใหญ่ที่เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งพิงอยู่ เพียงแต่หินก้อนนี้แข็งมาก ต่อให้เย่เทียนเฉินรวบรวมพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันซัดไปหนึ่งหมัดก็ยังไม่อาจทำให้มันแตกได้ ท่าทางนี่คงไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา เย่เทียนเฉินเดาว่านี่คงเป็นก้อนหินที่ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณเคลื่อนย้ายมาจากที่ไหนซักที่โดยเฉพาะ ส่วนเรื่องที่ว่าก้อนหินก้อนนี้เป็นวัสดุแบบใดกันแน่นั้นเขาเองก็ไม่รู้
ตอนแรกเย่เทียนเฉินไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ตงฟางเมิ่งก็สลบไสลไม่ได้สติ ไม่สามารถปลุกขึ้นมาตอนนี้ได้ ถ้าปลุกขึ้นมาตอนนี้เท่ากับว่าเย่เทียนเฉินฆ่าเธอแล้ว การจะเข้าไปในพรรคสุสานโบราณเพื่อตามหาคัมภีร์ดรุณีหยกซึ่งเป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในที่แข็งแกร่งที่สุดของพรรคสุสานโบราณต้องอาศัยตัวเย่เทียนเฉินเอง
เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลจากด้านหลังก้อนหิน เย่เทียนเฉินจึงใช้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ไปตรวจสอบ จึงได้พบว่าใต้หินมีสลักหินอยู่ นี่เป็นกลไกอย่างหนึ่ง เพียงกดที่สลักหินเบาๆ ก้อนหินก็จะเคลื่อนย้ายไปเอง
ครืน!
ก้อนหินใหญ่ค่อยๆ ขยับออก เย่เทียนเฉินเตรียมแบกตงฟางเมิ่งขึ้นหลังอีกครั้ง แต่ในตอนที่เขาเพิ่งจะเดินไปด้านข้างได้ก้าวเดียวนั้นเอง ประกายแสงนับ 10 ก็ยิ่งพุ่งเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ คละเคล้าไปด้วยไอสังหารอันรุนแรง ทั้งยังมีเสียงกรีดอากาศอีกด้วย เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว สะบัดมือขวาครั้งหนึ่ง ในมือพลันมีกระบี่ปรากฏออกมาเล่มหนึ่ง ใช้มือซ้ายตบลงไปที่พื้น ส่งร่างพุ่งไปด้านหน้า กระบี่ในมือขวาก็ฟาดฟันปราณกระบี่ออกไปในแนวขวาง
ตู้มๆๆ !
อันตรายทั้งหมดถูกเย่เทียนเฉินหยุดเอาไว้ได้ กระบี่ที่อยู่ในมือขวาของเขาก็คือกระบี่ไท่อา หลังจากที่เย่เทียนเฉินหยุดยั้งอันตรายทั้งหมดไว้ได้เขาจึงค่อยพบว่าอันตรายทั้งหมดที่โจมตีเข้ามาอย่างฉับพลันคือเข็มเงินที่ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร มีความแข็งเป็นอย่างมากจนยากจะหัก แต่เนื่องจากเย่เทียนเฉินใช้กระบี่ไท่อาซึ่งเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพที่ไม่ได้มีแค่ชื่อ ตอนนี้เย่เทียนเฉินใช้พลังอันแข็งแกร่งและดาบอันแข็งแกร่งฟาดฟันไปทำให้มีพลังอันแข็งแกร่งออกไป ของธรรมดาย่อมไม่อาจขวางได้ เย่เทียนเฉินเองก็รู้สึกโชคดีที่ตนเรียกกระบี่ไท่อาออกมา มิฉะนั้นหากใช้หมัดปะทะไปตรงๆ เกรงว่าตอนนี้คงได้เลือดแล้ว
เข็มเงินทั้งหมดถูกเย่เทียนเฉินซัดจนปลิวไปปักอยู่ในตำแหน่งต่างๆ บางเล่มก็ปักบนพื้น บางเล่มก็ปักบนกิ่งไม้ เป็นเข็มที่เล็กมาก หากไม่ดูให้ละเอียดคงมองไม่เห็น ท่าทางนี่คงจะเป็นกับดักที่พรรคสุสานโบราณติดตั้งไว้หวังสังหารคนที่คิดจะบุกเข้าไปในพรรค
โดยปกติในพรรควรยุทธโบราณหลายแห่งล้วนมีกับดักกลไกและค่ายกลป้องกันจากสมัยโบราณเพื่อป้องกันไม่ให้พรคอื่นเข้ามารังแกได้ตามใจอยู่ อย่างไรก็ตามจากที่เย่เทียนเฉินรู้ ตอนนี้พรรควรยุทธโบราณที่ใช้กับดักเหล่านี้มีน้อยมากแล้ว จะอย่างไรก็มีลูกศิษย์ของพรรรคคุ้มครองอยู่บริเวณทางเข้า ดังนั้นนี้จึงนับเป็นความฟุ่มเฟือย แต่พรรคสุสานโบราณยังมีกับดักอยู่เชื่อว่าเป็นเพราะในตอนแรกเริ่มลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณมีน้อยมาก และรับสมัครเพียงลูกศิษย์หญิงเท่านั้น ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณไม่ได้คิดจะทำให้พรรคสุสานโบราณยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์ เพียงแค่ไม่อยากทำให้สูญสิ้นการสืบทอดเท่านั้น คิดว่าปกปิดตัวตนจากโลกภายนอกก็พอแล้ว ดังนั้นจึงติดตั้งกับดักเอาไว้
“ตอนนี้เริ่มสนุกแล้ว ยังไงซะฉันก็แค่จะพาเธอไปหาคำภีร์ดรุณีหยก ส่วนเรื่องอื่นไม่เกี่ยวข้องกับฉัน!” เย่เทียนเฉินมองตงฟางเมิ่ง เริ่มรู้สึกว่าตนหาเรื่องจริงๆ แต่มาก็มาแล้ว ไม่เข้าไปคงไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนเฉินได้สัมผัสกับพรรควรยุทธโบราณ ยังอยากจะลองเข้าไปสำรวจดูสักหน่อย
เย่เทียนเฉินแบกตงฟางเมิ่งขึ้นหลัง โชคดีที่เขามีพลังเยอะกว่าคนอื่น ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งซึ่งมีขอบเขตพลังพิเศษอยู่ในระดับจอมราชันและใกล้จะทะลวงไปถึงขอบเขตจักรพรรดิได้แล้ว การแบกผู้หญิงคนหนึ่งทั้งวันไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อยอะไร มือขวาจับกระบี่ไท่อาแน่น เดินมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่หินเคลื่อนออกไป
พบว่าบริเวณด้านหลังหินก้อนใหญ่ที่เคลื่อนออกไปนั้นมีประตูหินอยู่บานหนึ่ง เป็นประตูหินที่มีสองแถบ มือขวาของเย่เทียนเฉินถือกระบี่ไท่อา มือซ้ายสัมผัสลงบนประตูหินเบาๆ ค่อยๆ ใช้แรงผลักประตูหินออก ในขณะเดียวกันก็ใช้กระบี่ไท่อาขึ้นมาป้องกันในกรณีที่อาจจะมีกับดักอะไรอยู่ ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณหลงเหลือคัมภีร์ดรุณีหยกเอาไว้ นี่เป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในที่เทียบเท่าได้กับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นในรอบหลาย 1000 ปีมานี้ อาจารย์บรรพบุรุษท่านนี้แข็งแกร่งมากขนาดไหน ทำให้ผู้คนไม่กล้าคิดจริงๆ ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงไม่เดินเข้าไปอย่างบุ่มบ่าม แต่ให้ความสำคัญกับทุกก้าวเป็นอย่างมาก
ประตูทั้งสองด้านเคลื่อนออกไปช้าๆ ตอนนี้เป็นเวลากลางดึกแล้ว ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดสะท้อนมา เย่เทียนเฉินเห็นทิวทัศน์ทางเข้าของพรรคสุสานโบราณ พบว่าบริเวณทางเข้าของพรรคสุสานโบราณไม่ใช่โลงศพอะไรนั่น และไม่ใช่สิ่งที่ให้ความรู้สึกมืดครึ้มหดหู่อะไร แต่เหมือนกับลำธารเล็กๆ สายหนึ่ง ข้างลำธารมีก้อนหินเล็กๆ วางไว้ มีสะพานข้ามสายน้ำไหล นี่คือคำอธิบายที่เย่เทียนเฉินมีให้ทางเข้าพรรคสุสานโบราณ ชัดเจนเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
“หลายคนได้ยินคำว่าสุสานโบราณก็จะคิดไปถึงเรื่องศพเรื่องความชั่วร้ายอะไรพวกนี้ ท่าทางผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณคงสนุกมากถึงได้สร้างพรรคออกมาสวยขนาดนี้”
เย่เทียนเฉินคิดในใจแล้วจึงแบกตงฟางเมิ่งเดินเข้าไป ในชั่วขณะที่เขาเดินเข้าไปนั้น ประตูทั้งสองแถบบริเวณทางเข้าพรรคก็ปิดเองโดยอัตโนมัติ หินก้อนใหญ่ที่อยู่ด้านนอกก็เลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิม บดบังอยู่หน้าประตูหิน
เมื่อเดินเข้าไปในพรรคสุสานโบราณ เย่เทียนเฉินพบว่าด้านในไม่ได้มืดเลย กลับสว่างมากด้วยซ้ำ เนื่องจากบริเวณผนังถ้ำมีไข่มุกราตรีจำนวนมาก ดูสวยงามและกำลังเปล่งประกายออกมา ทำให้พรรคสุสานโบราณสว่างราวกับกลางวัน ช่วยประหยัดพลังพิเศษที่รวบรวมอยู่บริเวณดวงตาของเย่เทียนเฉินไปได้
ถึงแม้ว่าภายในพรรคสุสานโบราณจะสวยงามและไม่ได้มีบรรยากาศอึมครึมเยือกเย็นอะไร แต่เย่เทียนเฉินก็ไม่กล้าลำพองใจ จะอย่างไรเขาก็ไม่คุ้นเคยกับด้านในพรรคสุสานโบราณ นี่นับว่าเขาบุกเข้ามา เมื่อบุกเข้ามาก็ต้องพบกับอันตรายจำนวนมาก และตอนนี้ยังต้องแบกตงฟางเมิ่งเอาไว้ด้วย จำเป็นต้องระวังให้มาก
เดินข้ามสะพานเล็กๆ นั้นไป เข้าไปในสถานที่ที่ดูกว้างขวางแห่งหนึ่ง ที่นั่นเหมือนกับสนามหญ้าอย่างไรอย่างนั้น มีทางเดินเล็กๆ อยู่เส้นทางหนึ่ง ทั้งสองฟากของทางเดินมีดอกไม้และต้นหญ้าอยู่ ดูงดงามมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกมอมเมา ต้องการนอนลงหลับฝันหวานสักครั้งจริงๆ เย่เทียนเฉินเห็นว่าสุดปลายทางของทางเดินเล็กๆ บนสนามย่าแห่งนี้มีของสิ่งหนึ่งที่เหมือนกับทางลอดภูเขา อธิบายให้ชัดเจนก็คือเป็นช่องหินใหญ่แห่งหนึ่งเหมือนกับประตู ด้านบนมีคำว่าสุสานโบราณเขียนเอาไว้
เย่เทียนเฉินแบกตงฟางเมิ่งเดินไปยังประตูทางเข้าพรรคสุสานโบราณ ที่นี่ถึงจะนับว่าเป็นทางเข้าพรรคสุสานโบราณ ตัวอักษรทรงพลังนั้นทำให้เย่เทียนเฉินที่ได้เห็นรู้สึกกังวลเล็กน้อย จางอีเต๋อได้เล่าเรื่องราวของผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณให้เขาฟังมาแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกประหลาดคนหนึ่ง เจ็บปวดเพราะความรักจึงก่อตั้งพรรคสุสานโบราณขึ้นมา ผู้หญิงที่สามารถคิดค้นคัมภีร์ดรุณีหยกได้ย่อมดูถูกไม่ได้แน่นอน
ทางเข้าพรรคสุสานโบราณไม่มีอะไรเป็นพิเศษ มีแค่ประตูบานใหญ่หนึ่งบานที่เปิด เชื่อว่าคงคิดไม่ถึงว่าจะมีค้นหาที่นี่พบ และไม่แน่ว่าจะเข้าไปได้ง่ายๆ เนื่องจากก้อนหินใหญ่บริเวณประตูไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ และหากต้องการทำลายก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน เชื่อว่าคงเข้ามาลำบาก
เย่เทียนเฉินไม่ได้คิดอะไรมาก แบกตงฟางเมิ่งเดินเข้าไปในพรรคสุสานโบราณ หลังจากที่เข้าไปเขาถึงค่อยพบว่าภายในของพรรคสุสานโบราณมีไข่มุกราตรีอยู่ทุกที่ ในโลกของคนธรรมดาสิ่งนี้นับว่าหาค่าไม่ได้
ไม่ผิดจากการคาดเดาของเย่เทียนเฉิน ภายในพรรคสุสานโบราณมีห้องสำหรับจัดเก็บศพอยู่ทุกที่ นี่เป็นห้องเก็บศพในภูเขาที่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าด้านในมีโลงศพอยู่จำนวนมาก แต่ในโลงศพไม่ได้มีศพหรือกระดูกอะไรอยู่ ของเหล่านี้ถูกคนของพรรคสุสานโบราณกำจัดไปนานแล้ว เมื่อเทียบกับห้องเก็บศพหินแต่ละห้องที่ทำให้ผู้คนรู้สึกพิเศษ เย่เทียนเฉินยังรู้สึกปวดหัวกับการหาคัมภีร์มากกว่า ห้องมากมายขนาดนี้ เป็นห้องไหนกันแน่ที่มีเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกอยู่? หากต้องหาไปทีละห้อง ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปีกี่เดือนถึงจะหาพบ
เมื่อคิดถึงตรงนี้เย่เทียนเฉินก็ไม่มีหนทางอีก ทำได้เพียงหยิบแผนที่หนังแกะที่จางอีเต๋อมอบให้เขาออกมา บนแผนที่หนังแกะแผ่นนี้ไม่ได้บันทึกสิ่งของภายในห้องลับของพรรคสุสานโบราณเอาไว้ แต่กลับมีสัญลักษณ์อยู่จำนวนหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่จางอีเต๋อนำมาบอกเย่เทียนเฉินตามความทรงจำของตนหลังจากที่ถูกช่วยเอาไว้และใช้ชีวิตอยู่ในพรรคสุสานโบราณมาหลายเดือนก่อนจะออกมา สัญลักษณ์เหล่านี้แสดงถึงส่วนสำคัญคร่าวๆ ในพรรคสุสานโบราณ และยังมีสถานที่ต้องห้ามบางแห่งที่ไม่อนุญาตให้คนธรรมดาเข้าไป กระทั่งเขาเองก็ไม่ได้เข้าไป
เย่เทียนเฉินคิดว่าในสถานที่ต้องห้ามที่จางอีเต๋อทำสัญญลักษณ์ไว้พวกนี้คงจะมีห้องลับที่มีเคล็ดวิชาการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกของพรรคสุสานโบราณอยู่แน่ นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจให้คนทั่วไปได้พบเห็น ถ้าเช่นนั้นห้องลับที่ถูกทำสัญลักษณ์ด้วยสีแดงอื่นๆ ล่ ด้านในจะมีอะไรอยู่?
เมื่อลองนับดู พบว่าห้องลับที่ถูกทำสัญลักษณ์สีแดงเอาไว้บนแผนที่หนังแกะมีทั้งหมดห้าห้อง สถานที่ทั้งห้านี้ ห้องลับไหนกันแน่ที่มีเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในคัมภีร์ดรุณีหยกอยู่? และห้องลับที่ถูกทำสัญลักษณ์สีแดงห้องอื่นๆ จะมีอะไรอยู่ด้านใน? จะมีอันตรายอยู่หรือเปล่า?
“ท่าทางคงไม่มีวิธีอื่น ทำได้แค่หาไปทีละห้องแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดออกมาอย่างทอดถอนใจ
แบกตงฟางเมิ่งขึ้นหลังอีกครั้ง เย่เทียนเฉินใคร่ครวญครู่หนึ่ง ตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้ด้านขวาและด้านซ้ายมีห้องลับที่ถูกทำสัญลักษณ์เอาไว้สองห้องพอดี สิ่งแรกที่เย่เทียนเฉินคิดจะทำก็คือใช้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ของตนไปสำรวจภายในห้องลับที่ถูกทำสัญลักษณ์สีแดงทั้งสองฝั่งว่ามีอะไรอยู่กันแน่ เพียงแต่ในตอนที่เขาแผ่พลังพิเศษแห่งการรับรู้ออกไป ถึงกับไม่สามารถมองทะลุห้องลับทั้งสองด้านได้โดยสิ้นเชิง เหมือนกับมีพลังบางอย่างมาปิดกั้นเอาไว้ ท่าทางผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณคงคิดรอบด้านจริงๆ และมีความเข้าใจในเคล็ดวิชาลับต่างๆ ด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเพิ่มความแข็งแกร่งในห้องลับ ไม่ยอมให้ใครตรวจหาของด้านในง่ายๆ
“ทำได้แค่เข้าไปดูด้วยตัวเองแล้ว มิน่าล่ะจางอีเต๋อถึงบอกว่าการจะหาเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่ใช่เรื่องง่าย ที่แท้ก็ยากตรงนี้!” เย่เทียนเฉินพูดออกมาอย่างจนใจ
พรรคสุสานโบราณกว้างมาก ด้านในมีห้องหินอยู่จำนวนไม่น้อย บางทีเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกอาจจะอยู่ในห้องลับที่ถูกทำสัญลักษณ์สีแดงทั้งห้าห้องนี้ หรือบางทีอาจจะไม่ใช่ หากใช่ แค่เพียงเดินไปหาในห้องลับทั้งห้าห้องนี้ก็พอ หากไม่ใช่ก็ลำบากแล้ว…
……………………