ตอนที่ 123 ไม่ลงมือฆ่าคน แต่ในใจย่อมคิด
“นี่กลับ…” ลั่วซิงเฉินพลันคิดได้ขึ้นมา
เยี่ยเม่ยอธิบายต่อ “หากเป่ยเฉินอี้คิดแต่งกับนางคงแต่งไปนานแล้วไม่มีทางรอมาถึงวันนี้ นางทำรูปออกมาให้ร้ายข้ากับเป่ยเฉินอี้ เขาไม่เกลียดนางอย่างถึงที่สุดก็นับว่าไม่เลวแล้ว แล้วเขายังจะแต่งงานกับนางอีกรึ”
ลั่วซิงเฉินพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ดังนั้นไม่ช้านางก็จะกลายเป็นตัวตลกของคนทั่วเมืองหลวง”
เยี่ยเม่ยถอนหายใจ วิจารณ์ว่า “ในยุคสมัยนี้ ทำลายชื่อเสียงก็เท่ากับทำลายชีวิตคน น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่คนใส่ใจชื่อเสียงนัก แต่เซี่ยชูมั่วย่อมต่างออกไปแล้ว…”
นางลูบคางถามลั่วซิงเฉินว่า “เจ้าว่านางจะอับอายจนฆ่าตัวตายหรือไม่ ถ้านางฆ่าตัวตายจริง คำกำชับกำชาหนักหนาของจงซานก็ไม่เสียเปล่าหรอกหรือ”
ลั่วซิงเฉินตัวสั่นไปเล็กน้อย สตรีช่างอำมหิตนัก
ปากพูดเหมือนกังวลว่าเซี่ยชูมั่วจะตายแล้ว แต่จากน้ำเสียงคล้ายไม่ใส่ใจสักนิดเดียว ทั้งยังเฝ้ารออีกด้วย
ในเวลานี้เองอวี้เหว่ยเดินเข้ามา หลังจากเข้ามาก็เอ่ยปากว่า “พระชายา กระจายของพวกนี้ออกไปหมดแล้ว ดูท่าคนจำนวนไม่น้อยกำลังวิจารณ์เซี่ยชูมั่ว ยังมีเรื่องน่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ เช้าตรู่วันนี้ เซี่ยชูมั่วเที่ยวส่งเทียบเชิญไปให้เหล่าสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวง เชื้อเชิญพวกนางมาชมบุปผาในจวนนาง”
เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ อวี้เหว่ยลอบปาดเหงื่อแทนเซี่ยชูมั่ว รายงานต่อว่า “ภาพพวกนี้กระจายออกไป คงไม่มีใครยอมไปร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาของนางแล้ว”
ไม่ว่าอย่างไรชื่อเสียงเน่าเหม็นของเซี่ยชูมั่วย่อมต้องเลื่องลือไปทั่ว เหล่าคุณหนูทั้งหลายใครยังจะกล้าคบหากับนางอีกเล่า หรืออยากให้ผู้อื่นคิดว่าพวกนางก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับเซี่ยชูมั่ว ออกไปทำเรื่องต่ำช้าไร้ยางอายกับบุรุษภายนอกกัน สหายย่อมมีลักษณะนิสัยเหมือนๆ กัน
คิดแล้วต่อให้มีคุณหนูคนไหนยอมร่วมงาน แต่ว่ามารดาของพวกนางก็ไม่มีทางตกลงแน่
เยี่ยเม่ยชะงักเล็กน้อย จู่ๆ ก็ยิ้มออก มองอวี้เหว่ย “ส่งเทียบของข้าออกไป บอกว่าคนที่เซี่ยชูมั่วเชื้อเชิญไปร่วมงานชมบุปผาวันพรุ่งนี้ ขอเพียงไม่ป่วยจนเกือบสิ้นลมหายใจต้องไปร่วมงานให้หมด ไม่เช่นนั้นเท่ากับไม่ไว้หน้าข้า…ไม่สิ ไม่ไว้หน้าองค์ชายสี่”
ภาพลักษณ์ของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนในใจของคนในราชสำนักเป่ยเฉินเป็นอย่างไร ใช้คำว่าปีศาจยังอธิบายไม่ได้เลย เป็นราชาปีศาจชัดๆ หากบอกว่าไม่ไปร่วมงานเท่ากับไม่ไว้หน้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ใครยังกล้าไม่ไปอีก
อวี้เหว่ยกลับไม่เข้าใจ ถามว่า “แต่พระชายา ทำไมพวกเราต้องทำเช่นนี้ด้วย เซี่ยชูมั่วจัดงานเลี้ยงชมบุปผา ไม่มีใครยอมไป นั่นไม่ใช่เรื่องดีหรือ เช่นนี้ก็เท่ากับฉีกหน้านางได้ ทำไมท่านต้องช่วยให้นางได้หน้า สั่งให้ทุกคนต้องไปร่วมงานด้วย”
เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา “เรื่องง่ายมากไม่ใช่หรือ เมื่อนางเห็นของที่แพร่ออกไปอยู่ภายนอกต้องร้อนรนจนแทบคลั่ง เมื่อร้อนถึงเพียงนี้แล้วยังต้องแบ่งสมาธิมาจัดการเรื่องงานชมบุปผาอีก วันนี้ต้องเตรียมการทั้งหมด พรุ่งนี้ยังต้องต้อนรับคุณหนูทั้งหลายที่แสร้งยิ้มแย้มยินดี ในใจนางคงจะร้อนรนไม่สงบไม่ใช่หรือ”
“นี่ก็ถูก…” อวี้เหว่ยพยักหน้าเห็นด้วย
เยี่ยเม่ยอธิบายต่อ “อีกอย่าง วันนี้เมื่อทุกคนได้เห็นภาพ พรุ่งนี้งานเลี้ยงชมบุปผาเมื่อได้พบเซี่ยชูมั่ว ยังจะตีหน้าอย่างไรใส่นางอีกเล่า แต่ละคนยังจะไม่หลบเลี่ยงนางราวพบงูพิษอีกหรือ แต่ว่าเทียบเชิญเซี่ยชูมั่วเป็นคนส่งออกไปเอง ดังนั้นนางก็ได้แต่ร้อนรนกังวลใจสนทนาปราศรัยกับคนพวกนั้น เกรงว่าคงอับอายยิ่งนัก แต่จิตใจก็อ่อนระโหยโรยแรง ไม่ลงมือฆ่าคน แต่ในใจต้องคิดแน่นอน”
ตอนที่ 124 สูงส่งเหนือใคร
ลั่วซิงเฉินตัวสั่นเทิ้ม คิดว่าต่อไปอย่าได้ล่วงเกินเยี่ยเม่ยเด็ดขาด
เยี่ยเม่ยคนเดียวก็โหดร้ายพอแล้ว ยังมีเป่ยเฉินเสียเยี่ยนสามีของนางอีกคน คนโรคจิตบวกกับปีศาจ ใครกล้าหาเรื่องคนนั้นช่างเคราะห์ร้าย
เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ เยี่ยเม่ยมองอวี้เหว่ยสั่งการว่า “จริงสิ ส่งข่าวไปที่จวนเซี่ยชูมั่วด้วย งานเลี้ยงชมบุปผาพรุ่งนี้ข้าจะไปร่วมด้วย”
อวี้เหว่ย “หา?”
ในขณะที่อวี้เหว่ยกำลังฉงน เยี่ยเม่ยเอ่ยออกมาด้วยท่าทางสบายๆ คลายความสงสัยของเขา “เมื่อได้ฟังว่าข้าจะไปร่วมงานด้วย เซี่ยชูมั่วต้องกลัวมาก คืนนี้คงนอนไม่หลับแล้วกระมัง”
ลั่วซิงเฉิน “…” งูพิษ งูพิษชัดๆ
ทำให้ผู้อื่นต้องจัดงานเลี้ยงให้ได้ก่อน การจัดงานเลี้ยงชมบุปผามีพวกบ่าวไพร่ทำงานใช้แรง แต่ว่าเซี่ยชูมั่วก็ต้องสิ้นเปลืองความคิดไม่น้อย วันนี้คงเตรียมงานจนเหน็ดเหนื่อย ตกดึกหวังว่าจะได้พักผ่อนเร็วหน่อย ผลก็คือพออีกฝ่ายรู้ว่าเยี่ยเม่ยจะไปร่วมงาม เซี่ยชูมั่วย่อมไม่เข้าใจเป้าหมายที่เยี่ยเม่ยจะไปร่วมงาน เมื่อคิดว่าตนเองล่วงเกินเยี่ยเม่ย คราวนี้จะนอนอย่างไรก็คงหลับไม่ลงแล้ว
พรุ่งนี้เช้ายังต้องใช้แรงใจเผชิญหน้ากับสตรีสูงศักดิ์กลุ่มใหญ่ที่เปลือกนอกเสแสร้งยิ้มแย้ม แต่ในใจเยาะเย้ยนางอีก หลังจากเยี่ยเม่ยไปร่วมงานแล้ว ยังตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องรูปภาพที่แพร่ออกไป เดิมทีเซี่ยชูมั่วก็อับอายจนอยากตายแล้ว
อวี้เหว่ยพยักหน้า “ขอรับ ข้าน้อยจะไปส่งข่าวเดี๋ยวนี้”
อวี้เหว่ยกล่าวจบก็รีบสาวเท้าออกไปจากเรือน
ลั่วซิงเฉินยืนตัวสั่นอยู่ด้านข้าง
เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา พลันถามว่า “จริงสิ ลั่วซิงเฉินได้ยินว่าระยะนี้เจ้าทำงานส่งข่าวให้ข้า รู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจนัก หลายวันก่อนเจ้าช่วยข้ารื้อของออกมาจากห้องซือหม่าหรุ่ย เจ้ารู้สึกว่าทำลายภาพลักษณ์ของเจ้านักรึ?”
“ไม่” ลั่วซิงเฉินรีบส่ายหน้า แก้ตัวทัน “ท่านไปฟังใครพูดกัน ล้วนเป็นข่าวลือทั้งนั้น ข้าไม่เต็มใจที่ไหน ข้าเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง แล้วก็ไม่ได้ทำลายภาพลักษณ์ข้าเลย ภาพลักษณ์ของข้าช่วยงานท่านได้ก็ถือว่าเป็นเกียรติสูงส่งเหนือใคร”
เมื่อเห็นจุดจบของเซี่ยชูมั่วแล้ว เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากมีเรื่อง มีชีวิตอยู่ไม่ดีหรืออย่างไรกัน จะเป็นปรปักษ์กับเยี่ยเม่ยหาเรื่องใส่ตัวไปเพื่ออะไร
ก็แค่งานส่งข่าวเท่านั้น เรื่องเล็กแค่นี้ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง
เยี่ยเม่ยพยักหน้า กล่าวด้วยความพอใจ “ในเมื่อเจ้ายินดี ข้าก็วางใจแล้ว”
“วางใจ วางใจ เจ้าต้องวางใจนะ อย่าได้คำนึงถึงข้านักเลย ขอบคุณมากแล้ว” หากถูกคำนึงถึงแล้ว วันพรุ่งนี้ของเขาก็คงเป็นเหมือนเซี่ยชูมั่วในวันนี้
เยี่ยเม่ยพักหน้า “อืม งั้นก็ดี เจ้าออกไปได้”
ลั่วซิงเฉินรีบเอ่ยปาก “ขอรับ ข้าน้อยยินดีและเต็มใจจากไป ท่านอย่าได้ฟังผู้อื่นเอ่ยวาจาเหลวไหลจนเข้าใจข้าผิดไปเชียว ไม่ว่าท่านจะสั่งการใด ข้าน้อยล้วนเต็มใจยิ่ง เต็มใจใช้ชีวิตเพื่อทำงานให้ท่าน”
เมื่อประจบเสร็จ ลั่วซิงเฉินก็รีบเผ่น หวังว่าคำพูดของตนในวันนี้จะมีประโยชน์ เยี่ยเม่ยไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นกับตน
…
ตำหนักเขาหลิงซาน
เฉิงเสี่ยวจวนเล่าเรื่องที่พบให้กับเสินเซ่อเทียนฟัง
เสินเซ่อเทียนสีหน้าสงสัย ถามว่า “มั่นใจว่าเป็นเซียวเซ่อหยางกับโอวหยางเทาหรือ”
เฉิงเสี่ยวจวนรายงาน “ข้าน้อยค่อนข้างมั่นใจมาก เพราะว่ากระบี่และดาบของพวกเขาไม่ใช่ของธรรมดา ดูท่าจะเป็นสองคนนี้ไม่ผิดแน่ ส่วนคนที่ร่วมเดินทางกับพวกเขายังเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง มีวรยุทธ์เหนือกว่าพวกเขา ทิศทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปก็คือที่ตั้งเดิมของราชสำนักจงเจิ้ง”