ตอนที่ 43 มือกระบี่ไร้นาม

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 43

มือกระบี่ไร้นาม

 

“ท่านอาวุโส ท่านคิดจะสังหารศิษย์ของข้าหรืออย่างไร”อาจารย์ลี่เห็นท่าไม่ดีเลยกล่าวท้วงอาวุโสเทียนหมิงขึ้นมาเสียก่อน เพราะการให้ไป๋จูเหวินประลองกับคนระดับอู๋หมิงจะไม่ต่างจากส่งมันไปตายได้อย่างไร

“ไร้สาระ นี่เป็นการประลองฝีมือ จะฆ่าแกงกันได้อย่างไร”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางถอยออกมาจากคู่ประลองทั้งสองที่มันจัดขึ้นมาอย่างกระทันหันราวกับจะบอกว่าให้ทั้งสองเริ่มประลองกันได้

ฟุบ! พริบตานั้นคนที่เริ่มเข้าจู่โจมกลับเป็นไป๋จูเหวินเสียเอง เพราะอีกฝ่ายมีพลังมากกว่ามันจึงไม่อาจประมาทได้

เคร๊งๆๆ ฝ่ามือของไป๋จูเหวินซัดออกไป 3 ฝ่ามือติดอย่างรวดเร็วจนคนอื่นๆมองตามกันไม่ทัน มีเพียงอาวุโสเทียนหมิงและอู๋หมิงผู้ใช้กระบี่รับฝ่ามือของไป๋จูเหวินเอาไว้เท่านั้นที่มองเห็นฝ่ามือทั้งสามนี้ ความเร็วของฝ่ามือประกายอัสนีกลับเร็วจนอู๋หมิงแทบไม่เชื่อสายตา มันไม่คาดคิดเลยว่าไป๋จูเหวินที่ระดับพลังเพียงผลึกวิญญาณขั้น 3 กลับโจมตีได้รวดเร็วขนาดนี้ แถมฝ่ามือของมันยังแข็งเสียจนคมกระบี่ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่างหาก

ฟุบๆๆ เห็นอีกฝ่ายโจมตีมา 3 ครั้งอู๋หมิงก็โจมตีกลับไป 3 ครั้งเช่นกัน เพียงแต่กระบี่ของมันกลับโดนอีกฝ่ายหลบหลีกได้อย่างง่ายดายทำให้อู๋หมิงรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง

“น่าสนใจ”อู๋หมิงยิ้มพลางกำด้ามกระบี่แน่นกว่าเดิม มิน่าเล่าอาจารย์ถึงบอกให้มันเอาจริงกับไป๋จูเหวินเพราะมันมีความสามารถอยู่พอตัวนี่เอง

กระบี่ของอู๋หมิงยามนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อนมาก แถมยังรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมเสียอีก เพียงแต่ดวงตาของไป๋จูเหวินยังสามารถมองเห็นกระบี่ของอู๋หมิงได้ทำให้หลบหลีกได้เรื่อยๆเพียงแต่….

เคร๊ง! อยู่ๆไป๋จูเหวินก็หลบกระบี่ของอู๋หมิงไม่ได้ราวกับโดนต้อนเสีนจนหมดหนทางหนี สุดท้ายมันจึงต้องผลักกระบี่ของอีกฝ่ายออกไปด้วยฝ่ามือที่ซัดเพียงครั้งเดียว

ขณะเดียวกันอาวุโสเทียนหมิงที่ดูอยู่ภายนอกก็มีสีหน้าพออกพอใจเป็นอย่างมาก ปกติแล้วเพียงวาดกระบี่โดยไร้กระบวนท่าอู๋หมิงก็สามารถจัดการคู่ต่อสู้ที่เป็นคนระดับผลึกวิญญาณได้อย่างง่ายดายแล้ว ต่อให้เป็นระดับหลอมรวมนภาเช่นกันก็ไม่ใช่จะรับมือง่ายๆ แต่ไป๋จูเหวินกลับสามารถทำให้อู๋หมิงเริ่มใช้วิชากระบี่ออกมาได้แล้ว

วิชาที่ตนสั่งสอนให้อู๋หมิงไปนั้นคือวิชากระบี่ที่ทำให้มันเลื่องชื่อมาจนถึงปัจจุบัน แม้อู๋หมิงจะพึ่งเรียนได้แค่ครึ่งเดียวแต่ก็สามารถทำให้มันเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีพลังมากกว่าได้มากมาย เคล็ดวิชาที่มันใช้ออกมาแม้ดูเหมือนฟาดฟันกระบี่อย่างเรียบง่ายแต่กลับเป็นการล้อมศัตรูที่ถนัดวิชาทางด้านหลบหลีกเป็นหลัก โดยวิชาดังกล่าสงจะเน้นการอ่านกระบวนท่าศัตรูและโจมตีดักทางที่อีกฝ่ายจะหลบหลีกไปจนไม่สามารถหลบหลีกได้ในที่สุด

“กระบี่ฟันไม่เข้า?”เหล่าผู้ชมที่มองอยู่รอบๆไม่สามารถเข้าใจวิชากระบี่ของอู๋หมิงได้ แต่พวกมันกำลังมองฝ่ามือของไป๋จูเหวินด้วยสีหน้าตกตะลึง เมื่อครู่มันไม่ทราบว่าเสียงโลหะกระทบกันมาจากไหน แต่พอเห็นชัดตาว่าเป็นฝ่ามือของไป๋จูเหวินเองที่ซัดใส่กระบี่ของอู๋หมิงพวกมันถึงได้เข้าใจทันทีว่าเหตุใดอาวุโสเทียนหมิงถึงไม่เปลี่ยนกระบี่ของอู๋หมิงเป็นกระบี่ไม้

เคร๊งๆ ไป๋จูเหวินพยายามหลบกระบี่อยู่อีกหลายครั้ง แต่ต้องยอมรับความแม่นยำของอู๋หมิงมีมากกว่าความสามารถหลบหลีกของไป๋จูเหวินจริงๆเพียงไม่นานไป๋จูเหวินก็ไม่สามารถหลบกระบี่ของอู๋หมิงได้แม้สายตาจะมองทันก็ตาม

“ติดกับแล้ว”อาวุโสเทียนหมิงพูดพลางยิ้มออกมา เมื่อคู่ต่อสู้ตัดสินใจจะไม่หลบนั่นถือว่าวิชากระบี่ของอู๋หมิงจะเริ่มสำแดงเดชแล้ว

วูบ! อยู่ๆพลังวิญญาณของอู๋หมิงก็พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เคร๊งๆๆๆๆๆ กระบี่ในมืออู๋หมิงฟันลงมาอย่างไร้ปรานี แถมยังรวดเร็วจนคนดูในสนามอ้าปากค้าง แถมไป๋จูเหวินที่เป็นคู่ต่อสู้ยังได้แต่ตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่างหาก

ไม่มีโอกาสโต้กลับ นั่นคือเป้าหมายวิชากระบี่ของอาวุโสเทียนหมิง ทันทีที่เริ่มโจมตีกระบี่ในมือของอู๋หมิงก็ราวกับจะระดมฟันใส่ไป๋จูเหวินอย่างไม่หยุดพัก ท่วงท่าวิชากระบี่ของอาวุโสเทียนหมิงเป็นท่วงท่าที่ต่อเนื่องและสามารถพลิกแพลงได้นับร้อยนับพันแบบ ไม่ว่าไป๋จูเหวินจะเปลี่ยนท่าไปทางไหนอู๋หมิงก็สามารถเคลื่อนไหวตามไปได้

เคร๊งๆๆ ไป๋จูเหวินพยายามซัดฝ่ามือออกไปเพื่อหยุดการโจมตีของอีกฝ่าย แต่ยังไม่ทันซัดออกไปข้อมือของมันก็โดนหวดด้วยกระบี่จนไม่สามารถโจมตีได้ด้วยซ้ำ ยามนี้ได้แต่บอกว่าไป๋จูเหวินโชคดีจริงๆที่มีผิวหนังแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปไม่อย่างนั้นทั่วร่างของมันคงมีแต่รอยกระบี่เต็มไปหมดแล้ว

วินาทีนั้นดวงตาของไป๋จูเหวินทอประกายจ้า ความรู้สึกเช่นนี้เองที่มันต้องการมาตลอดในการประลอง ความรู้สึกที่ตนกำลังตกเป็นรองนั่นเอง

บึม! อยู่ๆไป๋จูเหวินก็ปลดปล่อยพลังอสูรออกมา ยามนี้ในร่างของมันมีแก่นอสูรและแก่นวิญญาณหมุนวนอยู่ด้วยกัน ยิ่งพลังวิญญาณของมันเพิ่มเท่าใดพลังอสูรก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ยามนี้พลังอสูรของมันอยู่ที่ระดับ เงิน ขั้น 9 เรียกได้ว่าแค่พลังอสูรอย่างเดียวก็ตีเสมออู๋หมิงที่อยู่ระดับหลอมรวมนภาขั้น 10 ได้แล้ว

ฝ่ามือที่ไป๋จูเหวินซัดออกมาทำเอาพายุกระบี่ของอู๋หมิงหยุดชะงักลง คราวนี้แม้แต่อาวุโสเทียนหมิงยังอึ้งกับภาพที่เห็น ตัวมันไม่ใช่นักล่าอสูรจึงไม่สามารถสัมผัสได้ว่าพลังอสูรในร่างของไป๋จูเหวินมีมากมายเพียงใด แต่ที่มันเคยสัมผัสมานักล่าอสูรส่วนใหญ่จะมีพลังอสูรต่ำกว่าหรือเทียบเท่าพลังวิญญาณ แม้แต่หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรก็ยังมีพลังอสูรเทียบเท่าพลังวิญญาณเท่านั้น แต่นี้อะไร เด็กหนุ่มคนนี้ถึงกับมีพลังอสูรพอๆกับผู้มีพลังวิญญาณระดับหลอมรวมนภาขั้น 9 ทั้งๆที่พลังวิญญาณยังอยู่เพียงระดับผลึกวิญญาณขั้น 3

“ไม่สิ มันเลื่อนเป็นขั้น 4 แล้ว”อาวุโสเทียนหมิงพึมพำหลังจากมองพลังของไป๋จูเหวิน พลังวิญญาณของไป๋จูเหวินยามนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับพยายามจะตามให้ทันพลังอสูรในร่าง แต่ถึงอย่างนั้นยามนี้พลังของไป๋จูเหวินกลับมากมายเสียยิ่งกว่าอู๋หมิงเสียอีก

“เจ้า…”อู๋หมิงตกตะลึงทันทีเมื่อเห็นพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของไป๋จูเหวิน ยามนี้สีหน้าสบายๆของอู๋หมิงเปลี่ยนแปลงไปทันที ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นศัตรูที่มีพลังทัดเทียมกันตัวมันเองก็ไม่คิดจะประลองกันเล่นๆอีกแล้ว

เคร๊ง! ทันทีที่ฝ่ามือและกระบี่กระทบกัน กลับเป็นฝ่ายอู๋หมิงทึ่กระบี่สั่นสะเทือนจนคุมแทบไม่อยู่ ยามนี้เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังของไป๋จูเหวินมีมากกว่า

เคร๊งๆๆๆ ราวกับภาพเหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นฝ่ายไป๋จูเหวินเองที่ระดมฝ่ามือใส่อู๋หมิงแทน แต่น่าเสียดายที่นอกจากฝ่ามือประกายอัสนีแล้วไป๋จูเหวินไม่มีวิชาใดเลยที่โดดเด่นจากวิชาสามัญเลย ฝ่ามือที่ซัดมาอย่างต่อเนื่องแม้จะเปี่ยมพลังกลับเต็มไปด้วยจุดอ่อน

เคร๊ง แม้จะมีพลังมากกว่าแต่ไม่นานความสามารถด้านวิชาต่อสู้ของอู๋หมิงก็เริ่มแสดงความต่างชั้นออกมา ตัวอู๋หมิงฝึกฝนวิชากระบี่อันยอดเยี่ยมมาครึ่งหนึ่งแล้วไม่เหมือนไป๋จูเหวินที่ฝึกฝนมาเพียงกระบวนท่าเดียว

เคร๊งๆ ปึก! ฝ่ามือประกายอัสนีของไป๋จูเหวินยามนี้ราวกับเป็นตัวช่วยค้ำจุนไป๋จูเหวินเอาไว้ แม้ฝ่ามือธรรมดาจะโดนป้องกันเอาไว้ได้จนหมด แต่ฝ่ามือประกายอัสนียังสามารถฝ่าเข้าไปโจมตีร่างกายของอู๋หมิงได้บ้าง อย่างน้อยก็สร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายได้ แต่ดูเหมือนฝ่ามือประกายอัสนีจะเบาเกินไป ทำให้อีกฝ่ายไม่หยุดชะงักเสียด้วยซ้ำ

“เสร็จล่ะ”อู๋หมิงว่าพลางปาดกระบี่ใส่ข้อมือของไป๋จูเหวินจนแขนของมันกางออกไปเปิดร่างกายครึ่งหนึ่งจนโล่ง ยามนี่เป็นวินาทีที่อู๋หมิงจะโจมตีใส่ร่างของไป๋จูเหวินได้

ฟุบ! กระบี่ของอู๋หมิงแทงใส่อกของไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว แม้จะมีผิวหนังที่แข็งแรงเช่นไรก็ไม่สามารถลบความเสียหายออกไปได้หมด เมื่อถูกกระบี่แทบใส่ตรงๆย่อมต้องได้รับความเสียหาย

วูบ….วินาทีนั้นไป๋จูเหวินเลื่อนมืออีกข้างมารับกระบี่เอาไว้ทำให้ปลายกระบี่แทงเข้าใส่มือของมันพอดิบพอดี ชั่วพริบตานั้นวิชาหนึ่งของท่านน้าจิ้งจอกก็ไหลเข้ามาในสมองพร้อมแสดงออกมาราวกับตอนที่มันใช้ฝ่ามือประกายอัสนีไม่มีผิด

“….”แม้แต่อู๋หมิงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่กำลังที่มันส่งลงไปบนกระบี่ก็ราวกับทะลุผ่านไป๋จูเหวินไปเฉยๆ ไม่ว่าจะออกแรงดันเท่าไหร่ก็ไม่สามารถขยับกระบี่ไปได้ไกลกว่านี้เลย

ผั๊ว! เพราะอีกฝ่ายตกตะลึงอยู่ไป๋จูเหวินจึงได้โอกาสโจมตีคืน พริบตานั้นฝ่ามือประกายอัสนีซัดใส่อกของอู๋หมิงอย่างจังทำเอามันถอยไปหลายก้าว แต่สมกับเป็นยอดฝีมือ เพียงโดนไปฝ่ามือเดียวก็หายตะลึงกลับมารับมือไป๋จูเหวินได้อีกครั้ง เพียงแต่

วูบ…. ทันทีที่อู๋หมิงโจมตีกระบี่ของมันก็โดนฝ่ามือของไป๋จูเหวินหยุดเอาไว้ด้วยวิชาแปลกประหลาดนั่นอีกครั้ง ก่อนจะโดนไป๋จูเหวินซัดกลับไปอีกที

“สมแล้วที่เป็นวิชาของท่านน้า”ไป๋จูเหวินว่าพลางผ่อนลมหายใจออกมา วิชาที่มันสามารถใช้ออกมาได้เมื่อครู่เป็นวิชาของท่านน้าจิ้งจอกเรียกว่า หิมะละลายกลางนภา เป็นวิชาที่ใช้รับอาวุธหรือการโจมตีของศัตรูโดยตรง และครี่คลายความรุนแรงของศัตรูเสียหมดสิ้นจนดูราวกับศัตรูไม่สามารถส่งแรงผ่านการโจมตีนั้นๆมาได้

น่าแปลกวิชาที่เข้าใจยากและต้องใช้ความละเอียดอ่อนอย่างมากวิชานี้กลับสามารถใช้ออกมาได้เมื่อยามคับขันเช่นนี้ทั้งๆที่ยามปกติไป๋จูเหวินพยายามทำความเข้าใจเท่าใดก็ไม่สามารถใช้ออกมาได้แท้ๆ