เทพเฟยเหลียนไหนเลยจะมีอารมณ์มาพนันกับนาง จับผมยาวอีกฝั่งที่กำลังยุ่งเหยิงของตนเองอย่างบ้าคลั่ง
“รีบจัดการให้มันดำทั้งหมด! เดี๋ยวนี้! ” เขาขู่คำราม
เสวียนอี่ยกยิ้ม ค่อยๆ เอ่ยขึ้น “หากท่านต้องการตามปรารถนา เหตุใดจึงไม่กล้าเสี่ยงเล่า”
เวลานี้เทพเฟยเหลียนเกรี้ยวกราดมาก เหตุใดผมของเขาฝั่งหนึ่งจึงขาว อีกฝั่งกลับดำ น่าตลกกว่าแต่ก่อนหลายเท่านัก หากไม่จัดการให้เรียบร้อย แม้จะออกจากประตูเขาก็ไม่อาจทำได้ เวลานี้ระงับอารมณ์ไปได้ไม่น้อย พูดขึ้นเสียงต่ำ “ได้! ข้ารับคำเจ้า! แต่ไม่ว่าแพ้หรือชนะ เจ้าต้องจัดการผมให้ข้า! “
เสวียนอี่มองมือเขาที่ยื่นออกมาข้างหนึ่ง “ข้าได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าข้าไม่ได้พูดจาส่งเดช ท่านก็ควรแสดงความซื่อสัตย์เช่นกัน เอาแก่นจันทราสามท่อนมาให้ข้าก่อน หากข้าแพ้ ข้าจะคืนให้”
เฟยเหลียนโกรธจนร่างสั่นเทิ้ม นึกไม่ถึงว่าเขาจะถูกนางเด็กน่าตายนี่ปั่นหัวเล่น!
แก่นจันทราสามท่อนที่กระจ่างใสราวหยาดน้ำตาถูกโยนมาอย่างกระแทกกระทั้น เสวียนอี่รีบรับไว้ในฝ่ามือ ยังไม่ทันได้มองอย่างละเอียดสักนิด เทพเฟยเหลียนก็เอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทน “พูดมา! จะพนันอะไร”
เสวียนอี่นิ่งคิดครู่หนึ่งพูดขึ้น “เรื่องรบราฆ่าฟันข้าไม่ชอบ เรามาเล่นเกมถามตอบง่ายๆ กันเถอะ ข้าถามท่านตอบแข่งกันว่าใครจะมีภูมิรู้กว่ากัน หากท่านตอบถูก ข้าก็แพ้ หากท่านตอบผิด ข้าก็ชนะ ท่านว่าเป็นอย่างไร”
เฟยเหลียนหัวเราะเสียงเย็น “จริงหรือ เจ้าเพิ่งอายุเท่าไหร่เชียว ยังฉลาดได้ไม่เท่าไหร่ นึกว่าตนมีความรู้มากนักหรือ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องกังวล จะตกลง หรือไม่ตกลง”
เทพเฟยเหลียนกลอกตาไปมา “หากข้าตอบผิด ไม่นับว่าเจ้าชนะ เจ้าต้องตอบให้ถูกจึงจะชนะ ไม่อย่างนั้นเจ้าก็แพ้เช่นกัน! “
เสวียนอี่ชำเลืองมองเขา “ไม่คิดเลยว่าท่านจะคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้”
“พูดเหลวไหลให้มันน้อยๆ หน่อย! เจ้าสนใจแค่ถามมาก็พอ” ราวกับเขากลัวว่านางจะรู้ทัน พูดขึ้นอีกว่า “ห้ามถามคำถามแปลกๆ ที่ใครก็ตามตอบไม่ได้! “
เสวียนอี่เอียงคอใช้หัวคิดอย่างหนัก ผ่านไปสักพัก ราวกับคิดเรื่องดีๆ อะไรขึ้นมาได้ ยิ้มขึ้นพลางพูด “ท่านเทพ ข้าได้ยินมาว่าทรายจันทราในอ่างดอกไม้ที่มุมทั้งสี่ในวังวั่งซูนี้ล้วนหลอมขึ้นด้วยพลังเทพของท่าน แล้วที่เมื่อครู่ถูกข้าสลายไปทั้งหมดรวมแล้วมีกี่เกล็ด”
ใบหน้าเฟยเหลียนฉายแววระแวง นางคิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นมาอีก คำถามนี้แม้แต่เซียนหญิงที่เฝ้าประตูอยู่ก็ตอบได้อย่างไม่ลังเล! เทพเจ้าในวังวั่งซูต่างรู้กันทั้งนั้น หลังจากที่เทพเฟยเหลียนกำเนิด ปีหนึ่งจะเสกทรายจันทราหนึ่งเกล็ด ปีนี้เขาอายุสามแสนสองหมื่นปี สะเก็ดทั้งหมดมีสามแสนสองหมื่นเกล็ด
นางเด็กเจ้าเล่ห์คนนี้ต้องหลอกอีกแล้วแน่ๆ !
เขาโบกมือคราหนึ่ง ทรายจันทราที่ถูกทำให้สลายไปเมื่อครู่มาปรากฏตรงหน้า เขามองดูอย่างละเอียด ยังคงไม่ไว้ใจ ชำเลืองมองเสวียนอี่ “เจ้าทั้งหมดยื่นมือออกมา! แบออก! เท้าก็ยกขึ้นด้วย! “
เสวียนอี่อุทาน “ตายแล้ว” สีหน้าเต็มไปด้วยเสียดาย เม้มปากพลางแบมือออกมา พบเพียงทรายจันทราระยิบระยับอยู่ในมือขาวสะอาดของนางหนึ่งเกล็ด
เทพเฟยเหลียนหัวเราะเสียงดัง หยิบทรายจันทราอันนั้นคืนไป พูดอย่างกระหยิ่มใจสุดแสน “ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องเล่นตุกติก! “
เสวียนอี่เม้มปากนิ่งเงียบ
เขายิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ไม่ผิดแน่ ตามนี้นี่แหละ ทรายจันทราที่ถูกเจ้าทำลายเมื่อครู่มีทั้งหมดสามแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าอัน! ข้าชนะแล้ว! รีบจัดการผมข้าเดี๋ยวนี้! “
เสวียนอี่ตาเป็นประกาย พูดเสียงเบา “ท่านผิดอย่างเห็นได้ชัด จะชนะได้อย่างไร”
เฟยเหลียนโกรธขึ้นมาทันที ปาทรายจันทราในตำหนักอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง “อย่าคิดว่าเจ้ายังเยาว์ขนาดนี้แล้วยังเป็นเด็กแบบนี้แล้วข้าจะไม่กล้าทำร้ายเจ้า! หลักฐานก็เห็นอยู่ทนโท่ต่อหน้า ศิษย์พี่ทั้งสองของเจ้าก็เป็นพยานได้! เจ้ายังคิดจะเล่นลูกไม้หน้าด้านๆ อีกหรือ?! “
เสวียนอี่พูดเสียงเรียบ “ข้าบอกว่าท่านผิด ก็คือผิด หากไม่เชื่อท่านก็จงลูบผมของท่านตรงด้านล่างหูซ้ายลงไปสองชุ่น [1] อย่างละเอียดสิ”
เฟยเหลียนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ผลคือเมื่อลูบไปมาอยู่ไม่กี่รอบ จู่ๆ ราวกับว่าสัมผัสถูกอะไรสักอย่าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที รีบชักมือกลับมา กลับพบว่าระหว่างนิ้วมีทรายจันทรารวมอยู่ในหมอกสีดำ นางถึงกับซ่อนไว้อีกสองเกล็ด! อันหนึ่งจงใจซ่อนไว้ในมือเพื่อล่อให้เขาติดกับที่ อีกอันกลับใช้พลังมืดของจู๋อินซ่อนไว้ในผมของเขา!
“ดังนั้น ที่ถูกข้าทำลายไปทั้งหมดควรมีสามแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบแปดอัน เทพเฟยเหลียน ข้าชนะแล้ว” เสวียนอี่ยิ้มพลางยื่นมือออกไป “ตามที่พนันกันไว้ เอาผมท่านมาให้ข้าสามเส้น”
สีหน้าเทพเฟยเหลียนไม่เคยดูย่ำแย่ขนาดนี้มาก่อน ถลึงตามองนางอย่างเคียดแค้น เดิมทีเขาดูเป็นเทพที่เ**้ยมโหดอยู่แล้ว มาตอนนี้ยิ่งดูเ**้ยมโหดกว่าเดิมมากจนเห็นได้ชัด
เสวียนอี่คล้ายกับมองไม่เห็น เอ่ยเตือนเขาเนิบๆ “ท่านเทพ เส้นผม”
เดิมทีกู่ถิงคิดว่าอย่างน้อยเทพเฟยเหลียนต้องปล่อยสายฟ้าฟาดลงมาด้วยความโกรธเกรี้ยว หรือที่ขาดไปไม่ได้เลยคือคำรามใส่สักสองที แต่ใครจะรู้ เขากลับไม่พูดอะไร ส่งผมสามเส้นให้เสวียนอี่อย่างสงบ
เสวียนอี่ทำเพียงส่งเส้นหนึ่งให้แก่กู่ถิง เหลือผมสีเงินสองเส้นที่กระดิกแม้ไร้ลมพันอยู่รอบนิ้ว เอ่ยขึ้นยิ้มๆ “ท่านเทพมีน้ำใจเช่นนี้ ขอบพระคุณมาก”
นางมองไปนอกวังแวบหนึ่ง “ศิษย์พี่กู่ถิง สายมากแล้ว เชิญท่านกลับไปตามคำสั่งท่านอาจารย์ก่อนเถิด ข้าจัดการผมของท่านเทพให้เรียบร้อยแล้วจะตามไป”
แต่ว่า นางให้ผมเพียงเส้นเดียวนี่? แต่อาจารย์ต้องการถึงสามเส้น
กู่ถิงยังคงไม่เข้าใจนัก แม้ว่าสิ่งของที่ท่านอาจารย์ต้องการจะนับว่าอยู่ในมือแล้ว เฟยเหลียนคนนี้ยิ่งทวีความแปลกมากขึ้นไปอีก แต่ความจริงทำตามคำสั่งท่านอาจารย์ก็ยังสำคัญที่สุดอยู่ดี เขาจึงหันไปประสานมือทำความเคารพเทพเฟยเหลียน สบตาฝูชางอีกครั้ง บอกเป็นนัยว่าให้เขาตามตนไปด้วยกัน
ฝูชางที่เงียบราวตุ๊กตาไม้มาตั้งแต่ก้าวเข้ามาในวังวั่งซูในที่สุดก็ขยับตัว เพิ่งจะเคลื่อนตัวไปไม่กี่ก้าว ครู่ต่อมาชายแขนเสื้อก็ถูกเสวียนอี่จับไว้แน่น
“ศิษย์พี่ฝูชางรอไปกับข้า” นางยิ้มบาง “ข้าทำครู่เดียวเท่านั้น”
กู่ถิงจึงออกไปก่อนคนเดียว ฝูชางก้มหัวมองนางที่กำลังดึงแขนเสื้อเขาไว้ นางกำไว้แน่นจริงๆ ราวกับใช้แรงทั้งหมดที่มี
เสียงของนางเบายิ่ง “อย่าได้คิดเอาตัวรอดเชียว มีทุกข์เราต้องร่วมกันต้านสิ”
เงียบไปครู่ใหญ่ สุดท้ายเทพเฟยเหลียนก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงฟังดูราบเรียบ “เจ้าตัวน้อย จัดการผมข้าให้เรียบร้อย”
เสวียนอี่รีบปล่อยพลังมืดจู๋อินอย่างคล่องแคล่ว ค่อยๆ ทำให้ผมสีเงินนั้นดำขึ้นๆ จนผมช่อสุดท้ายกลายเป็นสีดำ จึงก้มหน้าลงอยู่ข้างหลังอย่างเชื่อฟัง
เสวียนอี่ถอยหลังไปสองก้าว ประสานมือคารวะ “เรียบร้อยแล้ว ข้อขอตัวก่อนเจ้าค่ะท่านเทพ”
สายตาเทพเฟยเหลียนจ้องมองมาที่นาง จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “เจ้าดีมาก เป็นครั้งแรกที่มีเทพทำให้ข้ายอมดึงผมให้ได้…เจ้ามีนามว่าอะไร”
เสวียนอี่ตอบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ข้าชื่อมังกรช่างพูด”
ครู่ต่อมาพายุคลั่งก็พุ่งเข้ามาอย่างเฉียบคมประดุจใบมีด เสียงเย็นชาของเทพเฟยเหลียนเปล่งออกมาจากกลางพายุ “ข้าไม่เคยทำร้ายคนไร้นามมาก่อน! สาวน้อยตระกูลจู๋อิน! ใครใช้ให้เจ้ามาทำกำเริบเสิบสานต่อหน้าข้าเช่นนี้! วันนี้ข้าจะเหลือมือให้เจ้าข้างหนึ่ง ฝากไว้ก่อนเถอะ! “
เสวียนอี่รีบหลบพายุมีดนั้น จู่ๆ รู้สึกว่ามือเบาโหวง ฝูชางสมควรตายคนนั้นถึงกับสะบัดนางออกแล้วหนีไป!
เขากล้าหนีเอาตัวรอดคนเดียว?!
ท่ามกลางพายุทราย นางมองเห็นเงาสีขาวหิมะชัดเจน รีบวิ่งเข้าหาในทันที ใช้ทั้งมือทั้งเท้าช่วย ตะกายกอดชายหนุ่มไว้แน่น
เทพตระกูลจู๋อินที่กล้าหาญเกินใคร แต่องค์หญิงมังกรประหลาดผู้นี้กำลังใช้ตัวเขาเป็นที่กำบัง!
ฝูชางใบหน้าฉาบทับด้วยน้ำแข็ง พูดเสียงต่ำ “ปล่อย! “
อย่าแม้แต่จะคิดเชียว! บอกแล้วว่ามีทุกข์ร่วมต้านด้วยกัน แม้ว่าจะถูกตี นางก็จะใช้เขาเป็นที่กำบัง!
เสวียนอี่ใช้ปากกัดเสื้อของเขาอย่างแรง
—
[1] ชุ่น หน่วยวัดของจีน เทียบเท่าได้กับนิ้วในระบบเมตริก