ตอนที่ 106 ความจริงยังไม่ถูกเปิดเผย

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 106 ความจริงยังไม่ถูกเปิดเผย

นางจะตอบตกลงได้อย่างไรกัน! ซูหวานหว่านไม่เอ่ยอะไรออกมา สือเป้ยเอ๋อร์จึงเอ่ยออกมาว่า “ข้าคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นเพียงสาวชาวนา คงไม่เคยได้ลิ้มรสอาหารดี ๆ มาก่อน แน่นอนว่าเจ้าก็คงจะไม่รู้ส่วนผสมเครื่องปรุงอาหารในเมืองด้วยเช่นกัน ถ้าเช่นนั้นก็ช่างเถอะ พรุ่งนี้การแข่งขันจะเริ่มขึ้น หากจะเรียนตอนนี้คงจะไม่ทัน”

มีอะไรบ้างที่นางยังไม่เคยกินมาก่อน?

หากมีก็คงจะเป็นเนื้อคนกระมังที่นางยังไม่เคยกินมาก่อน!

ซูหวานหว่านก็ยิ้มเยาะพร้อมกับตอบรับคำเชิญ “ย่อมได้ ข้าจะเข้าร่วม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สือเป้ยเอ๋อร์จึงพูดออกมา “ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ก่อน อย่ามาโทษข้าทีหลังก็แล้วกัน หากเจ้าเกิดแพ้ขึ้นมา”

ซูหวานหว่านเลิกคิ้วพร้อมกับหัวเราะ “ข้าจะไม่ได้รับความอับอายแน่นอน แต่เหตุใดตระกูลสือของเจ้าถึงขี้เหนียวแบบนี้? คนที่ได้อันดับแรกได้เงินรางวัลเพียง 12 ตำลึง และอันดับสองกับสามก็แค่รับเข้าทำงานเป็นพ่อครัวในร้านอาหารของเจ้าแค่นั้น เงินรางวัลเพียงแค่นี้ช่างไม่คู่ควรกับข้าเอาเสียเลย แต่เจ้ายังบอกให้ข้ามาประลองฝีมือให้พวกเจ้าดูอย่างงั้นหรือ?”

หญิงสาวชาวเมืองเช่นนางไม่เชื่อหรอกว่าเด็กสาวชาวนาธรรมดา ๆ จะทำอาหารเก่งจริง! ซูหวานหว่านต้องอับอายขายขี้หน้า!!

สือเป้ยเอ๋อร์จึงพูดออกมาว่า “แม่นางซู หากเจ้ายินดีเข้าร่วมการแข่งขัน ข้าจะกลับไปที่บ้านแล้วบอกท่านพ่อข้าให้เพิ่มเงินรางวัลสูงขึ้นกว่านี้ และหากว่าเจ้าชนะ ข้าจะจ่ายเงินให้เจ้าเป็นจำนวน 100 ตำลึงเงิน!”

“ย่อมได้!” มีเงิน แต่ไม่รู้จักใช้เงินนั่นคือคนโง่!

ซูหวานหว่านพยักหน้าตอบรับคำเชิญก่อนเดินจากไป เมื่อเดินผ่านฉีเฉิงเฟิง นางไม่แม้แต่จะมองไปที่เขา ทำราวกับว่าชายหนุ่มนั้นไม่มีตัวตน เป็นคนที่นางไม่รู้จัก ตรงกันข้ามกับฉีเฉิงเฟิงที่จ้องมองไปที่ซูหวานหว่านราวกับว่ากำลังโหยหา มองจนกระทั่งซูหวานหว่านนั้นเดินลับหายไปไกลจากสายตา…

“คุณชายฉี ข้ารู้สึกเจ็บขาจังเลยเจ้าค่ะ” สือเป้ยเอ๋อร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ความรู้สึกโกรธและความเกลียดชังของนางเมื่อครู่มลายหายไป

ฉีเฉิงเฟิงแบกนางขึ้นมาบนหลังและเมื่อทั้งสองไปถึงที่ทางเข้าหมู่บ้าน ก็ได้มีรถม้าจอดหยุดรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว

พวกเขาทั้งสองขึ้นรถม้าเตรียมตัวเดินทางเข้าเมือง

เมื่อเดินทางผ่านไปถึงครึ่งทาง หญิงสาวจู่ ๆ ก็รู้สึกตกใจ เมื่อเช้าที่นางได้ใส่ยาสั่งให้ฉีเฉิงเฟิงกิน นางเผอิญลืมทิ้งขวดเอาไว้ในห้องของเขา! คงไม่มีใครเข้าไปเจอหรอกนะ

ฉีเฉิงเฟิงเห็นเช่นนั้นจึงถามออกมา “เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่มีอะไร” สือเป้ยเอ๋อร์ส่ายหัวมองไปที่ถนนและนั่งคิดเงียบ ๆ อยู่ภายในใจ

จะมีใครในหมู่บ้านรู้เล่าว่าขวดยานั่นคือยาสั่งที่ให้ฉีเฉิงเฟิงกิน! เหตุใดนางจะต้องเป็นกังวลเกินเหตุ! ถึงแม้ว่าจะเจอจริงก็ไม่มีใครรู้วิธีการถอนยาสั่งให้กับฉีเฉิงเฟิงหรอก

ในหมู่บ้าน

เรื่องการถอนหมั้นของซูหวานหว่านกับฉีเฉิงเฟิงกระจายไปทั่วหมู่บ้าน ซูจิ่นเฉียงอยากจะเอ่ยปลอบใจ ทว่าเขารู้ดีว่าซูหวานหว่านเป็นคนเข้มแข็งมาก จึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

แม่เจิ้นและคนอื่น ๆ ในครอบครัวหลีกเลี่ยงที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่ ซูหวานหว่านเอ่ยปากให้ทุกคนภายในบ้านได้เลือกห้องนอนก่อน และสุดท้ายตัวเองก็ได้ห้องนอนที่ฉีเฉิงเฟิงเลือกเอาไว้ก่อนหน้านี้ เด็กสาวย้ายข้าวของเข้าไปในห้องใหม่ ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าหัวใจของนางก็รู้สึกเจ็บปวด

ฮวงเหล่าเมื่อกินอาหารเสร็จ เขาก็เดินออกไปสำรวจรอบ ๆ และรู้สึกสงสัยบางอย่างขึ้นมา เมื่อเขากลับมาถึงบ้านของซูหวานหว่านก็พูดออกมาอย่างโกรธเคือง “ไอ้หนุ่มหน้าขาวฉีเฉิงเฟิงกล้าทำเรื่องแบบนี้เชียวหรือ! หากรู้แต่แรกว่าเขาจะทำเช่นนี้ ข้าจะจับเขาตอนให้กลายเป็นขันทีไปเสีย!”

ซูหวานหว่านฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น นางก็อยากจะทำแบบนั้นเช่นกัน ทว่าหลังจากคิดแล้วนางก็รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถทำแบบนั้นได้

“แต่จะว่าไปแล้ว วันนี้ข้าได้ไปสำรวจที่ห้องของฉีเฉิงเฟิงมา เดาสิว่าข้าเจออะไร?” ฮวงเหล่ายิ้ม และจงใจเดินเข้าไปดักหน้าของซูหวานหว่านเอาไว้ก่อน

“ให้ข้าเดางั้นหรือ… ข้าไม่เดา อย่าพูดถึงเขาอีก! ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนเวลาที่พูดถึงชื่อเขา!” ซูหวานหว่านกลอกตาแล้วเดินขึ้นไปบันไดยังบนห้องชั้นสองของตนเองแล้วปิดประตูเสียงดัง ‘ปัง’

ฮวงเหล่าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรในตอนนี้ เขาทำได้เพียงหยิบขวดที่เขาเจอมาเก็บเอาไว้อย่างรวดเร็ว ชายชราส่ายหัวไปมา แล้วทันใดเขาก็นึกบางอย่างออกพร้อมกับเคาะไปที่ประตูห้องนอนของซูหวานหว่าน “ลูกศิษย์ที่น่ารักของข้า! การแข่งขันจะเริ่มขึ้นเมื่อใด? เจ้าจะต้องเตรียมตัวให้ดี ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสามารถเลือกทำอาหารอะไรก็ได้สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ เจ้าควรจะฝึกทำอาหารให้หลากหลาย แล้วตั้งโต๊ะให้ข้าชิมอาหารของเจ้านะ! พวกเราจะได้ไม่เสียเปรียบและจะไม่เสียอาหารไปเปล่า ๆ!”

เขามีเงินมากมายถึงเพียงนั้น ทว่ายังกลัวเสียเปรียบคนอื่นอีกหรือ? สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ต่างหากถึงเรียกว่าการเอาเปรียบผู้อื่นโดยการกินของผู้อื่นโดยไม่เสียเงิน!

ซูหวานหว่านยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “วันนี้ข้าจะฝึกทำอาหาร! ท่านไปนอนพักเถอะ พอข้าทำอาหารเสร็จข้าจะไปเรียกท่านเอง”

“ย่อมได้!” ฮวงเหล่าตอบรับอย่างมีความสุข ทว่าเมื่อนึกถึงขวดที่อยู่ในมือของตัวเองเขาก็รู้สึกลังเล เขาควรบอกเรื่องนี้กับซูหวานหว่านดีหรือไม่?

ซูหวานหว่านนั่งอยู่บนเตียง ทว่านางถอดจิตเข้าในมิติฟาร์ม พอเข้าไปก็เห็นหลิงเชอนั่งยกขาตัวเองขึ้นอยู่ใต้ต้นไม้ ส่วนพวกเป็ดไก่กำลังกินอาหารอย่างมีความสุข

เมื่อเขาหันหลังกลับมาเห็นซูหวานหว่าน ทว่านางก็ไม่ได้รบกวนการนั่งอย่างเพลิดเพลินชมทิวทัศน์ของข้าแต่อย่างใด หลิงเชอจึงพูดถามออกมาทันที “เจ้ามาแล้ว หากเจ้าไม่มา พื้นที่ในมิติฟาร์มของเจ้าจะต้องจบสิ้นแน่ ๆ!”

“จบสิ้นอย่างไร?” ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและมองไปยังสถานที่ที่หลิงเชอชี้ไป ณ ที่ราบกว้างใหญ่นับไม่ถ้วนหลายพันไร่ ถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงมากมาย ภูเขานั้นรก เต็มไปด้วยวัชพืชและหญ้าต่าง ๆ ท้องฟ้าก็แตกต่างจากวันอื่น ๆ มี เมฆหนาแน่น ทำให้ซูหวานหว่านพลันนึกถึงเรื่องที่นางตอบตกลงกับหลิงเชอไปในเรื่องการแต่งงานกับฉีเฉิงเฟิงเพื่อสะสมแต้มคะแนน

เมื่อนางนึกถึง ‘ฉีเฉิงเฟิง’ มิติฟาร์มก็เกิดลมแรงกระโชกมีฝนโปรยปรายเล็กน้อย

“มันเป็นความรู้สึกจริง ๆ ของเจ้า” หลิงเชอพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ข้ามันด้านชาแล้วล่ะ คงชินกับเรื่องแบบนี้เสียแล้ว” ซูหวานหว่านตอบ

“ไม่เจ็บปวดหรือ” หลิงเชอก็ยิ้มอีกครั้งแล้วพูดว่า “หากเจ้ายังไม่หยุดคิดเรื่องนี้และไม่ต้องการฉีเฉิงเฟิงพื้นที่ตรงนั้นก็จะพังทลาย เมื่อถึงเวลาไม่เพียงแต่ฝนเท่านั้นที่จะไม่หยุดตก พวกเราก็ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้นได้อีกด้วย พื้นที่ตรงนั้นก็จะกลายเป็นทะเลแล้วจะส่งผลให้น้ำมาท่วมพื้นที่นั้นด้วย”

“ดีแล้ว ข้าจะได้เลี้ยงปลาเสียเลย” ซูหวานหว่านเย้ยหยันออกมาและเมื่อนางนึกถึงฉีเฉิงเฟิงนางก็เกิดโทสะอีกครั้ง “ในชีวิตนี้ของข้า ข้าไม่ต้องการที่จะพบเจอหรือมีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกับเขาอีก!”

พอพูดจบ ซูหวานหว่านก็ได้นำคะแนนที่ได้มาจากครั้งก่อนแลกดวงอาทิตย์ดวงเล็ก ๆ แล้วโยนไปทางฝั่งพื้นที่ด้านนั้น ทว่าดวงอาทิตย์ก็ถูกบดบังโดยกลุ่มก้อนเมฆและไม่ได้ช่วยทำให้ฝนหยุดลง

“อย่าโกรธเพียงเพราะผู้ชายคนเดียวเลย เจ้ายังมีข้าอีกคนนะ!” หลิงเชอยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ แล้ว จู่ ๆ ก็ถอดเสื้อผ้าออก “ข้ามีดีกว่าเขามาก!”

จิตวิญญาณมิติฟาร์มนี่ช่างน่าเบื่อเสียจริง! ซูหวานหว่านเหลือบมองอีกครั้งและตะโกนออกมา “เจ้าใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ซูหวานหว่านยังคงกังวลเล็กน้อยและคิดว่าหากฉีเฉิงเฟิงยังอยู่ก็คงช่วยมิติฟาร์มเอาไว้ได้

หญิงสาวส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเองอย่างรวดเร็ว นางทำอย่างนั้นไม่ได้แล้ว!

เมื่อนึกถึงอาหารที่นางจะต้องทำในตอนเที่ยง ซูหวานหว่านก็ไม่ได้สนใจอะไรหลิงเชออีก และนางเดินไปที่สวนพริก

พอมองแวบแรกนางรู้สึกตกใจมาก พริกที่นางปลูกเอาไว้โตขึ้นไวมาก ในแปลงเต็มไปด้วยสีแดงของเม็ดพริก

นางใช้เม็ดพริกเพียงเม็ดเดียวในการเพาะปลูก หลังจากนั้นมันก็กลายมาเป็น 30 ต้น แต่ตอนนี้มันกลายเป็น 1 ไร่แล้ว และในภายภาคหน้านางคงจะเป็นเจ้าของแปลงพริก 3 ไร่

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูหวานหว่านก็ดีใจและเก็บพริกทั้งหมดเพื่อเอาไปเพาะเมล็ดพันธุ์อีก แต่ก่อนที่นางจะลงมือปลูกพริกอีกแปลง นางก็ได้ยินเสียงฮวงเหล่าเรียกนางที่หน้าประตูห้อง เร่งเร้าให้นางทำอาหารเที่ยงให้ทาน

เมื่อถึงตอนเที่ยง นางจึงทำอาหารท้องถิ่นสามอย่างด้วยกัน มี ไก่เผ็ด ต้มปลา และน้ำแกงเปรี้ยวหวาน ฮวงเหล่าชิมไปพร้อมกับพูดชมอาหารเหล่านี้ไป และให้ซูหวานหว่านเตรียมตัวออกเดินทางกลับเข้าไปในเมืองเพื่อไปเข้าร่วมการแข่งขัน

เมื่อทั้งสองคนขึ้นไปนั่งบนเกวียนวัว ซูจิ่นเฉียงก็ขอตามไปด้วยบอกว่าจะไปอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ ซูหวานหว่านเลยไม่ได้ว่าอะไร

เมื่อเดินทางมาถึงในเมืองก็เป็นยามบ่ายแล้ว ซูหวานหว่านและฮวงเหล่าจึงตัดสินใจไปบ้านของฮวงเหล่าเพื่อกลับไปพักผ่อนก่อน ก่อนที่จะเดินทางไปลงสมัครเข้าร่วมการแข่งขันที่ ‘ร้านอาหารหงเหมิน’

ตั้งแต่ตอนเช้าก็มีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาสมัครอยู่ไม่น้อย เมื่อเห็นซูหวานหว่านเดินเข้ามา ผู้คนต่างก็มองนางด้วยสายตาดูถูก สาวใช้ที่ชื่อเหยียนเอ๋อร์คนรับใช้สนิทของเป้ยเอ๋อร์พอเห็นเด็กสาวเดินเข้ามาก็เอ่ยวาจาเสียดสีทันที “ข้าได้ยินจากคุณหนูของข้าแล้ว แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้ามาสมัครจริง ๆ! เจ้ากล้ามากนะ! ข้าละอายแทนเจ้าจริง ๆ!”

หลังจากพูดจบ นางก็ชี้ไปยังปลาหลายตัวที่วางเอาไว้ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เจ้าบอกข้ามาสินั่นคืออะไร หากเจ้าตอบไม่ได้ เจ้าก็อย่ามาลงสมัครเลยเพราะจะทำให้เราเสียวัตถุดิบชั้นดีไปเสียเปล่า!”

สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อีกคนก็พูดขึ้นมาสมทบ “นางเป็นแค่หญิงที่ไม่มีความรู้อะไร นางจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร!”

“ใช่แล้ว! นางยังเด็กมาก อีกทั้งยังอยู่กับโคลนตม! วัน ๆ เอาแต่กินผักกินหญ้าคงไม่เคยกินอาหารดี ๆ เช่นนี้! แล้วนับประสาอะไรที่จะมารู้เรื่องเกี่ยวกับปลาที่เป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมแบบนี้!”

“…”

นางจะรู้จักปลาหรือไม่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกนางกันที่จะต้องพูด? เด็กสาวจึงเอ่ยว่า “พวกเจ้ากล้าที่จะเดิมพันกับข้าหรือไม่?”