ภาคที่ 2 บทที่ 62 โคลนยักษ์ (3)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 62 โคลนยักษ์ (3)

คนทั้งสามเข้าโจมตีจางเซิ่งอันโดยฉับพลัน ทั้งซ้าย ขวา และจากด้านหน้า

แต่ในจังหวะนั้นเอง จางเซิ่งอันก็พลันร้องตะโกนออกมา

“อ๊ากกกก !”

เสียงร้องที่ดังลั่นขึ้นทำให้ทุกคนถึงกับตัวเซไป ชะลอการเคลื่อนไหวของทุกสิ่งอย่าง

ในวงล้อมปรากฏช่องโหว่จุดหนึ่งขึ้นในพลัน

จางเซิ่งอันจึงคว้าโอกาสชั่วพริบตานั่นไว้

พริบตานั้นเอง จางเซิ่งอันก็คว้าจักจั่นทองหงอู่ไว้ ส่งร่างหงอู่กระเด็นไป ส่วนแรงส่งก็ดันให้ตัวเขากระเด็นถอยหลังไปเช่นกัน

หงอู่เอ่ยขึ้นอยากไม่อยากเชื่อสายตา “เซิ่งอัน เจ้า……!”

ฟ้าว !

แล้วดาบก็ตวัดมา

ในจังหวะที่การโจมตีของคนทั้งสามจะปะทะร่างหงอู่ ชุดคลุมของหงอู่ก็พลันบวมขึ้นราวกับสูบอากาศเข้าไป ป้องกันการโจมตีทั้งหมดไว้ได้ ก่อนที่หงอู่จะลอกคราบชุดคลุมบวมนั่นหนีไปในพริบตา เหลือเพียงชุดคลุมเปล่าเท่านั้น

นี่คือวิชาจักจั่นทองลอกคราบ อันเลื่องชื่อของตระกูลจักจั่กทอง นับเป็นวิชาหลบหนีหนึ่งที่ทรงพลังมาก

แต่ยามที่เพิ่งหลบการโจมตีมาได้ก็พลันปะทะเข้ากับวิชาแยกเมฆาของหวังโต้วซานเสียก่อน !

หวังโต้วซานหลุดออกจากเชือกดำมาได้แล้ว แต่ไม่ได้ร่วมโจมตีกับคนอื่น ๆ กลับเข้าโจมตีในจังหวะสำคัญนี้แทน

หงอู่ไม่อาจหลบการโจมตีนี้พ้น เปล่งเสียงร้องลั่นออกมาแล้วร่างก็กระเด็นไป

ในเวลาเดียวกันนั้น ซูเฉินก็ยังออกท่าดาบอย่างไม่ลดละ

ฟ้าว !

ดาบหมาป่ากลืนจันทร์ปรากฏกายขึ้น หันเขี้ยวคมเข้าใส่จางเซิ่งอัน

อวิ๋นเป้าเองก็เหยียดแขนออก พลังปราณหลั่งไหลออกมาจากฝ่ามือทั้งสองเลื้อยพันแขนไว้

จางเซิ่งอันเงื้อมือขึ้น กำแพงเถาวัลย์หนามก็ผุดขึ้นมาตรงหน้า สกัดดาบหมาป่ากลืนจันทร์ไว้ ทั้งยังป้องกันฝ่ามืออสรพิษได้ และเมื่อมืออีกข้างของซูเฉินกำแล้วแบออก มันก็บังเกิดเพลิงปักษาขนาดใหญ่ขึ้น ปะทะเข้ากับกำแพงเถาวัลย์หนามจนมันสลายไป

อวิ๋นเป้ากระโจนเข้าใส่ เปลี่ยนแขนกลายเป็นงูขนาดยักษ์ที่ขู่ฟ่อพุ่งเข้าใส่จางเซิ่งอัน

เป็นตอนนั้นเองที่มีเงาสีเลือดสายหนึ่งพุ่งเข้ามารับการโจมตีแทน เส้นพลังสีแดงเห็นเด่นชัด คืออสูรโลหิตจงติ่ง

ทว่าเขายังไม่มีโอกาสได้พูดสักคำ ด้วยเพราะถูกกังเหยียนเปล่งเสียงร้องบ้าคลั่งออกมาแล้วใช้เกราะภูผาเหล็กกระแทกเข้ามาอย่างดุดัน

จังหวะนั้นเจิ้งเซี่ยและคนอื่น ๆ ได้หวังโต้วซานช่วยให้หลุดจากเชือกขังแค้นแล้ว พวกเขาต่างก็เกลียดชังจางเซิ่งอันและคนอื่น ๆ มานาน ดังนั้นจึงโจมตีเข้าอย่างไร้ไมตรี ทักษะต้นกำเนิดเจ็ดแปดท่ากระหน่ำเข้าใส่จางเซิ่งอันในคราเดียว

และเมื่อจางเซิ่งอันกำลังจะถูกห่าทักษะต้นกำเนิดกระหน่ำใส่นั่นเอง เขาก็พลันสะบัดแขนทั้งสองข้างแล้วยกคัมภีร์หนึ่งขึ้นฉีกจนขาดครึ่ง

แสงสว่างจ้าโอบล้อมกายเขาในพลัน ทักษะต้นกำเนิดที่ถูกซัดเข้ามาไร้ผลทันใดเมื่อเผชิญเข้ากับเกราะแสงศักดิ์สิทธิ์นี้

“บัดซบ !” ทุกคนสบถขึ้น

หากแต่จางเซิ่งอันกลับรู้สึกคล้ายกับใจตนถูกบีบ

เกราะแสงศักดิ์สิทธิ์นับเป็นไพ่ตายในการเอาชีวิตรอดของเขา กับโคลนยักษ์เขายังไม่คิดใช้ แต่กลุ่มพิสุทธิ์กลับบีบให้เขาต้องใช้มันจนได้

กลุ่มพิสุทธิ์เองก็ชะงักไปเช่นกัน จางเซิ่งอันถูกไล่โจมตีอยู่ตลอดแต่กลับไร้บาดแผล แน่นอนว่าเป็นเพราะอสูรโลหิตจงติ่งได้ช่วยเขาไว้ แต่ความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์ของเขานั้นไม่เลวเลยจริง ๆ

แต่จางเซิ่งอันก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะดึงโคลนยักษ์มาแม้จะมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่ ดังนั้นจึงนับเป็นไอ้ขยะคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

ในใจทุกคนพลันบังเกิดไฟแค้นขึ้น เตรียมเข้าโจมตีจางเซิ่งอันอีกครั้งหนึ่ง

“หยุดสู้กันได้แล้ว !” จินหลิงเอ้อร์ตะโกนขึ้น “โคลนยักษ์มาทางนี้แล้ว”

ทั้งหมดหันกลับไป พบว่าโคลนยักษ์กำลังวิ่งพุ่งเข้ามา

เห็นดังนี้แล้วแต่ละคนจึงรีบสับฝีเท้าวิ่งทันที

จางเซิ่งอันเผยใบหน้าชั่วร้ายออกมา “อยู่ที่นี่ไปให้ข้าเถอะ !”

จากนั้นเถาวัลย์หนามก็ผุดขึ้นมาจากพื้น เลื้อยไปตามทางเข้าหากลุ่มพิสุทธิ์

จางเซิ่งอันนั้นเชี่ยวชาญการควบคุมพืชเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวศัตรูก่อนสังหารจากระยะไกลด้วยคันศรมาก

การเจอเข้ากับศัตรูที่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวอีกฝ่ายได้นั้น ถือว่ารับมือได้ยากยิ่ง และด้วยชื่อ ‘คันศรไม้’ เขาจึงพอมีวิชาประเภทนี้เก็บซ่อนไว้อยู่

กลุ่มพิสุทธิ์ไม่คิดว่าป่านนี้อีกฝ่ายจะยังเหลือความคิดชั่วร้ายไว้ ดังนั้นจึงโกรธตัวแทบแตก

เจิ้งเซี่ยปาเพลิงอัสนีออกไป แรงระเบิดไฟโหมใส่เถาวัลย์หนามเป็นจุล

แต่พริบตาต่อมา กวนซานอิง เจิ้นขวง และอสูรโลหิตจงติ่งก็พุ่งเข้ามา พวกเขาต่างมีความแค้นฝังลึกอยู่กับกลุ่มพิสุทธิ์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจัดการให้ได้ !

เดิมทีคิดว่าจัดการพวกไร้สายเลือดไม่กี่คนคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไม่คิดเลยว่าคนในกลุ่มพิสุทธิ์ต่างก็ขว้างเพลิงอัสนีออกมาใส่พวกเขากันทุกคน

อสูรโลหิตร้องขึ้นเสียงตื่น “หลบ !”

และพริบตานั้น สายตาทุกคนก็พลันพร่ามัวไป

ตูม ตูม ตูม ตูม !

คลื่นระเบิดส่งร่างทั้งสามปลิวไปไกล

กวนซานอิงและจงติ่งพุ่งเข้ามารวดเร็วที่สุดและล่าถอยออกไปเป็นสองคนแรก หากแต่ก็ยังถูกแรงระเบิดจนร้องโอดครวญออกมา

เจิ้นขวงนั้นโชคไม่ดี แรงระเบิดกระแทกร่างเขาอย่างจังจนปลิวไป

หากไม่ใช่เพราะสายเลือดดาบระมาดที่ทำให้เขามีร่างกายทรงพลัง รวมถึงเรื่องที่เพลิงอัสนีไม่เหมาะกับการใช้โจมตีศัตรูเดี่ยว ๆ แล้ว เขาก็คงสิ้นใจไปนานแล้ว

แต่ถึงจะรอด กระนั้นเจิ้นขวงก็ยังบาดเจ็บหนักภายในพริบตา

จางเซิ่งอันเองก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไร แม้เกราะแสงศักดิ์สิทธิ์จะแกร่งมาก แต่กลุ่มพิสุทธิ์เกลียดชังเขาที่สุด ดังนั้นเพลิงอัสนีกว่าครึ่งจึงเขวี้ยงมาทางเขา

ทั้งเกราะแสงศักดิ์สิทธิ์และเกราะเภาวัลย์หนามแตกกระจายออกจนหายไป กระทั่งเกราะอกแสงเงินที่เขาสวมยังได้รับความเสียหาย พริบตาเดียวเขาก็เสียไปทั้งคัมภีร์วิชาอาร์คาน่าและเครื่องมือต้นกำเนิด ทำให้ในใจเขาเจ็บปวดยิ่งนัก

พวกเขาหมายจะไล่ล่าจางเซิ่งอันต่อ หาแต่เป็นอีกครั้งที่โคลนยักษ์พุ่งเข้ามาใกล้

“โฮกกกก !”

มันแหงนหน้าขึ้นฟ้าก่อนส่งเสียงร้อง จากนั้นก็ใช้เท้ายักษ์ย่ำลงมาโดยแรง

ยามเท้าข้างนั้นกำลังกระแทกลงมา ซูเฉินก็เขวี้ยงยาขวดหนึ่งใส่โคลนยักษ์

เพล้ง !

เมื่อขวดยากระแทกหน้าโคลนยักษ์มันก็แตกกระจายออก สร้างหมอกหนาปกคลุมหน้ามันทันที

ยาไอหมอกสามารถใช้สร้างหมอกได้ ซึ่งหมอกเหล่านี้ก็ใช้ซ่อนตัวได้

หากแต่ซูเฉินใช้มันเพื่อบดบังการมองเห็นของโคลนยักษ์ และเมื่อหมอกหนาบดบังสายตาโคลนยักษ์ไว้แล้ว มันจึงทำได้เพียงเหวี่ยงแขนขาไปมา ไม่รู้ว่าเป้าหมายตนอยู่ทิศทางใดกันแน่

เมื่อเห็นดังนั้น เด็กหนุ่มก็พลันทำลายขวดยาขับไล่สัตว์อสูร ยานี้มีผลกับโคลนยักษ์จำกัด แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้มันรำคาญใจ ลดโอกาสที่มันจะไล่ล่าลงคนได้บ้าง ขอแค่ตัวยาไหลผ่านอากาศไปแตะร่างแต่ละคนอย่างละนิดอย่างละหน่อย เท่านี้ก็คงพอ

“ฉวยโอกาสนี้หนีเสีย !” ซูเฉินตะโกนขึ้น จากนั้นทุกคนก็เริ่มออกวิ่ง

“โฮกกกกก !!!” เจ้าโคลนยักษ์คำรามเสียงโกรธออกมาก่อนจะกระทืบเท้ากับพื้นซ้ำ ๆ ไม่ใส่ใจเลยว่าตนกำลังเหยียบกระทืบร่างใครอยู่

จักจั่นทองหงอู่ก่อนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บ การเคลื่อนไหวจึงช้าลง อีกทั้งยังเพิ่งใช้วิชาจักจั่นทองลอกคราบ ดังนั้นจึงไม่อาจหลบเท้าได้ทันกาล ถูกมันย่ำจนกลายเป็นก้อนเนื้อในทันที

จางเซิ่งอันกลิ้งตัวหลบเท้าโคลนยักษ์ เมื่อเห็นว่ามันพุ่งเข้ามาอย่างไร้ทิศทาง เขาก็ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งไปทางตรงกันข้าม

ซูเฉินทันเห็นการเคลื่อนไหวนั้นพอดิบพอดี

“คิดหนีหรือ ?” ซูเฉินเปิดใช้วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกาย พริบตาเดียวก็เคลื่อนกายไปไกล ปรากฏตัวขึ้นหลังเจ้าโคลนยักษ์แล้วพุ่งเข้าใส่จางเซิ่งอัน

เงาร่างอวิ๋นเป้าเองก็กระโจนเข้ามา เห็นได้จัดว่าหมายโจมตีจางเซิ่งอันเช่นกัน

ซูเฉินร้องขึ้นระหว่างที่พุ่งเข้าไป “อวิ๋นเป้า ข้าจัดการจางเซิ่งอันเอง เจ้าและคนอื่น ๆ รีบไปเถอะ เจอกันที่ศิลาส่องกลับ !”

“ได้ !” อวิ๋นเป้าตะโกนตอบเสียงดัง

หากแต่กลับถูกเสียงร้องดังลั่นหนึ่งขัดจังหวะ

อวิ๋นเป้าจึงหันไปยังต้นเสียง ก่อนพบว่าจงติ่งได้คว้าร่างตู้ฉิงขึ้นแล้วโยนนางเข้าใส่โคลนยักษ์ !!!