ภาคที่ 2 บทที่ 63 วิบัติทั้งสองฝ่าย

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 63 วิบัติทั้งสองฝ่าย

 

 

“ไม่ !”

 

 

ตู้ฉิงร่างลอยละลิ่วเข้าหาโคลนยักษ์พร้อมกับกรีดร้องเสียงหลง แขนขาสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ตอนที่กำลังจะกระแทกร่างมัน อวิ๋นเป้าก็กระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ส่งหนึ่งฝ่ามือปะทะร่างตู้ฉิง ส่งผลให้นางกระเด็นไปทิศอื่น หลบการโจมตีของเจ้ายักษ์ได้อย่างฉิวเฉียด

 

 

โคลนยักษ์สะบัดมือกรีดผ่านแผ่นหลังอวิ๋นเป้า กรีดเอาเนื้อก้อนใหญ่กระเด็นออกมา ทำให้อวิ๋นเป้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

 

“อวิ๋นเป้า !” ตู้ฉิงตะโกนเรียก

 

 

“ไป !” อวิ๋นเป้าร้องบอก

 

 

เจิ้งเซี่ยพลันพุ่งเข้ามาคว้าตัวตู้ฉิงแล้วลากออกไปในพลัน

 

 

“โฮกกก !” โคลนยักษ์เปล่งเสียงเกรี้ยวไล่ตามหลังมา

 

 

หมอกหนาที่บดบังสายตามันเริ่มสลายลงแล้ว ทำให้มันมองเห็นได้ชัดเจนอีกครา

 

 

หากแต่ความเกรี้ยวกราดของมันไม่ได้ลดลงเลยสักนิด ทั่วทั้งป่าเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องบ้าคลั่งของมัน

 

 

ตอนนี้ทุกคนหลบหนีจากโคลนยักษ์ไปและคอยหลบการโจมตีของมัน แต่ก็ยังไม่ลืมโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยเช่นกัน

 

 

กวนซานอิงนั้นเป็นคนที่รวดเร็วที่สุด หากไม่ใช่ว่าเป็นห่วงคนในกลุ่มตน เขาก็สามารถหลบหนีไปได้ไกลแล้ว

 

 

แต่เพราะเช่นนี้ กวนซานอิงจึงเป็นคนที่เกรงกลัวโคลนยักษ์น้อยที่สุด

 

 

ได้เห็นโคลนยักษ์ไล่ล่าพวกไร้สายเลือดแล้วยิ่งทำให้เขารู้สึกคล้ายเลือดในกายเดือดพล่าน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

 

 

เมื่อเห็นเจิ้งเซี่ยคว้ามือตู้ฉิงแล้วเหินร่างขึ้น กวนซานอิงก็คลี่ยิ้มชั่วออกมา “คิดหนีหรือ ? ไม่ง่ายนักหรอก !”

 

 

เขากระโจนขึ้นสูงราวกับมีปีกงอกออกจากหลัง หลังจากหมุนคว้างอยู่กลางอากาศก็เหินร่างลงมาโดยพุ่งเข้าใส่ตู้ฉิง

 

 

“หลบ !” เจิ้งเซี่ยเห็นดังนั้นก็ผลักตู้ฉิงไปด้านข้างแล้วหันไปเผชิญหน้ากับกวนซานอิงด้วยสองหมัด

 

 

หมัดเหล็กของเจิ้งเซี่ยปะทะเข้ากับกรงเล็บเหยี่ยวของกวนซานอิง พริบตาเลือดก็กระฉูดออกมาจากมือทั้งสองของเจิ้งเซี่ย ก่อนที่กวนซานอิงจะทำการดันกรงเล็บต่อไป ผลักออกฝ่ามือเจิ้งเซี่ยกลับไปจนประชิดอกอีกฝ่าย เพื่อบีบให้เจิ้งเซี่ยกระเด็นไป

 

 

“เจิ้งเซี่ย !” ตู้ฉิงกรีดร้องเสียงสั่น

 

 

“ฮ่า ๆ ๆ!” กวนซานอิงแหงนหน้าหัวเราะ “แม้เพียงหนึ่งกรงเล็บข้ายังไม่อาจต้านได้หรือ ? ไร้ประโยชน์จริง”

 

 

ว่าแล้วร่างก็พุ่งเข้ามาปรากฏอยู่หน้าเจิ้งเซี่ย เงื้อกรงเล็บซัดเข้าใส่อีกครา

 

 

เจิ้งเซี่ยเปิดใช้เกราะและโต้กลับไป ทั้งสองแลกกันกว่าสิบกระบวนท่า ก่อนที่เกราะของเจิ้งเซี่ยจะแตกกระจาย เขากรีดเสียงเจ็บปวดออกมายามลูกตาถูกกวนซานอิงควักกระเด็นหลุดออกมา

 

 

ส่วนอีกมือทะลวงเข้าที่ท้องน้อยเจิ้งเซี่ย ทิ้งรูโชกเลือด 5 รูไว้บนนั้น

 

 

เมื่อกวนซานอิงเงื้อกรงเล็บหมายจะโจมตีที่ศีรษะเจิ้งเซี่ย คลื่นดาบก็พลันพุ่งทะยานเข้ามาเสียก่อน

 

 

กวนซานอิงพลันเก็บกรงเล็บตนกลับมาตามสัญชาตญาณ และหันไปปะทะเข้ากับดาบสารทกระจ่าง เกิดเสียงดัง ‘เคร้ง’ ขึ้น

 

 

เมื่อมองดูให้ชัด จะเห็นว่านิ้วมือของกวนซานอิงมีใบมีดแหลมหุ้มอยู่ที่ปลาย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มันจะทรงพลังถึงเพียงนี้

 

 

“ตายเสียเถอะ !” ตู้ฉิงตะโกนขึ้นเสียงเกรี้ยวกราด ดาบสารทกระจ่างเริงระบำราวกับต้องการสะท้อนความโกรธแค้นในใจนาง น้ำใสกระจ่างพลันเปลี่ยนเป็นคลื่นโหมกระหน่ำ

 

 

อีกฝ่ายซัดกรงเล็บออกมาปัดดาบของตู้ฉิงได้ทั้งหมด ด้วยกวนซานอิงหมายจะสั่งสอนนาง แต่พลันรู้สึกสะท้านที่แผ่นหลัง ทำให้รู้ว่าโคลนยักษ์พุ่งเข้ามาทางตนเอง ดังนั้นจึงต้องปล่อยตู้ฉิงไป รีบล่าถอยออกไปโดยเร็ว

 

 

เขาเคลื่อนกายว่องไวมาก หากคิดทำก็สามารถสลัดโคลนยักษ์หลุดได้อย่างง่ายดาย

 

 

แต่ออกเท้าไปได้ไม่กี่ก้าว ฉับพลันเสียงร้องหนึ่งก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง

 

 

ในใจเขาสัมผัสได้ถึงอันตราย เรียบกระโดดหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว

 

 

ที่ด้านหลังมีเพลงดาบหนึ่งตวัดโจมตีมา เป็นตู้ฉิงที่กำลังเงื้อดาบไล่ตามเขามาอยู่

 

 

กวนซานอิงเห็นดังนั้นก็โกรธนัก หมายจะหันไปซัดท่าสังหารใส่นาง แต่เจิ้งเซี่ยกลับพุ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย

 

 

เขาสูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง อีกทั้งที่ท้องยังมีบาดแผลฉกรรจ์ เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเลือด แต่ดูท่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นจะไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเขาเลย

 

 

ด้วยไม่ทันคาดคิด กวนซานอิงจึงตอบสนองไม่ทันกาล ถูกฝ่ามือของเจิ้งเซี่ยเข้าไป ฝ่ามือโชกเลือดปะทะเข้าที่อกอย่างจัง ส่งผลให้เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

 

ความโกรธาเข้าควบคุมจิตใจ กวนซานอิงโต้กลับอย่างรวดเร็ว ซัดกรงเล็บฝากรูอีก 5 รูลงบนอกเจิ้งเซี่ย ทว่าตอนที่จะซัดเข้าไปอีกครา ก็ดันหันไปเห็นเจ้าโคลนยักษ์พุ่งเข้ามา ดังนั้นจึงปล่อยเจิ้งเซี่ยไปแล้ววิ่งหนีต่อ

 

 

เขามาจากตระกูลสายเลือดชั้นสูง ไม่เพียงเคลื่อนกายได้รวดเร็วกว่าคนปกติ กรงเล็บของเขายังทรงพลังนัก หากใส่เต็มพลังแล้ว กระทั่งเจิ้งเซี่ยและตู้ฉิงรวมพลังโจมตีกันก็ยังไม่อาจเป็นคู่มือเขาได้

 

 

แต่เป็นเพราะโคลนยักษ์ เขาจึงไม่มีโอกาสสำแดงพลัง ทุกครั้งที่ได้เปรียบ เขาก็จะถูกมันบีบให้ล่าถอยไปตลอด

 

 

แต่ไม่ว่าเจ้าจะเก่งเช่นไร ทว่าหากหันหลังหนีแล้วก็นับว่าเปิดช่องว่างให้เจิ้งเซี่ยและตู้ฉิง

 

 

เดิมทีซูเฉินหมายจะให้ทุกคนวิ่งหนีไปหลังเขวี้ยงยาไอหมอกเพื่อชะลอการเคลื่อนที่ของโคลนยักษ์ลง ไม่ใช่ต่อสู้ติดพันเช่นนี้

 

 

แต่มนุษย์ทุกคนย่อมมีอารมณ์

 

 

กลุ่มทะยานฟ้าปองร้ายพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดยกโทษให้ โดยเฉพาะกับเจิ้งเซี่ยที่เสียตาไปข้างหนึ่ง ความแค้นครั้งนี้ฝังลึกลงในใจ ถึงจะไม่รอดออกไปเขาก็จะลากกวนซานอิงลงหลุมไปกับเขาด้วย

 

 

ตอนนั้นเอง กวนซานอิงก็ได้ยินเสียงบางอย่างพุ่งผ่านอากาศมา เป็นฝ่ามือของเจิ้งเซี่ยและฝ่ามือของตู้ฉิงที่ถูกส่งมาทางเขาพร้อมกัน

 

 

“บัดซบ ยังไม่ตายอีกหรือ ?”

 

 

กวนซานอิงโกรธจัด ไม่คิดเลยว่าก่อนหน้านี้เป็นตนเองที่โจมตีคนอื่นอยู่ตลอด รู้สึกเพียงว่าไอ้คนไร้สายเลือดสองคนนี้น่ารำคาญยิ่งนัก หากทำได้ก็อยากฆ่าพวกมันทิ้งไปในคราเดียวไปเลย

 

 

ดังนั้นจึงเงื้อกรงเล็บเข้าใส่ตู้ฉิงและเจิ้งเซี่ยในพลัน

 

 

ดาบสารทกระจ่างปะทะเข้ากับกรงเล็บ แรงปะทะส่งผลให้ดาบของตู้ฉิงถึงกับโค้งงอ

 

 

แขนขวาของเจิ้งเซี่ยปะทะเข้ากับกรงเล็บขวาของกวนซานอิง เป็นอีกครั้งที่กรงเล็บทะลวงเข้าสู่ฝ่ามือ ทว่าแค่เพียงปะทะกันคราเดียว อีกฝ่ายกลับหักข้อมือเขาได้แล้ว

 

 

ถึงจะหัก หากแต่มือขวาของเจิ้งเซี่ยก็ยังคงส่งแสงซัดไปยังใบหน้ากวนซานอิงได้ “อ๊ากกก !” กวนซานอิงร้องเสียงดังออกมา ถอยไปแล้วยกมือหนึ่งขึ้นกุมหน้า ส่วนอีกมือซัดออกมาเพื่อสะบัดเจิ้งเซี่ยออกไป

 

 

ยามยกมือขึ้นดูก็เห็นว่าเลือดโชก เขาเจ็บจมูกจนแทบคลั่ง ด้วยท่าฝ่ามือเมื่อพุ่งตรงกระแทกจนทำให้สันจมูกหัก

 

 

กวนซานอิงเป็นชายหนุ่มรูปงาม ตอนนี้รูปโฉมถูกทำลาย ความงดงามที่ตนแสนจะภูมิใจไม่มีอีก ดังนั้นจึงแทบคลั่งเลยทีเดียว

 

 

“ไอ้เวร ข้าจะฆ่าแกทิ้ง…… พันกรงเล็บ !”

 

 

เขาร้องลั่นพร้อมกับกระโจนขึ้นไปซัดกรงเล็บเข้าใส่เจิ้งเซี่ย ทั่วทั้งร่างเจิ้งเซี่ยมีเลือดกระฉูดออกมาหลายแห่ง เนื้อกระเด็นไปรอบทิศ

 

 

วิชาพันกรงเล็บของกวนซานอิงนั้นเฉือนร่างเจิ้งเซี่ยทั้งเป็น เฉือนเอาเนื้อเป็นก้อน ๆ หลุดออกจากร่างเห็นถึงกระดูกขาว

 

 

“ไม่ !” ตู้ฉิงกรีดร้องด้วยความสิ้นหวัง

 

 

เจิ้งเซี่ยเองก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ส่งสายตาปวดร้าวมองตู้ฉิงคราหนึ่งแล้วก็กระโจนเข้าไปรัดร่างกวนซานอิงไว้แน่น ปล่อยให้กรงเล็บของอีกฝ่ายทะลวงเข้าร่าง จากนั้นร้องตะโกนขึ้น “ฉิงเอ๋อร์ โจมตีเลย !”

 

 

ตู้ฉิงชะงักค้างไป

 

 

นางตกตะลึงไปในพลัน มองเจิ้งเซี่ยที่และกวนซานอิงกำลังพุ่งมาทางนางนิ่ง ลืมกระทั่งยกดาบขึ้นโจมตี

 

 

กวนซานอิงรู้ว่าสถานการณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงพยายามสลัดเจิ้งเซี่ยให้หลุด แต่เจิ้งเซี่ยรัดเขาไว้แน่นไม่คิดปล่อย อีกทั้งยังร้องตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง “ฉิงเอ๋อร์ ลงมือเสีย !”

 

 

ตู้ฉิงร่างสั่นน้อย ๆ ก่อนจะปิดตาลงแล้วเสือกดาบเข้าไป

 

 

ดาบสารทกระจ่างเสียบทะลุแผ่นหลังกวนซานอิงทะลุไปถึงร่างเจิ้งเซี่ย เสียบร่างคนทั้งสองเข้าไปด้วยกัน

 

 

“อ๊ากกก !”

 

 

กวนซานอิงร้องขึ้น ครั้งนี้เขาบาดเจ็บสาหัสไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังโต้กลับ ซัดกรงเล็บเข้าที่หน้าตู้ฉิง

 

 

ฟ้าว !

 

 

ตู้ฉิงกระเด็นไป บนใบหน้าปรากฏรอยกรงเล็บยาว 5 แถว

 

 

“เท่านี้สังหารข้าไม่ได้หรอก !” กวนซานอิงตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

 

 

เขาพูดไม่ผิด แม้ดาบของตู้ฉิงเมื่อครู่จะทรงพลังมาก แต่ก็ยังไม่อาจเอาชีวิตกวนซานอิงได้

 

 

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดคนหนึ่ง อย่างไรเขาก็ยังทำการต่อสู้ได้ต่อ

 

 

หากแต่จังหวะนั้น เป็นเจิ้งเซี่ยตะโกนขึ้น “หากสังหารไม่ได้ แล้วเช่นนี้เล่า ?”

 

 

เขาคว้าตัวกวนซานอิงไว้แน่น จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่โคลนยักษ์ไปพร้อมกัน

 

 

ในที่สุดกวนซานอิงก็เข้าใจแผนการของเจิ้งเซี่ย ร้องเสียงหลงออกมา “ไม่นะ !”

 

 

ตู้ฉิงกรีดเสียง “ศิษย์พี่เจิ้ง อย่าทำเช่นนั้น !”

 

 

“ฉิงเอ๋อร์ ดูแลตัวเองด้วย !” เจิ้งเซี่ยตะโกนขึ้น

 

 

เมื่อสิ้นเสียงตะโกนสุดท้ายแล้ว เขาก็คว้าร่างกวนซานอิงแล้วพุ่งเข้าไปที่มือของเจ้าโคลนยักษ์พร้อม ๆ กัน