ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 196 เสียงเลื่อมใส

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ในซากปรักหักพังคล้ายกับฝังกลบสิ่งใดไว้ แสงอาทิตย์รำไรส่องทะลุจากในซากปรักหักพังออกมา

เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจมองซากปรักหักพังอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นฝ่ามือออกไป ปราณจิตราไหลพล่าน ปัดเอาเศษหินออกดังโครมคราม จนผลึกหินสีดำก้อนหนึ่งปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา

ชายหนุ่มจ้องมองผลึกหินสีดินอยู่พักหนึ่ง รู้สึกได้ถึงพลังปราณที่สั่นไหวไหลเวียนอยู่ภายในอย่างแผ่วเบา จากนั้นเขาก็ยื่นนิ้วมือออกไปแตะพื้นผิวผลึกหินแผ่วเบา แล้วถ่ายปราณจิตราของตนเข้าไป

หลังจากปราณจิตราเข้าสู่ผลึกหินสีดำ และหมุนเวียนรอบหนึ่งแล้ว มันก็กลับสู่ภายในร่างกายเยี่ยนจ้าวเกอ

สิ่งที่ตามมา กลับดึงปราณของเหลวเป็นเส้นฝอยที่แฝงอยู่ในผลึกหินสีดำเองออกมา

เขาสำรวจภายในร่างกายตนเอง สามารถเห็นได้ถึงการมีอยู่ของสิ่งที่คล้ายกับเส้นด้ายสีดำเส้นหนึ่ง ไหลออกไปแล้วหวนกลับเข้ามาใหม่ตามปราณจิตราของตน ตรงดิ่งจากระหว่างนิ้วไหลเข้าสู่ภายในร่างกายตน สู่จุดตันเถียนชี่ไห่พร้อมกับปราณจิตรา

ปราณของเหลวที่คล้ายกับเส้นด้ายสีดำนั้นบริสุทธิ์และควบแน่น ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบอยู่หลายส่วน

ทว่าขณะเดียวกับที่กำลังรู้สึกถึงความเย็นเยียบนั้น ภายในใจของเขากลับกระสับกระส่ายอยู่ช่วงหนึ่ง ราวกับมีสิ่งใดถูกลากดึงไว้ กำลังจะเคลื่อนไหวก่ออันตราย

ในสมองเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับปรากฎเงาร่างของคนผู้หนึ่ง เงาร่างนั้นเลือนรางไม่ชัดเจน กระนั้นมองเผินๆ ลักษณะหน้าตาองคาพยพทั้งห้า คล้ายกับตัวเขาย่างคาดไม่ถึง

เพียงแต่เงาร่างนี้สบตากับเยี่ยนจ้าวเกอ ในแววตาที่คล้ายกับจะใช่แต่ก็ไม่ใช่ เผยเห็นปราณชั่วร้ายที่ไม่ปกปิดทั้งสิ้น

เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพเบื้องหน้านี้ด้วยความสงบเงียบ หัวเราะเย้ยหยัน “ก้อนผลึกที่ก่อตัวขึ้นหลังจากค่ายกลผกผันกลับอย่างนั้นหรือ?”

ภายในจุดตันเถียนชี่ไห่ ปราณสะอาดกระจายออก เผยเห็นกลุ่มธาตุปราณบริสุทธิ์ที่อยู่ภายใน

ขณะที่กลุ่มธาตุปราณพรั่งพรู ก็รับเอาปราณของเหลวที่คล้ายกับเส้นด้ายสีดำนั่นเข้าสู่ภายใน เมื่อด้ายดำเข้าสู่ภายใน ควันขาวเป็นฝอยๆ พลันพุ่งออกมาทันที!

ในสมองเยี่ยนจ้าวเกอ เงาร่างปราณชั่วร้ายกายหนึ่งนั้น ค่อยๆ เลือนหายไปอย่ารวดเร็ว

จิตวิญญาณผลึกหินที่ลากดึงออกมาจากภายใน เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามที่เยี่ยนจ้าวเกอเสริมปราณจิตราของตนทะลุเข้าสู่ภายในผลึกหินสีดำ จนท้ายที่สุด เหมือนกับว่าธารแสงสีดำสายหนึ่งผ่านปลายนิ้วเยี่ยนจ้าวเกอ ไหลตามเส้นลมปราณเข้าสู่ภายในจุดตันเถียน

ธารแสงสีดำที่รับเข้ามายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มธาตุปราณบริสุทธิ์ค่อยๆ ขยายตัวออก

หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ผลึกแก้วสีดำพลันส่งเสียง ‘แกรก’ ดังกังวานทอดส่งมา จากนั้นก็เห็นว่าผิวผลึกหินปรากฎรอยแตกร้าวออก จากนั้นก็แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย

เศษชิ้นส่วนผลึกหินสีดำที่แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย กลายเป็นดินทรายอย่างรวดเร็วยิ่ง สุดท้ายปลิวกระจายไปกับสายลม เปลี่ยนเป็นละอองฝุ่น

กลุ่มธาตุปราณบริสุทธิ์ในจุดตันเถียนชี่ไห่ของเยี่ยนจ้าวเกอ หลังจากขยายตัวแล้ว ก็หดเล็กลงอย่างฉับไวด้วยเช่นกัน สุดท้ายเปลี่ยนกลับเป็นลักษณะเดิมใหม่อีกครั้ง ประหนึ่งไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้นมาก่อน

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้สึกได้ถึงปราณจิตราทั่วกายตนเอง ที่ยิ่งทรงพลังมากขึ้น เข้าถึงเส้นลมปราณทั้งหมด ขณะเดียวกันสติปัญญาก็เพียงพอมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีความรู้สึกได้ดั่งใจต้องการ ระยะทางสู่ขั้นเคียงนภาระยะท้ายใกล้เข้ามาอีกก้าวหนึ่ง

กลุ่มธาตุปราณกลับมาสงบอีกครั้ง ปราณบริสุทธิ์ปรากฎให้เห็น ห่อหุ้มอำพรางกลุ่มธาตุปราณบริสุทธิ์ไว้

เยี่ยนจ้าวเกอได้รับความสำเร็จ สายตากวาดมองอบทิศก็พบว่าไอมารในโลกหล้าค่อยๆ กระจายออกไปแล้ว ตำแหน่งที่ฝูงชนอยู่ตอนนี้ก็คือบนกองโคลนก้นบึ้งทะเลสาบปิดนภา น้ำทะเลสาบละแวกใกล้เคียงแห้งเหือดจนหมดสิ้น ขณะนี้บัดนี้เหมือนกับแอ่งกระทะขนาดมหึมาอย่างไรอย่างนั้น

ไอมารกระจายออกไปจนหมดสิ้น ฟ้าดินแดนมารพังทลายลง ไม่มีผลกระทบจากไอมารแล้ว น้ำในทะเลสาบที่ถูกตัดขาดไกลออกไปเริ่มเติมเต็มความว่างเปล่า ไหลพรั่งพรูมาทางแถบนี้อีกครั้ง

ข้างหูเยี่ยนจ้าวเกอได้ยินเสียงน้ำไหลเชี่ยวดังขึ้นจากทั่วสารทิศ ราวกับน้ำป่าไหลหลากก็ไม่ปาน

ทางด้านนั้น หลิวเซิ่งเฟิงสิ้นใจในเงื้อมมือของหร่วนผิงเรียบร้อยแล้ว กลุ่มของเยี่ยฉงโจวและหลี่จิ้งหว่านก็ประคองกันและกัน

ชายหนุ่มยันฝ่ามือออกไป ปลดปล่อยปราณจิตราสู่ภายนอก แปรสภาพเป็นมือยักษ์ข้างหนึ่ง ยกเอาพวกเยี่ยฉงโจวขึ้น แล้วเคลื่อนกายเหินขึ้นไปพร้อม

ไม่นานนัก น้ำไหลหลากก็ไหลพล่านมาจากแต่ละทิศละทาง ใต้ฝ่าเท้าของทุกคนกลายเป็นเขตน้ำเจิ่งนองทั้งผืนใหม่อีกครั้ง

เพียงแต่ว่าทะเลสาบปิดนภาในขณะนี้ ไม่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

ยกตัวอย่างเช่น หมู่เกาะต่างๆ เช่นเกาะปิดนภาที่อยู่เขตใจกลางทะเลสาบใหญ่ บัดนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว โพรงลึกมหึมาโพรงหนึ่งที่เบื้องล่างทะเลสาบ คล้ายกับป่าวประกาศเอาไว้ว่าก่อนหน้าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งมองไกลออกไป เขารู้สึกว่าสภาพพื้นดินของทะเลสาบปิดนภาแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

เหล่าจอมยุทธ์จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ไม่น้อยที่อยู่บนทะเลสาบปิดนภาหรือพื้นที่ใกล้เคียง กำลังเปิดฉากสงครามอย่างดุเดือด กระเทือนไปเป็นร้อยเป็นพันลี้อย่างง่ายดาย ต่อสู้จนโกลาหลอลหม่าน

ทะเลสาบปิดนภาที่มีทัศนียภาพน่าเบิกบานใจกลายเป็นอดีตโดยสิ้นเชิง เมฆหมอกที่ปกคลุมบนผิวทะเลสาบตลอดปีอันตรธานหายไปจนสิ้น การไหลเวียนพลังชีวิตทั่วทั้งเขตพื้นที่ ยุ่งเหยิงจนเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปไม่เหลือเค้าเดิม

เทียบกับพลังความสามารถของผู้เข้าร่วมสงครามแล้ว หากไม่ใช่การมีอยู่ของมหาค่ายกลแดนมารและมหาค่ายกลของหอคลื่นโหมที่เดิมตั้งอยู่ ณ ตรงนี้ ครอบคลุมทะเลสาบปิดนภาอันกว้างใหญ่ เกรงว่าทั่วทั้งผืนแผ่นดินคงจะถูกกำจัดไปจนสิ้น

ร่างเยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่กลางอากาศ ในใจพลันรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย ครั้นหันศีรษะกลับไปมอง ก็เห็นว่าไกลออกไปมีเงาร่างหนึ่งเข้ามาใกล้อย่างว่องไว

ผู้มาเยือนร่างกำยำสูงใหญ่ ทว่ากลับมีท่าทีตะโกนขึ้นฟ้าศีรษะก้มหน้าลงดินร่ำไห้ “คุณชาย ท่านไม่เป็นไรช่างดีเหลือเกิน!”

ไม่ใช่อาหู่จะเป็นผู้ใดได้?

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะพลางกล่าว “โชคดีที่ดูเหมือนอกสั่นขวัญแขวน แต่สุดท้ายก็ไม่มีอันตรายใดๆ คลี่คลายปัญหาได้อย่างราบรื่น”

ด้านหลังอาหู่ตามติดด้วยสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา สีขนขาวดำแซมสลับกัน ด้านบนสุดประดับด้วยเบ้าตาดำขนาดใหญ่ ท่าทางทึ่มๆ ไร้เดียงสา ก้าวเท้าพลางแบะปากอย่างเห็นได้ชัด

แน่นอนว่าเจ้าตัวใหญ่ตัวนี้คือพ่านพ่าน มันไม่คำนึงถึงซือคงจิงซึ่งนั่งอยู่บนหลัง ก่อนจะแยกขาออก ถลาเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอราวกับบินก็ไม่ปาน

พ่านพ่านสนิทกับชายหนุ่มเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาดีใจ เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากให้เจ้าตัวใหญ่กระโจนไปบนร่างของตนเช่นนี้ จึงยกมือขึ้นห้ามปรามมันอย่างรีบร้อน

เยี่ยนจ้าวเกอตบๆ หัวของพ่านพ่านแผ่วเบา มันแลบลิ้นออกมาเลียฝ่ามือเขาเบาๆ

ซือคงจิงมองน่านน้ำเบื้องหน้าที่ค่อยๆ ฟื้นสภาพจนสงบเงียบ รับรู้ได้ถึงความผันแปรของพลังชีวิตที่สงครามดุเดือดนำพามา ซึ่งบริเวณไกลออกไปยังคงไม่สิ้นสุดลง ดวงตาทั้งสองทอประกายระยิบระยับ

เนื่องจากกลุ่มของซือคงจิงและเยี่ยฉงโจวแสดงความเคารพ สายตาเยี่ยนจ้าวเกอจึงมองไปยังอีกฟาก

ณ ตรงนั้นปรากฏเงาร่างของสวีเฟย

สวีเฟยเห็นว่ากลุ่มของเยี่ยนจ้าวเกอปลอดภัย ก็ผ่อนลมหายใจเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงเอ่ยถามอีกฝ่ายว่า “มหาค่ายกลแดนมารพังทลายลง พลังปราณของนพยมโลกเองก็สลายหายไป ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็น…”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มกล่าว “บังเอิญโชคดี บังเอิญโชคดี”

อีกฝ่ายทุบไปบนบ่าของชายหนุ่มเบาๆ “เจ้าช่างสุดยอดเสียจริง เจ้าจัดการเรื่องราวได้เรียบร้อยดีจริงๆ!”

“นี่เปรียบกับเรื่องการประชุมฝ่านภาแล้วยิ่งใหญ่กว่ามากนัก” สวีเฟยกล่าวชื่นชม “ยากจะจินตนาการว่านี่คือเรื่องที่จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์จะสามารถจัดการได้”

“ศิษย์พี่เฟยท่านก็รู้ว่าข้าพบโดยโชค ได้รับเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่ง ไม่เช่นนั้นข้าก็คงทำไม่ได้เช่นกัน” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มน้อยๆ

สวีเฟยส่ายศีรษะ “เป็นเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ พลังฝึกปรือของระดับขั้นปรมาจารย์สามารถทำให้มันสำแดงผลได้ เดิมทีนี่ก็วิเศษเป็นอย่างยิ่งแล้ว

“ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงจังหวะโอกาสนี้ที่เจ้าพยายามชิงชัยกับคู่ต่อสู้มา ไม่ใช่เบื้องบนประทานลงมาอย่างไม่มีสาเหตุและเหตุผล”

ในระหว่างที่กล่าว ไกลออกไปปรากฎเงาร่างอีกเงาหนึ่งขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอหันศีรษะกลับไปมอง กลับเป็นถังหย่งฮ่าวที่พลัดจากกันไปก่อนหน้านี้

ถังหย่งฮ่าวเองก็รู้เช่นกันว่าเยี่ยนจ้าวเกอปรารถนาจะเข้าไปในศูนย์กลางค่ายกล เพียงแต่ภายหลังพลัดจากกันระหว่างทาง

ขณะนี้มหาค่ายกลแดนมารดับสูญ ถังหย่งฮ่าวก็นึกถึงเยี่ยนจ้าวเกอในทันทีทันใด หลังจากรู้ว่าเป็นฝีมือของอีกฝ่ายจริงๆ เขาก็กล่าวออกมาจากใจจริงว่า “ศิษย์น้องเยี่ยน ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าจะเป็นเช่นไร ทว่าเรื่องนี้ข้าต้องกล่าวคำว่าเลื่อมใสสักคำ ต้องขอบคุณเจ้าด้วยเช่นกันทำให้คนธรรมดาทั่วไปในโลกแปดพิภพไม่ถึงขั้นประสบกับหายนะ”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ศิษย์พี่ถังกล่าวเกินไปแล้ว”

เขามองไกลออกไป ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องครานี้เปลี่ยนเป็นยุ่งเหยิงเช่นนี้ ต้นตออยู่ที่การกัดเซาะแทรกซึมของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตนั้นแข็งแกร่งเกินไป ไม่รู้ได้ว่าแท้จริงแล้วเป็นผู้ใดที่ก่อปัญหาขึ้น”

…………..