บทที่ 174 ตกใจจนวิ่งหนีไป

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

เมื่อเห็นว่าเธอเดินออกไปด้วยความหงุดหงิดโมโห หนานกงเย่เดินเข้าไปหาหนานกงเยี่ยน “พี่รอง พี่มาถึงจวนของก็ทำให้อวิ๋นอวิ๋นโมโห นางไม่มีความสุข ข้าก็ไม่มีความสุข พี่รองไม่เข้าใจความเจ็บปวดและความยากลำบากของผู้อื่นหรือ?”
หนานกงเยี่ยนขี้เกียจเกินจะสนใจและพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมา “ร่างกายของฉูฉู่ไม่แข็งแรงนัก หลังจากที่ถูกเสด็จอาใหญ่โบยก็ไม่ดีขึ้นมาเลย และตอนนี้อากาศก็ยิ่งร้อนขึ้น ทำให้เริ่มเกิดแผลขึ้น ข้าได้เชิญหมอจวนมาแล้วหลายคน แต่ฉูฉู่กลับไม่ยินยอมให้รักษา ตอนนี้มีแค่หมอผู้ชาย ไม่มีผู้หญิงเลย มีบางบริเวณที่ไม่สามารถให้รักษาได้ ข้าจึงคิดได้ว่ามาที่นี่”
“พี่รองกลับไปก่อนเถอะ บางบริเวณที่ว่านั้น เหล่าหมอในจวนไม่มีทางเห็นได้อย่างแน่นอน แต่อวิ๋นอวิ๋นก็ไม่สามารถเห็นได้ ข้าก็ไม่ยินยอม”
หนานกงเย่คิดว่าเขาจะมารับอวิ๋นหลัวฉวนกลับไป ไม่คิดเลยว่าจะมาเพราะเรื่องนี้ จึงทำให้เขาโมโห
เมื่อลุกขึ้น หนานกงเย่ก็เดินออกไปข้างนอกเพื่อกลับไปปลอบใจอวิ๋นอวิ๋น เพื่อตอนกลางคืนจะได้ไม่ต้องไปนอนที่อื่น
หนานกงเยี่ยนรู้สึกหดหู่และไม่ยินยอมที่จะออกไปจากห้องโถงด้านหน้า พ่อบ้านจึงต้องมาเชิญให้ออกไป
“ท่านอ๋องตวนกลับออกไปจะดีกว่าขอรับ”
“……” ท่านอ๋องตวนทำอะไรไม่ได้หลังจากนั้นจึงกลับไปยังจวนท่านอ๋องตวน
จวินฉูฉู่ใบหน้าซีดเซียวไปมาก เมื่อนางเห็นว่าหนานกงเยี่ยนกลับมาจึงลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก “นางไม่มาหรือ?”
หนานกงเยี่ยนเดินไปตรงหน้าของจวินฉูฉู่ นั่งลงและกุมมือของจวินฉูฉู่ไว้ “ข้าจะกลับไปอีก หากนางไม่มา ข้าจะเข้าวัง ข้าไม่เชื่อว่านางจะไม่มา”
จวินฉูฉู่ส่ายหน้า “นางไม่มาแน่ หากนางจะมา นางคงมาตั้งนานแล้ว”
“ฉูฉู่ ข้าไม่ว่าอะไร ให้หมอในจวนรักษาให้เถอะ”
หนานกงเยี่ยนอ้อนวอนจวินฉูฉู่อย่างช่วยไม่ได้ และจวินฉูฉู่ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ
“หม่อมฉันไม่สามารถทำได้ หม่อมฉันยอมตาย” จวินฉูฉู่ล้มตัวลงนอนและไม่ยอมรับที่จะให้หมอในจวนรักษา
เมื่อก่อนตอนที่นางเคยเป็นลมหมดสติไป หมอในจวนเคยทำการรักษาให้นาง นางรู้สึกหัวเสียมาก และนางก็ไม่ชอบคนเหล่านั้น
หนานกงเยี่ยนก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงเฝ้ารอกับจวินฉูฉู่ด้วยความลำบาก
ฉีเฟยอวิ๋นกลับเข้าไปในห้องทดลอง และเริ่มทำการทดลองต่างๆ โดยสาเหตุหลักแล้วเป็นเพราะเข็มฉีดยาทองแดงของเธอถูกหล่อและเธออยู่ในกระบวนการผลิตแล้ว ส่วนที่ใช้แล้ว เธอก็จะนำมันกลับมาหลอมใหม่ก่อนที่จะทำการหล่อ สามารถใช้เป็นเข็มฉีดยาและการฆ่าเชื้อก็ง่ายเช่นกัน
“อวิ๋น อวิ๋น”
หนานกงเย่รู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นต้องกำลังอยู่ภายในห้องทดลอง แต่เขาไม่สามารถเข้าไปได้ ทำได้เพียงยืนเคาะประตูอยู่ข้างนอก
ห้องทดลองถูกทำให้ระเบิดไปครั้งที่แล้ว และถูกสร้างใหม่ให้มีความแข็งแรงกว่าเดิม รอบๆ ถูกหล่อด้วยแผ่นเหล็ก และไม้ไผ่สีเขียววางทั้งภายในและภายนอก อากาศอบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นในฤดูร้อน มีความสวยงามและกว้างขวาง
“เข้ามาเถอะ ไม่ได้ผลึกประตูไว้เพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นกำลังเก็บของ
หนานกงเย่ผลักประตูและเดินเข้ามา ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหนานกงเย่ “ท่านอ๋อง”
“ท่านอ๋องตวนกลับไปแล้ว” หนานกงเย่ปิดประตูและเดินเข้าไปหาฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังให้หนานกงเย่และใส่เข็มฉีดยาสิบกระบอกลงไปในกล่องยา ข้างในบรรจุยาเพนิซิลลินหลายตัวและน้ำเกลือหนึ่งขวดที่ผ่านการกลั่น และยังมีน้ำตาลกลูโคสอีกหนึ่งขวด เธอหาโอกาสที่จะลองชิมรส
หนานกงเย่กอดเธอไว้แน่นจากข้างหลัง “ข้าทำได้ดีไหม?”
“ท่านอ๋องไม่คิดว่าพฤติกรรมของท่านอ๋องตวนนั้นแย่มากเลยหรือเพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นไม่คิดก็ไม่เป็นไร แต่ยิ่งคิดกลับยิ่งรู้สึกโมโห
อวิ๋นหลัวฉวนเป็นถึงท่านฮูหยินหลวงขั้นที่หนึ่ง เขายังเห็นกฎหมายของจักรพรรดิในสายตาของเขาไหม
เดิมทีต้องการจะกลับไป แต่เขาไม่ยอม ตอนนี้ยอมที่จะอยู่ต่อ แต่เขาไม่รับไป จะให้อวิ๋นหลัวฉวนทำอย่างไร?
หนานกงเย่ส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดไปคิดมาก็ถูกของเขา เขาทำอะไรไม่ได้
“อันที่จริงจวนท่านอ๋องก็ไม่ได้ขัดสน งั้นก็ปล่อยไปเถอะ” ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้คาดหวังว่าท่านอ๋องตวนจะรับอวิ๋นหลัวฉวนกลับไป ในเมื่อไม่ไป เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากออกไปเที่ยวเล่นในเมืองหลวง ท่านเคยพูดไว้ว่าจวนท่านอ๋องตวนมีธุรกิจมากมาย หม่อมฉันอยากทำธุรกิจ ไม่เช่นนั้นรายจ่ายเยอะเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นหนี้ห้าหมื่นตำลึง ถึงอย่างไรก็ต้องใช้คืน”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ เธอก็คงไม่พูดไปเช่นนั้น
นี่เป็นผลของการทำตัวเองแท้ๆ?
หนานกงเย่เดินออกจากประตูมาพร้อมกับฉีเฟยอวิ๋น และเดินเล่นไปบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยความพลุกพล่านคึกคักของผู้คน ฉีเฟยอวิ๋นเล็งร้านค้าเอาไว้สามร้าน ล้วนเป็นร้านค้าริมถนนทำเลดี แต่การค้าขายกลับไม่ดีเท่าไรนัก
หนานกงเย่ถาม “พระชายาต้องการทำการค้าขายด้านไหนหรือ? ต่อให้เป็นการค้าขายที่ได้กำไร แต่ด้วยระยะเวลาอันสั้นนี้ ต้องการได้กำไรห้าหมื่นตำลึงก็นับว่ายากมาก”
“เริ่มจากการเปิดร้านเสื้อผ้าก่อนหนึ่งร้าน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเชิญช่างตัดเสื้อฝีมือดีมาได้ไหม” ฉีเฟยอวิ๋นพึมพำกับตัวเอง
หนานกงเย่หัวเราะ “ข้าคิดว่าพระชายาจะเปิดร้านยา ทำไมถึงเป็นร้านเสื้อผ้าไปได้?”
“ท่านอ๋องไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกเพคะ หม่อมฉันทำงานหาเงินตำลึงก็หาเพื่อตัวเอง หากท่านอ๋องต้องการใช้ ท่านอ๋องก็ต้องยืมจากหม่อมฉันเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นพูดติดตลก
หนานกงเย่ถาม “ของของพระชายาก็คือของของข้าไม่ใช่หรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า “ไม่เป็นเช่นนั้นเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองที่ร้านค้านั้น ร้านค้าดูไม่มีค่า ผู้ที่ร่วมงานด้วยก็ไม่ต้องการ เมื่อนำโฉนดที่ดินมาดู ฉีเฟยอวิ๋นจึงทำข้อตกลงทันที ร้านค้าราคาหนึ่งพันตำลึง แต่เธอให้ไปหนึ่งพันสองร้อนตำลึง เมื่อเขียนเอกสาร ร้านนั้นก็เป็นของเธอ
เวลาเพียงครึ่งวันก็ดำเนินการมาได้สามร้าน เมื่อถึงเวลาค่ำฉีเฟยอวิ๋นจึงกลับไปพักผ่อน
เมื่อสั่งการอธิบายออกไป ทังเหอจะเป็นผู้ดูแลจัดการร้านค้า เธอเขียนรายการออกมาหนึ่งใบ เมื่อทังเหอเห็นก็รู้สึกตกใจ พระชายาต้องการที่จะเปิดร้านเพื่อหาเงินตำลึงจริงๆ ด้วย
แต่เมื่อมองดูร้านทั้งสามแห่งที่พระชายาเปิดขึ้น ก็ดูเหมือนจะไม่มีร้านใดที่จะทำกำไรได้
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นท่านอ๋องตวนและพระชายาตวนอยู่ภายในห้อง คนที่จวนท่านอ๋องตวนใช้ไม้ไผ่ทำเป็นเตียงและหามคนมา
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเห็นทั้งสองคนก็ทำสีหน้าไม่พอใจ
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันยังมีเรื่องต้องจัดการ หม่อมฉันกลับก่อนเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับและต้องการเดินออกไป แต่กลับถูกจวินฉูฉู่เรียกไว้ “พระชายาเย่ ข้ามาที่นี่ก็ไม่เพียงแค่เพราะตัวของข้าเอง หากข้าไม่หายดี เช่นนั้นก็ไม่สามารถรับพระชายารองอวิ๋นกลับไปได้ เจ้าคงไม่ต้องการเห็นข้านอนอยู่ตรงนี้เพื่อรับพระชายารองอวิ๋นกลับไปหรอก?”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปหยุดที่หน้าประตูและหันกลับมามองจวินฉูฉู่ “รพะชายาตวน หากเจ้าจะบอกข้าว่าเจ้าทนไม่ไหวแล้ว ต้องการให้ข้ารักษาอาการให้เจ้า ขอร้องข้าให้ช่วยเจ้า เช่นนั้น ข้าก็จะช่วยเจ้า
แต่ตอนนี้เจ้ากลับเป็นเช่นนี้ ข้าไม่มีทางช่วยเจ้าอย่างแน่นอน”
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับและเดินกลับเรือนด้านหลังไป เธอไม่ต้องการสนใจจวินฉูฉู่
หนานกงเย่จ้องมองไปที่หนานกงเยี่ยนและจวินฉูฉู่ “ช่วงนี้อารมณ์ของพระชายาไม่ดีมากนัก คงเป็นเพราะภายในจวนมีเรื่องไม่สบายใจเกิดขึ้น รอให้ช่วงเวลาแห่งความลำบากนี้หายไป คาดว่าก็คงจะหายดีได้ พี่รองกลับไปก่อนเถอะ”
“ฉูฉู่เป็นเช่นนี้ ข้ารอต่อไปไม่ได้แล้ว ภายในจวนของเจ้ามีความลำบากอะไรขอให้บอกข้ามา ข้าจะช่วยอย่างแน่นอน” เพื่อจวินฉูฉู่ หนานกงเยี่ยนสามารถทำทุกอย่าง
หนานกงเย่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เรื่องช่วยคงไม่ต้องแล้ว เรื่องของพี่รองข้าก็อยากจะช่วย แต่อารมณ์ของอวิ๋นอวิ๋นข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉะนั้นพวกเจ้ากลับไปเถอะ ส่วนพระชายาตวน……”
“น้องสาม เจ้าเรียกข้าพี่รอง เจ้าก็ต้องช่วยข้า” หนานกงเยี่ยนกำลังทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และไม่ยอมกลับไป
หนานกงเย่มองเขาและเหลือบมองจวินฉูฉู่ที่อยู่บนพื้น
“เช่นนั้นข้าจะไปถามให้ แต่ความหวังมีไม่มาก พวกเจ้าก็เตรียมใจไว้ด้วย อวิ๋นอวิ๋นเป็นคนดื้อรั้นมาก เรื่องของนาง ข้าไม่สามารถตัดสินใจแทนได้” หนานกงเย่หันกลับไปเพื่อเดินไปหาหาฉีเฟยอวิ๋น เมื่อมาถึงเรือนสวนดอกกล้วยไม้ เขาเดินเข้าไปและเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นกำลังอุ้มเจ้าจิ้งจอกหางสั้นเงยหน้าชมจันทร์
หนานกงเย่เงยหน้าขึ้นไปมองและเดินเข้าไปหาฉีเฟยอวิ๋น “ข้าปากไม่ดีเองที่ตอบตกลงว่าจะมาถาม”
ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะและกลอกตาใส่หนานกงเย่ “หม่อมฉันรู้ว่าท่านจะกลับมา ท่านกลับไปบอกพวกเขา หม่อมฉันสามารถช่วยได้ แต่ไม่จำเป็นต้องดู เพียงแค่ฉีดยาเข้าไปหนึ่งเข็มก็ได้แล้ว นางจะเชื่อหรือไม่เชื่อหม่อมฉัน หากนางเชื่อ หม่อมฉันก็จะไป หากไม่เชื่อหม่อมฉัน ท่านอ๋องก็กลับมา แล้วพวกเขาก็จะกลับไปเอง”
“เข็มอะไรหรือ?” ในหัวของหนานกงเย่ เขานึกถึงบางสิ่งที่มีความหนาบางต่างกัน เดิมทีมันเป็นสีขาวและตอนหลังก็เป็นสีเหลือง
มีทั้งหนาและบาง เหมือนจะเป็นหมายเลขห้า
“แบบที่หม่อมฉันหลอมเอาไว้เมื่อก่อน หากท่านอ๋องเกรงว่าจะอธิบายไม่ชัดเจนก็นำไปให้ดูหนึ่งอันก็ได้” ฉีเฟยอวิ๋นหยิบหลอดฉีดยาที่ใหญ่ที่สุดชิ้นหนึ่งและส่งให้หนานกงเย่
“ท่านอ๋องนำไปเถอะเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นปลดกระดุมเสื้อผ้าและขึ้นไปบนเตียงนอน หนานกงเย่มองไปที่หลอดเข็มฉีดยาในมือ และก็ไม่ได้คาดหวังอะไร
ของสิ่งนี้หนาเกือบเท่าแขนของอวิ๋นอวิ๋น เขามองแล้วยังคิดว่ามันคืออาวุธลับ จวินฉูฉู่หรือจะกล้า?
ยิ่งกว่านั้นทั้งสองมีความเป็นปรปักษ์กันก็อาจจะไม่เชื่อถือ
หนานกงเย่ไปที่ห้องโถงด้านหน้าพร้อมกับหลอดเข็มฉีดยา เมื่อเข้าประตูมาก็หยิบเข็มฉ๊ดยาออกมาให้จวินฉูฉู่ดู และอธิบายตามที่ฉีเฟยอวิ๋นบอกมาทั้งหมดให้จวินฉูฉู่ฟัง
จวินฉูฉู่ตกใจจนหน้าซีดเซียวไปในทันที นางตกใจจนหันไปมองหนานกงเยี่ยน “ท่านอ๋อง”
“น้องสาม ต่อให้เจ้าจะไม่ชอบพวกเรา ก็คงไม่ถึงกับต้องหยิบของสิ่งนี้มาทำให้เราตกใจกลัว เห็นได้ชัดว่านี่มันคืออาวุธลับ ไม่เช่นนั้นทำไมเจ้าไม่ถือมีดออกมาเลย” หนานกงเยี่ยนโกรธจนหน้าเขียว
หนานกงเย่วางเข็มฉีดยาลงบนโต๊ะด้วยเสียงดัง และอธิบายอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าก็ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งนี้สามารถช่วยชีวิตได้ แต่สิ่งที่พระชายาพูดนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด นางบอกว่าใช้สิ่งนี้ฉีดเข้าไปหนึ่งเข็มก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ข้านำคำพูดมาบอกหมดแล้ว หากพวกเจ้าเชื่อข้า ก็ส่งคนมารับนาง หากไม่เชื่อ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร”
“เป็นไปไม่ได้ สิ่งนี้หม่อมฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ต่อให้ต้องการทำร้ายหม่อมฉัน ก็คงไม่ต้องใช้วิธีการนี้มาทำให้หม่อมฉันกลัวเช่นนี้” จวินฉูฉู่ร้องไห้ออกมา ฉูฉู่มองไปที่หนานกงเย่อย่างน่าสงสาร นางยังคาดหวังว่าหนานกงเย่จะกลับใจได้ นัยน์ตาของนางเศร้าหมอง ชนิดที่สามารถทำให้คนหวั่นไหวได้
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของหนานกงเย่ กลับไม่มีสิ่งนั้น
“พวกเจ้าไม่เชื่อ ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ พระชายาพูดกับข้าเช่นนี้ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร” หนานกงเย่ทำดีที่สุดแล้ว เขาเหวี่ยงแขนเสื้อไปข้างหลังและไม่มองจวินฉูฉู่แม้แต่นิดเดียว ในสายตาของเขากลับไม่มีจวินฉูฉู่อยู่เลย คนที่เขาเผชิญหน้าอยู่คือหนานกงเยี่ยน
จวินฉูฉู่ร้องไห้ด้วยความเจ็บใจ นางนอนร้องไห้และทุบหน้าอกอยู่กับพื้นจนหนานกงเยี่ยนต้องเข้าไปดู
“ฉูฉู่ ไม่เช่นนั้นเราลองดูไหม?” หนานกงเยี่ยนก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว
จวินฉูฉู่ผลักหนานกงเยี่ยนออกไป “ไปให้พ้น!”
หนานกงเยี่ยนถูกผลักจนเกือบจะล้มลง หนานกงเย่สีหน้าเคร่งขรึม “บังอาจ!”
จวินฉูฉู่ตกใจ หนานกงเยี่ยนก็ตกใจ
หนานกงเย่มีสีหน้าเย็นชา เขาเหลือบมองไปที่หนานกงเยี่ยนและรีบเข้าไปประคองหนานกงเยี่ยนลุกขึ้น หลังจากนั้นจึงหันไปมองจวินฉูฉู่ “ข้าไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในห้องของจวนอ๋องตวน แต่เจ้ากลับทำเรื่องเช่นนี้ในจวนของข้า หรือเห็นว่าข้าตายไปแล้วหรือ?”
จวินฉูฉู่มองไปที่หนานกงเย่ด้วยความงุนงง “ท่านพี่เย่……”
“อย่าเรียกข้า ตั้งแต่ที่เจ้าแต่งงานเข้าจวนอ๋องตวนไป เจ้ากับข้าก็เป็นเพียงพี่สะใภ้ เจ้าคือพระชายาตวน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ควรนึกถึงท่านอ๋องตวนไว้เสมอ
เรื่องราวภายในระหว่างสามีภรรยานั้นข้าไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่หากเจ้ากล้าผลักท่านอ๋องตวน ในสายตาของเจ้ายังมีอาณาจักรต้าเหลียงหรือไม่?”
“หม่อมฉัน……”
จวินฉูฉู่ร้องไห้ราวกับสายฝน
หนานกงเยี่ยนดึงหนานกงเย่ออกไป “เจ้าไม่ต้องมายุ่ง ข้ายินดี”
ท่านอ๋องตวนก้มตัวลงไปอุ้มจวินฉูฉู่และเดินออกไปนอกประตู
หนานกงเย่เดินกลับออกไปด้วยความโกรธเคือง หลังจากเข้าห้องมาก็โยนเข็มฉีดยาลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง
ฉีเฟยอวิ๋นนอนหลับไปแล้วแต่กลับตกใจตื่นจากเสียงดังของเขา