บทที่ 405 กับดัก

คู่ชะตาบันดาลรัก

ลูกธนูนับพันถูกยิง และในไม่ช้าเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นในคืนอันเงียบสงบ

หนิงซิวได้ยินก็ตกใจเขาเลิกคิ้ว บุรุษชุดดำยืนอยู่บนเนินเขาอย่างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นพลุอีกอันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

ทันใดนั้นคบเพลิงก็ถูกจุดขึ้นที่อีกฟากหนึ่งของยอดเขาแสงไฟนั้นกำลังมุ่งหน้ามายังที่ราบสูง บุรุษชุดดำเห็นเช่นนั้นก็รีบกระโดดขึ้นไปที่นั่นทันที หนิงซิวเองไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ก็รีบตามไป

บุรุษชุดดำเหยียบกิ่งไม้ และเห็นกลุ่มคนที่วิ่งไปยังที่ราบสูง แสงไฟสะท้อนให้เห็นชุดเกราะของจงซู่อย่างชัดเจน

“โปรดหยุดก่อนแม่ทัพจง!” เขาเปล่งลมพูดออกมาเสียงดังก้องจนหยุดจงซู่ได้สำเร็จ

“ท่านหลิน!” จงซู่พูดอย่างโกรธเคือง “ท่านลืมเรื่องที่รับปากกับข้าไว้แล้วหรือ”

บุรุษชุดดำตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะลืมได้อย่างไร”

จงซู่กล่าวหาเสียงดัง “แล้วเหตุใดท่านไม่รักษาสัญญา!”

บุรุษชุดดำตอบ “ข้าไม่เคยรักษาสัญญา ท่านแม่ทัพก็ไม่เชื่อด้วยไม่ใช่หรือ ไม่เช่นนั้นเหตุใดต้องส่งคนติดตามหลังคุณชายหยางมาด้วย ในเมื่อท่านไม่เชื่อข้า เหตุใดถึงกล้าตำหนิข้าที่ไม่รักษาสัญญากัน เป็นท่านที่แพ้แก่ข้ามิใช่หรือ”

“ท่าน…”

บุรุษชุดดำมองใบหน้าที่เขียวคล้ำของอีกฝ่ายแล้วคิดถึงแผนการที่จะประสบความสำเร็จ หลายปีมานี้ในที่สุดก็มีเรื่องที่ได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจจนหัวเราะออกมาเสียงดัง

เมื่อหัวเราะเสร็จเขาก็พูดว่า “แม่ทัพจง ตอนนี้ท่านยังแสร้งทำเป็นมีคุณธรรมอยู่อีกหรือ ปีนั้นบิดาของท่านจัดงานสังสรรค์ แต่พวกท่านโชคดีที่หนีรอดมาได้ ตอนนี้เพื่อเห็นแก่ความรุ่งโรจน์ และอำนาจจึงไม่ถูกข้าควบคุม อย่างไรท่านเองก็ไม่เต็มใจไม่มีความจริงใจที่จะร่วมมืออยู่แล้ว

ขณะที่แสร้งทำเป็นเชื่อฟังและเอาใจข้าท่านเองก็ระวังตัวอยู่เสมอ มองหาโอกาสที่จะได้ของคืน หรือแม้แต่อยากจะฆ่าปิดปากพวกเราเลยด้วยซ้ำ พวกเราสองฝ่ายเดิมทีต่างเป็นความสัมพันธ์แบบเล่นงานกันและกัน ท่านแพ้แล้วมีอะไรให้โทษข้ากันเล่า”

จงซู่หน้าเขียวเขาพูดเสียงเย็นชา “ท่านพ่อทำผิดพลาดข้าไม่มีอะไรจะแย้ง อย่างไรก็ตามตระกูลจงคอยปกป้องซีเป่ยมาหลายปี ชายชาติทหารกี่คนที่เสียชีวิตในการต่อสู้ ความดีความชอบนี้ท่านสามารถลบได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำงั้นหรือ เป็นท่านเองที่มีเจตนาร้าย ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกักตัวท่านไว้ในจวนและเฝ้าดูอย่างลับๆ ในขณะที่ท่านเองก็รับปากข้าว่าตราบใดที่ท่านทดสอบเส้นสนกลในของเขาเสร็จ เรื่องที่เหลือจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราแล้ว ในขณะเดียวกันท่านก็วางแผนลอบทำร้ายในที่สุดข้าก็เข้าใจเป้าหมายของท่านเดิมทีไม่ใช่คุณชายหยาง! เขาเป็นเพียงหนึ่งในเบี้ยของท่าน ท่านวางแผนที่จะฆ่าเขาตั้งแต่แรกแล้ว และใช้โอกาสเรื่องที่ฆ่าเขาให้พวกเราตระกูลจงไม่มีทางที่จะฟื้นคืนได้ตลอดไป!”

บุรุษชุดดำหัวเราะอีกครั้ง “แม่ทัพจงไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปสำหรับท่านที่จะเข้าใจเรื่องนี้ คุณชายหยางผู้นั้นไม่ว่าเขาจะเป็นสายเลือดของซือฮว๋ายไท่จื่อหรือไม่ แต่ตายก็คือตาย เขาจะตายในอาณาเขตของท่านแม่ทัพจง พวกเราแอบให้กำลังใจท่านว่าฮ่องเต้คิดอย่างไรเกี่ยวกับตระกูลจงของพวกท่าน ถึงแม้ฝ่าบาทจะไม่ทำอะไรพวกท่าน แต่ขอเพียงฝ่าบาทสงสัยตระกูลจงของพวกท่านจะถูกทำลายในสักวัน!”

จงซู่โกรธถึงขีดสุดเขาตะโกนเสียงดัง “ท่านมันเลวทราม! ตระกูลจงของข้ากับท่านมีความแค้นกันอย่างไรก็มาลงกับข้าสิ!”

บุรุษชุดดำลดเสียงลงอีกครั้งด้วยท่าทางอ่อนโยน “แม่ทัพจงอย่าโกรธไปเลย เรื่องเล็กแค่นี้คุ้มค่าตรงไหนกัน ตราบใดที่ท่านยอมจำนนเรื่องนี้พวกเรายอมเก็บลงท้องไป ท่านยังคงเป็นแม่ทัพผู้ซื่อสัตย์เป็นกั๋วกงที่ประชาชนเคารพนับถือ ว่าอย่างไร แม่ทัพจง พวกเรามาตกลงกันหน่อยดีหรือไม่”

หน้าอกจงซู่กระเพื่อมด้วยความโกรธ “พวกเราตระกูลจงไม่คุกเข่าให้โจรกบฏ!”

“โจรกบฏอะไรกัน” บุรุษชุดดำพูดอย่างเย็นชา “ท่านคิดว่าผู้ที่นั่งบนนั้นไม่ใช่โจรกบฏหรอกหรือ”

“ท่านยังกล้าใส่ร้ายโอรสสวรรค์!”

“ข้าใส่ร้ายงั้นหรือ” บุรุษชุดดำหัวเราะ “แม่ทัพจง เหตุใดท่านถึงน่าหลอกเหมือนคนพวกนั้นนะ ท่านไม่คิดเลยหรือว่าปีนั้นไท่จื่อ ฉินอ๋อง และจิ้นอ๋องเป็นคนเช่นไร เหตุใดถึงถูกจ้าวอ๋องเอาเปรียบได้ข้าจะบอกอะไรท่านนะ เรื่องนี้คนผู้นั้นจัดการไม่ได้อย่างไรเล่า! ไม่เช่นนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้าปล่อยให้ชาติกำเนิดของคุณชายหยางเป็นที่รู้กันไปทั่วเล่า ปีนั้นจวิ้นอ๋องถูกยึดทรัพย์ประหารทั้งครอบครัวเพราะเขาพบหลักฐานการก่ออาชญากรรม พวกท่านยังคิดว่าเขามีเมตตาอีกหรือ!”

“หุบปาก!” จงซู่ตะโกน “จนถึงตอนนี้ท่านยังกล้าพูดเรื่องไร้สาระอยู่อีก”

บุรุษชุดดำยิ้ม “ข้าพูดเรื่องไร้สาระอยู่หรือไม่ แม่ทัพจงตัวท่านในตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรในสถานการณ์ของท่านเลย เมื่อครู่ข้าโกหกคุณชายหยางตอนนี้เขาคงตายภายใต้ลูกธนูไปแล้ว สถานการณ์ของพวกท่านตระกูลจงถูกกำหนดไว้ที่นี่ ท่านยังต้องการทะเลาะต่ออีกหรือ”

เมื่อเห็นแววตาของจงซู่เป็นประกายโกรธเกรี้ยว แต่ทำอะไรไม่ได้ บุรุษชุดดำยิ่งหัวเราะอย่างมีความสุข

ท่ามกลางเสียงหัวเราะเสียงกีบม้าก็เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และคนอีกกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา

บุรุษชุดดำพูดอย่างดูถูก “พวกท่านมีจำนวนคนมากกว่านี้แล้วอย่างไร ข้าเตรียมทางหนีทีไล่ที่ด้านนอกไว้นานแล้วถึงท่านจะฆ่าข้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของท่านได้ คุณชายหยางตายแล้วพวกท่านหมดทางรอดแล้ว!”

“งั้นหรือ” หลังจากเสียงเท้าม้าก็มีเสียงที่เขาคาดไม่ถึงดังขึ้น “ท่านหลิน ท่านบอกว่าผู้ใดหมดทางรอดแล้วกัน” บุรุษชุดดำตกใจเขาหันไปมอง

คบเพลิงแต่ละดวงส่องถนนบนภูเขาให้สว่างไสวราวกับกลางวัน หยางชูที่ขี่ม้าว่างหยุนจุ่ยปรากฏตัวขึ้นในสายตาของเขา และพยักหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้ม

“ที่แท้ท่านก็เป็นคนของหลิ่วหยางจวิ้นอ๋องหมายความว่าเป็นคนที่เหลืออยู่ของจิ้นอ๋องใช่หรือไม่ ไม่น่าแปลกใจที่พูดเรื่องของสำนักชิงหยุนได้แนบเนียนเพียงนี้”

บุรุษชุดดำเกือบคิดว่าตนเองมีอาการประสาทหลอนเขามองหยางชูด้วยความประหลาดใจ “เหตุ..เหตุใดท่านถึงยังมีชีวิตอยู่”

“แล้วทำไมข้าถึงจะไม่มีชีวิตอยู่กันเล่า” หยางชูพูดอย่างเกียจคร้าน “ท่านคิดว่าทักษะการแสดงที่ไร้ความสามารถนั่นจะตบตาข้าได้หรือ ข้าเห็นคนหลอกลวงที่เก่งกาจกว่าท่านมามากมายนับประสาอะไรกับท่านกัน”

ใช่ คนหลอกลวงที่มีนามว่าหมิงเวย คนเจ้าเล่ห์เพทุบายมีมากมายนับไม่ถ้วนปะปนอยู่กับคนที่โกหกขั้นสูงอยู่ทุกวันจะถูกคนระดับแค่นี้หลอกได้อย่างไร

“เจ้าคนแซ่หลิน!” จงรุ่ยตะโกนเสียงดัง “ตอนนี้แผนของท่านล้มเหลวแล้ว คุณชายหยางยังมีชีวิตอยู่ดีท่านยังมีแผนไหนอีก”

บุรุษชุดดำมองพวกเขาด้วยสีหน้ามืดครึ้มแผนเกิดความผิดพลาดเช่นนี้เท่ากับว่าเขาขาดทุนย่อยยับ ตราบใดที่หยางชูไม่ตายการจัดเตรียมทั้งหมดของเขาที่อยู่ด้านนอกจะถูกยกเลิก

แต่…เป็นไปได้อย่างไรมีตรงไหนที่ผิดพลาดกัน

“เป็นไปไม่ได้มีตรงไหนที่ข้าผิดพลาดกัน” จนถึงตอนนี้บุรุษชุดดำยังไม่อยากเชื่อว่าทักษะการแสดงของเขามีปัญหา

หยางชูตอบ “หากพูดถึงช่องโหว่มันก็ไม่ได้ใหญ่อะไร เพียงแต่ข้าไม่เคยเชื่อว่าตนเองจะโชคดีเพียงนั้นดังนั้นข้าจึงจับตาดู และติดต่อกับแม่ทัพเซี่ยง”

บุรุษชุดดำแปลกใจ “ท่านไปติดต่อเขาตอนไหน” เขาเองก็จับตามองอย่างใกล้ชิด

หยางชูยิ้ม “ท่านคงลืมใครบางคนไป”

บุรุษชุดดำหันไปตามเสียง และเห็นว่าด้านหลังคนกลุ่มนั้นมีสตรีในชุดคลุมนั่งอยู่บนหลังม้าสีขาว ถูกห้อมล้อมด้วยทหารในชุดเกราะนางที่อยู่ตรงกลางจึงดูสะดุดตา

นางหันหน้ามาและยิ้มให้เขา “ยินดีที่ได้รู้จักคงต้องขอคำแนะนำจากท่านแล้ว”

……………