“หุบปาก!” เฉินจ้าวแววตากริ้วโกรธ และจ้องมองไปที่น้องสาว “เจ้าก็รู้ถึงสถานการณ์ในเขตฉางชวนว่าเป็นอย่างไร เจ้ายังจะส่งเสริมให้พระชายาเสด็จไป เจ้าบ้าไปแล้วหรือ” แล้วหันมามองที่อวิ๋นหว่านชิ่น “ส่งพระโอสถหรือดูแลปรนนิบัติ เจ้าก็ส่งบ่าวไปทำแทนได้ ไม่ก็ส่งมันมาให้ข้า ข้าจะจัดการแทนเจ้าเอง พระชายาเสด็จไปหาฉินอ๋องถึงที่นั่น หากฮ่องเต้ทรงทราบเข้า เจ้าจะทำเช่นไร พวกเจ้าไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยเห็นท่านพี่โมโหเช่นนี้มาก่อน ต่อให้นิสัยที่ไม่หวาดกลัวใครอย่างเฉินจื่อหลิง ครั้งนี้ยังเริ่มรู้สึกเกรงกลัวเล็กน้อย แต่ก็กัดฟันพูด “ท่านพี่! ฉินอ๋องพระวรกายไม่แข็งแรง ยิ่งเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก เจ้าจะให้ชิ่นเอ๋อร์นั่งร้อนใจอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ท่านพี่ไม่พานางไป นางได้ร้อนใจตายอยู่ในจวนเป็นแน่”
อวิ๋นหว่านชิ่นยังคงมองไปที่เฉินจ้าว“พี่ใหญ่ ข้าเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง และจะไม่มีใครรู้สถานะข้าอย่างแน่นอน เรื่องที่จวนอ๋องก็มีคนฝีมือดีอย่างเกาจ๋างสื่ออยู่ เขาจะช่วยข้าปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้แพร่งพรายออกไป เรื่องนี้จะไม่ทำให้เจ้าลำบากเลย และไม่มีผลกระทบต่อกองกำลังทหาร เจ้าพาข้าไปเมืองเยี่ยนหยางกับเจ้าเถิดนะเจ้าคะ”
เฉินจ้าวกัดฟันจนเกิดเสียงดังออกมา ภายในใจร้อนรุ่ม “ข้ามิได้กลัวเจ้าทำข้าเดือดร้อน”
“ข้ารู้พี่ใหญ่เป็นห่วงข้า” ในสายตาของเขา ยังมองอวิ๋นหว่านชิ่นเป็นเด็กน้อยวัยแปดขวบที่สูญเสียมารดาเสมอมา ไม่มีที่ให้พึ่งพาและปกป้อง “แต่ทว่า จวนฉินอ๋องเป็นบ้านของข้า และเขาก็เป็นพระสวามีของข้า ข้าไม่ยอมนิ่งดูดายและทำได้เพียงร้อนใจ แล้วไม่ทำอะไรเลยเช่นนี้ ให้ข้าไปเถิดนะ ในเมืองหลวง ฉินอ๋องไม่มีใครที่จะพึ่งพิงได้ มีเพียงข้า! ข้ารู้เพียงแต่ว่าหากข้าไป ข้าถึงจะวางใจได้ เขาก็จะได้วางใจเช่นกันนะพี่ใหญ่!”
หนุ่มร่างกายกำยำอย่างเฉินจ้าวเสมือนโดนสายฟ้าฟาด สั่นสะเทือนไปชั่วขณะ ใบหน้ากระตุกเล็กน้อย แต่กลับทำให้คนไม่รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ผู้เคยอ่อนแอ ผู้เคยว่านอนสอนง่ายและยอมอ่อนโอนผ่อนปรนกับสิ่งต่างๆ เคยจับที่ชายกระโปรงตัวเองแล้วร้องไห้ แค่เพียงลมพัดผ่านก็กลับมาหัวเราะอย่างสบายอกสบายใจแล้ว แต่วันนี้นางกลับกระพือปีกนกที่งดงาม แสดงให้เห็นอีกด้านหนึ่งที่เขาเองก็ไม่เคยเห็นและคาดคิดมาก่อน
ชิ่นเอ๋อร์…ตั้งแต่วันที่เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋อง ข้าก็ทำได้เพียงคิดถึงและร่ำร้องชื่อเจ้าอยู่ในใจ
ไม่ว่าจะเป็นในใจ หรือเรียกผ่านริมฝีปากก็ตาม ชั่วชีวิตข้าคงมิอาจหนีพ้นแล้ว
“ท่านพี่!” เฉินจื่อหลิงส่งเสียงเรียก ดึงสติของเฉินจ้าวกลับมา
ภายในห้องเงียบสงัด เงียบจนหากมีก่อนหินตกลงน้ำสักก้อน คงทำลายความเงียบไปไม่ได้
ผ่านไปชั่วครู่ เฉินจ้าวเอ่ยขึ้นมาว่า “จื่อหลิง ไปนำเครื่องแต่งกายของเด็กรับใช้มาให้พระชายาเปลี่ยน”
เฉินจื่อหลิงยินดีปรีดายิ่งนัก เมื่อรู้ว่าเฉินจ้าวยอมตกลงแล้ว แต่ช้าก่อน “ท่านพี่จะให้ชิ่นเอ๋อร์ปลอมเป็นเด็กรับใช้ไปที่เมืองเยี่ยนหยางหรือ”
เฉินจ้าวพูดอย่างเย็นชา “ให้พระชายาตามกองกำลังที่มีแต่ชายหนุ่มไปไม่ได้ ข้าไม่วางใจ และก็คงไม่สะดวก หากมีคนจับได้จะเป็นเรื่องใหญ่ ระหว่างทางเจ้ามาอยู่กับข้า ข้าจะได้ดูแลเจ้าได้ง่ายๆ” และมองไปที่อวิ๋นหว่านชิ่น “พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางก่อนรุ่งสาง หากเจ้าเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว คืนนี้เจ้าก็พักที่จวนนี้เถิด ที่นี่มีห้องรับรองอยู่หลายห้อง ให้จื่อหลิงพาเจ้าไปพักผ่อน พรุ่งนี้ก่อนรุ่งสาง ข้าจะไปเรียกเจ้าและออกไปพร้อมกันก่อนฟ้าสาง เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจของคนในจวน เมื่อถึงค่ายทหารแล้ว เจ้าต้องอยู่ข้างกายข้าเสมอ ห้ามพูดกับใครทั้งนั้น ทหารจะเข้าใจว่าเจ้าเป็นผู้ติดตามของข้า เขาจะไม่ไถ่ถามอะไรเลย”
อวิ๋นหว่านชิ่นส่ายหัว “ไม่ หากข้าเป็นเพียงผู้ติดตามของท่านพี่ ก็ขอให้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านพี่ปฎิบัติตัวกับข้าเป็นเด็กรับใช้เถิด ข้าจะนอนที่ห้องรับรองได้อย่างไร หากมีคนเห็นเข้า คงสงสัยเป็นแน่ หลังจากข้าเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว คืนนี้ข้าจะเฝ้าอยู่ระเบียงทางเดินหน้าห้องพี่ใหญ่ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ และตลอดเวลาเดินทาง พี่ใหญ่ไม่ต้องดูแลข้าเป็นพิเศษ เห็นว่าทำอย่างไรเหมาะสมก็ทำเถิด และอย่าเรียกข้าว่าพระชายาอีกเลย”
เฉินจ้าวทำหน้าขมวด “นอนที่ระเบียงหน้าห้องหรือ ทำอย่างนั้นได้อย่างไร คืนนี้อากาศหนาวนัก พวกเด็กรับใช้พวกนี้กระดูกแข็งกันมาก จึงคุ้นชินแล้ว แต่เจ้าจะทนกับค่ำคืนที่เหน็บหนาวที่ได้อย่างไร”
อวิ๋นหว่านชิ่นอมยิ้มที่มุมปาก “พี่ใหญ่ ณ เมืองเยี่ยนหยางนั้นลำบากกว่านี้นัก หากเรื่องแค่นี้ข้าผ่านไปไม่ได้จะอยู่ได้อย่างไร ถือว่าให้ข้าทำตัวให้คุ้นชินก่อนเดินทางไปแล้วกัน” แม่น้ำชิงถูกตัดขาด น้ำท่วมบ้านเรือนราษฎรพังเสียหาย ตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว ทุกทั่วสารทิศสุดแสนจะหนาวเย็น นอกเมืองหลวงคงไม่มีถ่านและผนังดินที่จะให้ความอบอุ่นเป็นแน่ ต้องทำร่างกายให้คุ้นชินก่อน
เฉินจื่อหลิงเห็นด้วยจึงพยักหน้า “พี่ใหญ่ ฟังชินเอ๋อร์เถิด เรื่องใหญ่ท่านพี่ยังช่วยแล้ว เรื่องเล็กเช่นนี้ท่านพี่อนุญาตเถิดเจ้าค่ะ”
หากสองคนนี้ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันแล้ว คงชนะทุกศึก ต่อให้เป็นเฉินจ้าวยังมิอาจจะต่อกรได้ ทำได้เพียงประนีประนอม ยักคิ้ว “จื่อหลิง เจ้าเอาเสื้อที่หนาหน่อยมา และเสื้อด้านในให้หยิบมาหลายตัว ต้องเลือกตัวที่สะอาด เจ้าได้ยินชัดหรือไม่”
เฉินจื่อหลิงยิ้ม “เรื่องแค่นี้ข้าจัดการได้อยู่แล้ว” แล้วดึงอวิ๋นหว่านชิ่นออกไป
***
พอยิ่งถึงยามดึก ท้องฟ้าก็ยิ่งมืดสนิท
อวิ๋นหว่านชิ่นนำของที่นำมาฝากไว้ที่เฉินจ้าวทั้งหมด หลังเปลี่ยนเป็นชุดผู้ติดตามของจวนสกุลเฉินแล้ว ก็มาที่หน้าระเบียงทางเดิน หาเก้าอี้เล็กมานั่ง รอให้ฟ้าสว่าง
เฉินจื่อหลิงกลัวคนสงสัย จึงไม่กล้าอยู่กับนางนานนัก รีบพูดกับนางไม่กี่ประโยคก็รีบกลับเข้าไป
ยิ่งดึกลมหนาวก็ยิ่งพัดแรง อวิ๋นหว่านชิ่นจมูกเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน แต่อากาศหนาวเช่นนี้ก็ทำให้ไม่กล้าที่จะนอน จึงลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย มองไปทางทิศตะวันออก เฝ้ารอให้พระอาทิตย์ขึ้นเร็วกว่านี้สักหน่อย
เอียงคอไปพลาง เหม่อมองไปพลาง คิดถึงระยะทางที่ยาวไกลระหว่างเมืองหลวงถึงเยี่ยนหยาง
เขาอยู่ที่ค่ายบัญชาการชั่วคราวนั้น ไม่รู้จะสบายดีหรือไม่
เมื่อเขาเห็นนาง จะรู้สึกแปลกใจหรือไม่ บางทีอาจจะตกใจ…นางนำสองมือประสานกันแล้วป้องไปที่ริมฝีปาก เป่าไออุ่นออกจากปากเบาๆ มือเท้าเริ่มเย็นจนแข็งแล้ว แต่ทันทีที่คิดคำนึงถึงช่วงเวลาที่จะได้พบกัน นางก็นอนกอดตัวเองทั้งคืน และร่างกายแผ่ซ่านไปด้วยความอบอุ่น
นางหยุดไม่ได้ที่จะกอดไหล่ทั้งสองของตนเอง คล้ายกับเขากำลังกอดตนเองอยู่ก็ไม่ปาน ใช้ความร้อนจากร่างกายให้ความอบอุ่นตัวเองเพื่อผ่านค่ำคืนอันเหน็บหนาว
หากมองในมุมของเขา การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของเมืองเยี่ยนหยาง ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนอันสำคัญ
หากไม่จัดการให้ดี ต่อจากนี้ชื่อเสียงคงเสียหายป่นปี้และมองไม่เห็นอนาคตเป็นแน่ เมื่ออดทนมาได้สักพักสุดท้ายดวงตาก็ค่อยปิดลงท่ามกลางค่ำคืนที่แสนสงบ
ภายในห้องปรากฏเงาชายหนุ่มร่างกายกำยำเดินมาเปิดผ้าม่าน ดวงตามองไปที่ระเบียงทางเดิน เห็นหญิงสาวคดตัวราวกับแมวน้อย
ภายใต้แสงจันทร์เยือกเย็นและเงียบสงบ หญิงสาวเปลือกตาปิดลงมา ปิดบังความงดงามของนัยย์ตา ริมฝีปากที่บางอ่อนช้อย ส่วนประกอบเหล่านี้ทำให้เกิดเป็นหญิงสาวที่งดงาม สองมือสอดอยู่ใต้แขนเสื้อ กอดกันอย่างแน่นหนา นอนอย่างสบาย จมูกเล็กๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ร่างกายก็สั่นเทาเล็กน้อย
เฉินจ้าวเดินเข้าไป โน้มตัวลงไป อ้าแขนทั้งสองข้างออก ค่อยๆ อุ้มนางขึ้นมาอย่างเบามือ แล้ววางลงบนเตียงในห้อง และนำผ้าห่มหนามาคุ้มตัวไว้
หลังจากที่เฉินจ้าวนำทหารแห่งสกุลเฉินออกจากเมืองหลวงไป ก็ได้เดินทางลงไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นระยะเวลาสามวันแล้ว