ตอนที่ 245 -ความสิ้นหวัง ! สัตว์อสูรระดับห้า 3 ตัว
อีก 1 ชั่วยามต่อมา สัตว์อสูรระดับ 4 จำนวน 100 ตัวถูกฆ่าตายและ 99 ตัวถูกฆ่าโดยเจี้ยนเฉิน เมื่อสัตว์อสูรระดับ 4 ตายไปแล้ว เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้เข้ามาในพื้นที่และจัดการสัตว์อสูรที่ระดับต่ำกว่าได้
เจี้ยนเฉินไม่ได้หยุดมือแม้แต่น้อย สัตว์อสูรระดับ 3 เป็นเป้าหมายใหม่ของเขา เขาแยกตัวเองออกจากคนอื่น ๆ เขาเริ่มฆ่าสัตว์อสูรระดับ 3 ทุกตัวในทันที ในไม่ช้าสภาพแวดล้อมโดยรอบเจี้ยนเฉินก็เต็มไปด้วยภูเขาขนาดย่อมของสัตว์อสูรที่ถูกเขาสังหาร
ภายในฝูงสัตว์อสูร เจี้ยนเฉินจับและแกว่งกระบี่ของเขาด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ยังคงรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนว่าเขากำลังร่ายรำอยู่ สัตว์ที่อยู่รอบตัวเขาล้มบนพื้นดินทีละตัว ๆ โดยไม่รู้ตัวว่าพวกมันตายไปแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกมันนั้นเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับ 3 จึงไม่สามารถต่อสู้กับพลังของเจี้ยนเฉินได้ ราวกับว่าเขามีตาอยู่ที่ด้านหลังศีรษะ เจี้ยนเฉินสามารถหลบหลีกจากการโจมตีจากด้านหลังได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะถูกล้อมกรอบ แต่เขาก็ไม่เคยกลัวเลยและเริ่มที่จะเก็บเกี่ยวชีวิตของสัตว์อสูรดั่งเช่นเทพมรณะแทน
การต่อสู้กับเจี้ยนเฉินผู้ซึ่งดูเหมือนจะเป็นศูนย์รวมแห่งเทพมรณะ สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่กลัวเลย ความกระหายเลือดของพวกมันกลับเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่พวกมันก็ยังไม่ได้วิ่งไปที่เจี้ยนเฉิน แต่ละตัวเริ่มแผดเสียงดังคำรามที่ดูเหมือนว่าจะดังก้องกังวานข้ามขอบฟ้า
“โฮก ! “
ทันใดนั้นเสียงคำรามที่เขย่าสวรรค์อีกเสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากป่าและสั่นสะเทือนแม้กระทั่งพื้นดินที่ทุกคนยืนอยู่ ทันทีที่สัตว์อสูรที่ต่อสู้อยู่ใกล้กับเมืองเวคได้ยินเสียงคำรามด้วยโกรธ ความกลัวได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกมันและพวกมันก็เริ่มสั่นสะท้านราวกับว่าพวกมันหนาวเหน็บ แม้แต่สัตว์อสูรที่มีอาวุธเซียนฟันเข้ามาในร่างกายของพวกมันก็ยืนหยุดอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีการตอบโต้ราวกับว่าความหวาดกลัวของพวกมันป้องกันไม่ให้พวกมันเคลื่อนไหว
การไล่ฆ่าสัตว์อสูรค่อย ๆ ช้าลง เจี้ยนเฉินชี้กระบี่ของเขาลงบนพื้นให้เลือดบนกระบี่ทั้งหมดหยดลง
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมสัตว์อสูรจึงสั่นสะท้านด้วยความกลัว แต่เมื่อเขามองตามสายตาไปยังเทือกเขาสัตว์อสูร เขาก็เข้าใจทันที นั่นคือที่ซึ่งสัตว์อสูรระดับ 5 อยู่ บางทีถ้าสัตว์อสูรมีความแข็งแกร่งเท่าที่คาตาต้าบอกไว้มันก็เป็นเช่นนั้น แม้ว่าทูตที่แข็งแกร่งทั้งสองจะมาร่วมมือกัน อย่างมากพวกเขาก็แค่สามารถถ่วงมันไว้ได้เท่านั้น
ป่าเริ่มสั่นไหวครู่หนึ่งก่อนที่สัตว์อสูรสูง 5 เมตรจะเดินออกมาจากมัน สัตว์อสูรนี้คล้ายกับลิงอุรังอุตัง แต่ไม่มากนัก มันไม่มีขนอยู่บนร่างของมันกลับกันทั้งร่างของมันถูกปกคลุมด้วยเกล็ดหยกสีเข้มเหมือนงู ในเวลากลางวันเกล็ดก็เปล่งแสงสุกใส
“โฮก ! “
สัตว์อสูรที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์วานรเดินมาจากป่าอย่างช้า ๆ ในขณะที่คำรามอย่างโกรธแค้น เสียงคำรามของมันเขย่าสวรรค์และทำให้หูของทุกคนอื้อจนแก้วหูสั่นสะเทือน
สำหรับสัตว์อสูรที่ต่อสู้กับทหารรับจ้าง พวกมันแต่ละตัวพลันหันกลับมาและคลานกลับไปหามนุษย์วานรโดยไม่สนใจทหารรับจ้าง
“นี่คือมนุษย์วานรเกล็ดเขียว! ความแข็งแกร่งของมันลือกันว่าไม่มีใครเทียบและเกล็ดสีเขียวมีความทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่เซียนปฐพีก็ไม่สามารถทำลายพวกมันได้อย่างง่ายดาย ! ” เมื่อเห็นมนุษย์วานร เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะร้องออกมากับตัวเอง ในขณะที่เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่กำลังครอบงำอยู่
คาตาต้ายืนอยู่บนกำแพงเมืองด้วยท่าทางที่แข็งกระด้างในขณะที่เขาพูด”ข้าไม่คิดว่าสัตว์อสูรระดับ 5 จะเป็นมนุษย์วานรเกล็ดเขียว การป้องกันของพวกมันแข็งแกร่งอย่างผิดปกติและแม้แต่ผู้ที่เป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 4 ก็ยากที่จะรับมือกับมัน
” แย่แล้ว ! ” คาตาเฟยร้องออกมาข้าง ๆ พี่ชายของเขา นับตั้งแต่เริ่มสงครามครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่สีหน้าของคาตาเฟยแสดงออกอย่างมีนัยสำคัญ
ทันใดนั้นร่างอีกสองร่างก็ออกมาจากป่าและยืนอยู่ข้างหลังมนุษย์วานรเกล็ดเขียว
ร่างสองร่างนี้เป็นสัตว์อสูรขนาดยักษ์ หนึ่งในนั้นคือเสือที่มีขนแผงคอสีทองยาว 2 เมตรและสูง 5 เมตร ถัดจากเสือเป็นสัตว์อสูรอีกตัวที่มีความยาวไม่กี่สิบเมตรแต่มันก็สูงเพียงครึ่งเดียวของผู้ใหญ่ที่โตเต็มวัย สัตว์อสูรนี้คล้ายกับจระเข้ที่มีหนังสีดำเหมือนผิวหนังและดวงตาที่ดูเหมือนจะสะท้อนความเย็นชาด้วยเจตนาร้าย มีใบดาบยาว 2 เมตรซึ่งเหมือนหนามแหลมขึ้นบนหลังของมันและเมื่อมันเดินเข้ามาในแสงสว่าง ร่างของมันก็ดูเหมือนจะเป็นอันตรายยิ่งกว่า
เมื่อเห็นสัตว์อสูรทั้งสอง สีหน้าของคาตาต้าเริ่มซีดอย่างน่ากลัวขณะที่เขาร้องออกมาว่า ราชาพยัคฆ์ขนทองและจระเข้หลังดาบ ! น่ะ-น่ะ-นี้ … นี้หมายถึงมีสัตว์อสูรระดับ 5 สามตัว!”
หน้าของคาตาเฟยก็ซีดลงเมื่อเขามองดูสัตว์อสูรทั้งสามตรงหน้าเขา ตอนนี้เขารู้สึกถึงความหวาดกลัวอย่างรุนแรง เขาและพี่ชายของเขาไม่สามารถแม้แต่จะต่อสู้กับมนุษย์วานรเกล็ดเขียวด้วยได้ มันคงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ 5 สามตัวในเวลาเดียวกัน …
คาตาต้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เขาพยายามสลัดความรู้สึกที่หนาวเหน็บในแขนขาของเขา ทันใดนั้นเขาก็หันไปหาหยุนหลี ” รีบแจ้งชาวเมืองทุกคนที่อยู่เมืองเวคโดยเร็ว พวกเขาต้องอพยพโดยเร็วที่สุด เมืองเวคไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ! “
“ขะ ขอรับ..ข้าจะทำตอนนี้” หยุนหลีตอบด้วยใบหน้าที่ซีดขาวพอ ๆ กัน สัตว์อสูรระดับ 5 สามตัวไม่ใช่สิ่งที่เมืองเวคสามารถป้องกันได้ แม้ว่าปืนใหญ่ผลึกแกนอสูรระดับกลางจะสามารถทำร้ายพวกมัน เมืองเวคก็ยังคงต้องการเซียนปฐพีอย่างน้อย 5 คนเพื่อเพิ่มโอกาสของพวกเขา
“เราจะทำเช่นไรดีตอนนี้ ! ” คาตาเฟยถาม
“ตอนนี้เราได้แต่เพียงหวังว่าจะถ่วงเวลาด้วยการตรึงพวกมันไว้เท่านั้น ต่อสู้เพื่อที่จะให้ชาวเมืองเวคสามารถอพยพออกไปได้ แม้ว่าเราจะไม่มีพลังที่จะเอาชนะ แต่เราก็ยังสามารถถ่วงเวลาได้ หากเราสามารถทำสิ่งนั้นสัตว์อสูรระดับ 5 ทั้งสามตัวจะถูกขัดขวางในเวลาที่เพียงพอ แต่เรายังต้องระวังไม่ให้บาดเจ็บ มิฉะนั้นข้ากลัวว่าเราจะกลายเป็นเป้าหมายที่ง่ายสำหรับสัตว์อสูรระดับ 5 และน่าจะจบลงด้วยความตาย” คาตาต้าพูดอย่างกังวล
คาตาเฟยพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ภายในฝูงสัตว์อสูร เจี้ยนเฉินได้ตระหนักว่ามีสัตว์อสูรอีกสองตัวที่ยืนอยู่ด้านหลังมนุษย์วานร ช่วงเวลาที่ดวงตาของเขาจับลงบนแผงขนสีทองของราชาพยัคฆ์ขนทอง สายฟ้าวิ่งผ่านเขาราวกับว่าเขาจำได้วูบหนึ่งจากอดีตได้
ในอดีตนั้นราชาพยัคฆ์ขนทองตัวนี้ได้บังคับให้เหล่าทหารรับจ้างอัคนีหนี…
ในอดีตที่ผ่านมาราชาพยัคฆ์ขนทองตัวนี้ทำให้กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีมีสมาชิกเหลือเพียงคนเดียว …
ในอดีตนั้นราชาพยัคฆ์ขนทองได้ฆ่าลุงเคนดัลและพี่น้องคนอื่น ๆ …
เคนดัลผู้เสียสละ หูป๋อผู้เปิดเผยและเซียวเต๋าผู้มีเสน่ห์
ภาพของสมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีปรากฎขึ้นอย่างแจ่มชัดภายในใจของเจี้ยนเฉินเหมือนม้วนภาพบนผนัง กลุ่มที่เคยเป็นครอบครัวที่มีความสุขชั่วครู่ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อราชาพยัคฆ์ขนทองโจมตี
แม้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างอัคนียังคงมีอยู่ แต่ทุกอย่างก็แตกต่างกันไปในตอนนี้
ความทรงจำในอดีตนี้ได้ถูกถ่ายทอดมาสู่ความคิดของเจี้ยนเฉินตลอดกาล ดังนั้นเขาจะไม่มีวันลืมมัน พี่น้องที่ล่วงลับไปนานแล้วจะไม่มีวันกลับมา วิญญาณที่คุ้นเคยของพวกเขาได้หายไปนานนับตั้งแต่เข้าสู่สวรรค์ที่ไร้ขอบเขตและทิ้งไว้เพียงความทรงจำที่น่าเศร้า
จิตสังหารอย่างรุนแรงไหลออกมาจากดวงตาของเจี้ยนเฉิน เมื่อกระบี่วายุโปรยของเขาระเบิดออกมาด้วยปราณกระบี่ แสงอันดุร้ายส่องจากปลายกระบี่และหากมองอย่างใกล้ชิดก็จะเห็นสีฟ้าและสีม่วงส่องแสงอยู่ข้างใน